บทที่ 4 ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว
บทที่ 4 ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว
“มี” เฉาเหวินซูที่ถูกถามอย่างนั้นก็ตอบกลับทันที ก่อนจะตวัดสายตามองลูกบุญธรรมแล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันขอสั่งว่า ต่อไปให้เธออยู่ห่างจากคุณชายหานไว้นะ เข้าใจไหม”
ที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเฉาเหวินซูรู้ว่าลูกสาวของเธอนั้นมีใจให้กับคุณชายหาน เลยตั้งใจกันท่าไม่ให้ลูกบุญธรรมเข้ามาวุ่นวายกับชายในดวงใจของเฉินเมิ่งหราน
“เรื่องนี้ห้ามฉันคนเดียวคงจะไม่ได้ผลหรอกนะคะแม่ เพราะถ้าฉันถอยห่างแล้วคุณชานหานยังต้องการมาใกล้ชิดฉันเอง ฉันก็คงห้ามเขาไม่ได้ เรื่องนี้แม่ไปบอกคุณชายหานด้วยตัวเองเลยดีไหมว่าให้อยู่ห่าง ๆ จากฉัน”
หญิงสาวได้ยินก็ยิ้มเยาะออกมา ก่อนจะตอบสวนกลับทันที ตามเนื้อเรื่องในนิยายนั้น พระเอกคนนี้มีใจให้กับนางร้ายมาตลอด แต่เพราะแม่พระเอกมองว่าเฉินซูเม่ยเป็นเพียงลูกบุญธรรมของตระกูลเฉิน และไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอนั้นเป็นใครกันแน่ จึงได้ตั้งท่ารังเกียจเธอและบังคับให้พระเอกแต่งงานกับนางเอก ซึ่งในเรื่องนี้เขียนไว้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของนางร้ายได้ตายไปแล้ว เธอจึงกลายเป็นเด็กกำพร้า
“เธออย่ามายอกย้อนฉันนะซูเม่ย ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำตามแล้วกัน อย่ามามีปากเสียง” เฉาเหวินซูตวาดออกมาอย่างไม่พอใจที่ถูกยอกย้อนกลับ เพราะเธอต้องการให้เฉินซูเม่ยอยู่ใต้อำนาจด้วยการเชื่อฟังเธอทุกอย่างเหมือนเดิม
แต่มีหรือที่นางร้ายตัวแม่อย่างเธอที่ทะลุมิติมาอยู่ร่างนี้แล้ว จะยอมให้ทุกคนในบ้านกดขี่อย่างที่แล้วมา
เฉินซูเม่ยมองไปทางนางเอกของนิยายเรื่องนี้อย่างเฉินเมิ่งหราน ที่แสร้งทำตัวไม่ต่างจากแม่ดอกบัวขาวตามละครที่เคยดู ก็รู้สึกรังเกียจขึ้นมา เธอมองว่าถ้าคนจริงต้องกล้าเล่นซึ่ง ๆ หน้า เหมือนเรื่องที่ตกสระน้ำอย่างไรล่ะ
ถึงแม้ว่านางร้ายเรื่องนี้อาจจะเป็นคนเริ่มก่อน แต่เพราะนางร้ายโง่อย่างไรล่ะ ถึงได้พลาดท่าตกน้ำพร้อมกัน
‘เฮ้อ...เพราะขี้โวยวายอย่างไม่มีสติอย่างไรล่ะ เธอถึงได้จบชีวิตลงจนฉันต้องมาสวมบทนางร้ายแทนเธออย่างไรล่ะ เฉินซูเม่ย!!’
หญิงสาวคิดถึงเจ้าของร่างเดิมอยู่ในใจ และรู้สึกสงสารโชคชะตานางร้ายคนนี้เหลือเกิน
“แล้วแต่แม่จะคิดก็แล้วกัน ฉันยอมถอยให้ก็ได้ แต่จะได้ผลไหมก็อยู่ที่ว่าคุณชายหานจะยอมถอยจากฉันหรือเปล่า เรื่องนี้ฉันทำคนเดียวไม่ได้หรอกนะแม่” เฉินซูเม่ยตอบกลับไปอย่างที่คิด ก่อนจะหันมามองน้องสาวด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า“ส่วนเธอ ถ้าคิดว่ามีความสามารถ ก็เชิญสานต่อได้เลย ฉันยกให้”
ที่เธอกล้าพูดแบบนี้ เพราะต่อให้ร่างเดิมจะรักพระเอกของเรื่องนี้มากแล้วอย่างไร แต่มันไม่ใช่นางร้ายอันดับหนึ่งที่ทะลุมิติมาสวมบทนางร้ายแทนอย่างเธอ!!
