บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 รอบตัวมีแต่งูพิษ

บทที่ 3

รอบตัวมีแต่งูพิษ

ดังนั้นการกลั่นแกล้งจ้าวซีซีจึงไม่ใช่เพียงเรื่องสนุก แต่มันคือการระบายความอิจฉาและความโกรธแค้นของเธอ

“ฉันจะนอน เธอจะไปไหนก็ไป ชิ่ว ๆ”

เมื่อโบกมือไล่จ้าวหมิงหมิงแล้ว เธอก็ล้มลงบนเตียงอีกครั้ง แล้วแสร้งทำเป็นหลับไป

แต่แล้วทันใดนั้น ความรู้สึกบางอย่างปะทุเข้ามา แต่เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่ามาโผล่ที่โกดังสินค้าของตัวเองเสียอย่างนั้น

หญิงสาวตกใจสุดขีด ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วพยายามใช้สายตามองสำรวจโกดังแห่งนี้

เมื่อหันซ้ายขวาก็เห็นสินค้ามากมายหลายอย่างเต็มไปหมด ดูเหมือนว่าสินค้าพวกนี้จะวางอยู่ที่เดิม แต่สิ่งที่ทำให้จ้าวซีซีเริ่มรู้สึกสับสนคือการที่ทุกอย่างมันดูผิดปกติ เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกบิดเบือนจากความจริง

“เซียนอวี๋...”

จ้าวซีซีร้องเรียกชื่อเพื่อนสนิทของเธอออกมา แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับ มันเงียบสนิทจนเธอเริ่มรู้สึกกลัว แม้แต่เสียงของตัวเอง

ก็เหมือนจะหายไปในอากาศ

ปกติแล้วเวลาเข้ามาที่โกดังจ้าวซีซีจะเข้ามาพร้อมกับ

หลิวเซียนอวี๋เสมอ น้อยครั้งมากที่เธอจะมาคนเดียว ดังนั้นลองตะโกนเรียกเพื่อนก่อนก็น่าจะดี

หญิงสาวลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้าอย่างสับสน ตลอดเส้นทางที่เดินผ่านสินค้ามากมายยังคงถูกเก็บรวบรวมไว้ในโกดัง แต่ทุกอย่างยังคงเงียบสนิท

จ้าวซีซีคิดว่าเธออาจจะอยู่ในฝัน แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน เนื่องจากร่างกายของเธอหนักหน่วง และรู้สึกได้ถึงความจริงของทุกอย่างรอบตัว

ทันใดนั้นเธอก็เริ่มเข้าใจ สิ่งที่เธอเผชิญอยู่นี้ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นมิติที่ตนเองหลุดเข้าไป เธอหลุดออกจากโลกในยุค 80 มาอยู่ในมิตินี้ ซึ่งดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับโกดังสินค้าของตนเอง

“ทำไมกัน” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง เวลานี้ข้อสงสัยลอยอยู่ในหัวของเธอเต็มไปหมด แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่ก็ตาม แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง

เพราะนี่ไม่ใช่แค่ความฝัน แต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง!

“เซียนอวี๋...” คิดได้อย่างนั้นจึงตัดสินใจเรียกชื่อเพื่อนขึ้นมา ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบกลับ

พอสติเริ่มกลับมาทำให้เเธอเริ่มคิดถึงบางสิ่ง ที่อาจจะเป็นทางออกให้กับสถานการณ์นี้

“หรือว่าฉันทะลุมมิติเข้ามาอยู่ในนิยาย เลยได้มิตินี้มาด้วย”

หญิงสาวพูดคนเดียว ก่อนจะนั่งลงบนลังไม้ลังหนึ่ง

จากนั้นก็หลับตาลงเพื่อได้ครุ่นคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทว่าเธอกลับหลับไปเสียนี่

เช้าวันต่อมา...

เมื่อรู้สึกตัวตื่น จ้าวซีซีพบว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องเดิม แต่ยังไม่ทันเรียกสติตัวเองกลับมาครบถ้วนดี เธอก็รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังเข้ามาจากทางประตูห้อง

“พี่ซีซี ตื่นแล้วเหรอคะ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากประตูทำให้จ้าวซีซีต้องข่มตาตัวเองไม่ให้แสยะยิ้มออกมา

เพราะรู้ดีว่าเจ้าของเสียงนั้นคือ จ้าวมู่อิง น้องสาวที่ดูอ่อนหวานและใสซื่อ หรือจะเรียกอีกอย่างคือ แม่ดอกบัวขาวดี ๆ นี่เอง

“เสี่ยวอิง...มีอะไรหรือเปล่า” จ้าวซีซีถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยเหมือนที่ร่างเดิมเคยทำ แม้ว่าภายในใจของเธอจะรู้สึกอีกอย่างหนึ่งก็ตาม

พอเห็นอีกฝ่ายตอบรับ จ้าวมู่อิงจึงยิ้มแย้มอย่างอ่อนหวาน ขยับเข้ามาใกล้แล้วยื่นมือมาลูบหน้าผากของจ้าวซีซีอย่างเบามือ