‘พระเอกที่เชื่อฟังแม่จนกล้าทำลายหัวใจของคนรักอย่างนั้น ฉันไม่เอาด้วยหรอก ใครอยากได้ก็มาเอาไปเลย ฉันยกให้!!’ นางร้ายอันดับหนึ่งคิดในใจอย่างไม่แคร์
หลังจากที่เฉินซูเม่ยเดินกลับขึ้นห้องไปแล้ว สามคนพ่อแม่ลูกได้แต่สบตากันอย่างไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมอีกฝ่ายถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่เหรอคะคุณแม่ ทำไมพี่ใหญ่ถึงมีท่าทีร้ายกาจแบบนั้นล่ะคะ” เฉินเมิ่งหรานพูดขึ้นมาเสียงเบา ๆ
“นั่นสิ แม่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับซูเม่ยกันแน่ ทำไมหลังจากที่ฟื้นจากการตกน้ำก็มีท่าทางเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียวสงสัยสมองจะได้รับการกระทบกระเทือนแน่ แต่ลูกไม่ต้องคิดมากหรอกนะ ยังไงเธอไม่มีทางที่จะมาขวางลูกกับคุณชายหานได้อีกแล้ว เมื่อครู่นี้ลูกก็ได้ยินแม่สั่งเธอแล้วนี่” เฉาเหวินซูพูดขึ้นมาพร้อมกับลูบหัวลูกสาวสุดที่รักอย่างอ่อนโยน
“แล้วพี่ใหญ่จะไม่ว่าลูกเหรอคะแม่ แล้วอีกอย่างคุณชายหานเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจลูกสักหน่อย ดูเหมือนเขาจะสนใจพี่ใหญ่มากนะคะ” เธอยังคงพูดด้วยท่าทีของตุ๊กตากระเบื้องที่พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ หากกระทบกับอะไรเข้า
“สนใจแล้วอย่างไรล่ะ ตอนนี้แม่กับคุณนายหานได้มีการพูดจากันไว้บ้างแล้ว เรื่องที่จะให้เราสองตระกูลเกี่ยวดองกัน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นระหว่างลูกกับคุณชายหาน เรื่องนี้ลูกไม่ต้องกังวลหรอกนะ พ่อกับแม่จะจัดการให้ลูกเอง อีกครึ่งปีลูกก็จะเรียนจบแล้ว แม่จะได้คุยกับฝ่ายนั้นเลย เรื่องที่จะให้ลูกหมั้นหมายกับคุณชายหาน” เฉาเหวินซูยังคงบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“แม่ของลูกพูดถูกแล้วล่ะเมิ่งหราน อะไรที่ดี พ่อคนนี้ก็จะทำให้ลูกได้เสมอ ขอแค่ลูกบอกพ่อมาว่าต้องการเท่านั้น ส่วนเรื่องเฉินซูเม่ย ลูกอย่าลืมว่าเธอไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับเรา แค่เราเลี้ยงดูมาจนโตขนาดนี้เธอก็ไม่สามารถตอบแทนบุญคุณได้แล้ว หากมีปัญหามากนัก พ่อจะไล่เธอออกไปจากตระกูลเราให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปซะ”
เฉินจื้อเฉียงพูดขึ้นอย่างเห็นด้วยกับภรรยา หากเฉินซูเม่ยยังคงดื้อดึงที่จะคบหากับหานเฟิงหลง เขาก็จะไล่เธอออกจากตระกูลเฉินเสียเลย แล้วมาดูสิว่าลูกนอกสายเลือดคนนั้นจะทำอย่างไร
“ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากนะคะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อฉัน”
เฉินเมิ่งหรานพูดออกมาอย่างยินดี ก่อนจะโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความดีใจ สายตาของเธอฉายแววพึงพอใจที่ยืมมือพ่อแม่เล่นงานพี่สาวต่างสายเลือดได้
ส่วนเฉินซูเม่ยเมื่อกลับขึ้นห้องมาแล้ว เธอก็มานั่งครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ในใจนั้นรู้ดีว่าไม่นานเธอคงโดนไล่ออกจากบ้านตระกูลเฉินแน่ เพราะตอนนี้เธอเริ่มต่อต้านและเปลี่ยนไปขนาดนี้
‘ หึ ในเมื่อฉันคือนางร้ายของเรื่องนี้ ฉันก็จะร้ายให้สมกับขึ้นบทบาทของนางร้ายเสียเลยดีกว่า คอยดูเถอะว่าฉันจะทำอะไรบ้าง’
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเฉินซูเม่ยจึงได้เดินลงมาจากห้อง แล้วไม่เห็นใครในห้องโถง จึงเดินออกจากบ้านไปด้วยความตั้งใจที่จะไปหางานทำ
เมื่อหญิงสาวมาถึงห้างสรรพสินค้า ก็เดินสำรวจความต้องการของตลาดในยุคนี้ แม้ว่าชาติก่อนเธอจะเป็นดาราเล่นบทนางร้าย แต่ความสามารถอื่นเธอก็มีไม่น้อยเหมือนกันนะ
“ลองเข้าร้านเสริมสวยดีกว่า” เมื่อสายตาหันไปเห็นร้านทำผม หญิงสาวเลยคิดว่าจะสระผมเสียหน่อย เลยเดินมุ่งหน้าเข้ามาในร้านทันที
ภายในร้านตกแต่งไม่ต่างจากร้านเสริมสวยตามบ้านของพวกป้า ๆ ที่เธอเคยเห็น ข้างฝามีรูปดาราในนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้ดูถึงทรงผมของแต่ละคนเพื่อเป็นตัวอย่าง “สวัสดีค่ะ ฉันต้องการสระผม ไม่ทราบว่าตอนนี้ช่างว่างไหมคะ” เฉินซูเม่ยเอ่ยถามเมื่อเห็นพนักงานสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับ
“ต้องรอก่อนนะคะ เพราะมีลูกค้าจองคิวทำผมไว้ แต่ตอนนี้เธอยังไม่มาเลย รบกวนคุณลูกค้ารอสักหน่อยนะคะ”
พนักงานสาวตอบกลับมาพร้อมกับทำหน้าเหมือนกำลังกลืนยาขม เพราะลูกค้าที่พูดถึงนั้นคือคุณหนูจากตระกูลว่าน ฝ่ายนั้นได้จองคิวไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นว่ายังไม่ถึงคิว ก็เลยเดินไปหาซื้อของกับเพื่อนที่มาด้วย
“แล้วต้องรออีกนานไหม เพราะลูกค้าคนนั้นยังไม่กลับมาเลยนี่คะ”
เฉินซูเม่ยสอบถามขึ้นอีกครั้ง เพราะถ้าหากจะต้องรอนาน เธอคงต้องเดินหาร้านอื่นแทน แต่ก็ไม่แน่ว่าจะมีอีกไหม เพราะยุคนี้ไม่น่าจะมีร้านเสริมสวยแบบนี้เยอะสักเท่าไร อีกทั้งนี่คือนิยายเลยไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีอะไรบ้าง
“เอ่อ..ฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกันค่ะ เพราะนี่ก็เลยเวลานัดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไงฉันขอไปถามเจ้าของร้านก่อนนะคะ” พนักงานสาวคนนี้พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เธอเสียลูกค้าที่เข้ามาไปสองคนแล้ว หากรวมคนนี้ด้วยก็สามคน ซึ่งนั่นทำให้เธอขาดรายได้ที่ควรจะได้ในวันนี้
และนั่นเพราะพนักงานที่นี่ไม่ได้เงินเดือนจากทางร้าน แต่จะได้ส่วนแบ่งจากค่าหัวที่ลูกค้ามาใช้บริการเท่านั้น
“อืม” เฉินซูเม่ยเห็นท่าทีของพนักงานก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเดินไปนั่งรอที่โซฟารับแขกของร้าน