“ทำไมพี่ดูเหนื่อยจังคะ เป็นอะไรรึเปล่า ฉันจะไปเรียกพ่อแม่ให้นะคะ เผื่อว่าจะต้องไปหาหมอ”

ท่าทางที่อ่อนหวานของจ้าวมู่อิง ทำให้จ้าวซีซีเกือบหลงกลเสียแล้ว หากไม่ได้อ่านนิยายเล่มหนึ่งมาก่อน และท่าทางของ

หญิงสาวตรงหน้าก็สามารถหลอกคนได้จริง ๆ

แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ได้พยายามคุมสติไว้ เพราะรู้สึกถึง

แววตาที่บางครั้งแอบแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ และร้ายกาจของ

อีกฝ่าย

หากหลับตาเพียงชั่วครู่ก็จะเห็นภาพน้องสาวที่เคยน่ารักและอ่อนหวานกำลังแทงข้างหลังเธอไม่ต่างจากเนื้อหาในนิยายเรื่องนี้

“ไม่ต้องหรอกเสี่ยวอิง... พี่แค่รู้สึกอ่อนเพลียหน่อยเดียวเอง”

จ้าวซีซีตอบกลับไป พลางยิ้มให้กับน้องสาวอย่างนิ่มนวล เนื่องจากว่าตอนนี้ยังไม่ยากเผยตัวอะไรมากนัก

“จริงเหรอคะ แต่พี่ดูไม่ค่อยดีเลยนะคะ” จ้าวมู่อิงพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยอย่างเต็มที่

พอได้ยินอย่างนั้นจึงมองสบตากับน้องสาว แล้วพยายามจะซ่อนรอยยิ้มไว้ เพราะรู้ดีว่าในตอนนี้จ้าวมู่อิงกำลังเล่นละครอยู่

นั่นเพราะว่าเธอเองก็แกล้งทำเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและอ่อนแอ เพื่อจะดูท่าทางของน้องสาวให้ถี่ถ้วนขึ้น

“เชื่อพี่เถอะ พี่ไม่เป็นไรจริง ๆ”

จ้าวซีซีพยักหน้าเล็กน้อยและหลับตาไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วพูดต่อ

“เสี่ยวอิง พี่คิดว่าเราควรจะคุยกันเรื่องเหวินหยวนได้แล้วนะ”

จ้าวมู่อิงที่ยืนอยู่ข้างเตียงหยุดนิ่งไปชั่วครู่ เพราะไม่คิดว่าพี่สาวจะมองออกว่าตนเองรู้สึกอย่างไรกับเหวินหยวน สีหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนไปเป็นความสงสัย

“พี่เหวินหยวน พี่อยากพูดถึงเขาทำไมคะ”

หญิงสาวไม่ตอบทันที แต่หันไปมองอีกฝ่ายอย่างมีความหมาย

“เสี่ยวอิงก็รู้ใช่ไหมว่า...พี่จะต้องแต่งงานกับเหวินหยวน”

คำพูดของจ้าวซีซีทำให้จ้าวมู่อิงนิ่งค้างอยู่ในท่าทางที่ดูเหมือนจะตกใจ แต่เพียงแค่แวบเดียว น้องสาวก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แล้วหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตอบเหมือนไม่มีอะไร

“พี่แต่งงานกับพี่เหวินหยวนก็ดีนะ ฉันก็คิดว่าเขาเป็นคนดี แต่พี่ถามเรื่องนี้กับฉันทำไมคะ”

จ้าวซีซีก็ยิ้มแย้มขึ้นมาขณะตอบกลับ

“เสี่ยวอิง...ที่ผ่านมาเธอไม่รู้เลยเหรอว่าพี่ไม่ได้อยากแต่งงานกับเหวินหยวน พี่ไม่ได้รักเขาและเขาก็ไม่ได้รักพี่”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น จ้าวมู่อิงก็ยังคงยิ้มหวานเช่นเคย แม้จะแฝงไปด้วยแววตาร้ายกาจที่จ้าวซีซีไม่พลาดที่จะจับสังเกตได้

“ถ้าอย่างนั้นพี่จะทำอะไรได้คะ เพราะการแต่งงานเป็นความคิดของผู้ใหญ่”

“พี่คิดว่าควรจะให้เหวินหยวนได้แต่งงานกับคนที่เขารัก แล้วก็ทำให้คนที่รักเขาสมหวังด้วย”

เมื่อได้ยินประโยคนี้จ้าวมู่อิงก็มีรอยยิ้มขึ้นมาทันที

“แล้วพี่จะทำยังไง”

จ้าวซีซีไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ในใจกลับคิดถึงแผนการที่ค่อย ๆ จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ในตอนนี้หญิงสาวยังไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรือพูดอะไรออกไป แต่คิดว่าจะใช้เรื่องความรักของเหวินหยวนเป็นเครื่องมือ ในการจัดการทั้งจ้าวหมิงหมิงและจ้าวมู่อิงไปพร้อมกัน

เพราะเธอเชื่อว่าความริษยาของทั้งสองคนจะทำให้เรื่องของเธอนี้สะดวกยิ่งขึ้น!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel