บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ยอมรับชะตากรรม

บทที่ 3 ยอมรับชะตากรรม

“ก็ได้ ในเมื่อท่านอยากให้ฉันเป็นนางร้าย ฉันก็จะสวมบทนางร้ายในนิยายสักครั้งจะเป็นอะไรไป แต่ขอถามอะไรหน่อยเถอะ ท่านส่งฉันมาในนิยายแต่ไม่มีอะไรมาให้เลย แบบนี้มันไม่ถูกต้อง

ตามหลักนิยายทะลุมิตินะ นิ้วทองคำนะให้ได้ไหม ต่อให้ตอนนี้จะเป็นปี 1985 แต่ก็ใช่จะกินดีอยู่ดีหรอกนะ แถมร่างนี้ยังเป็นลูกบุญธรรมอีก ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ ถ้าไม่ให้มิติพิเศษเลยสักอย่าง ก็เท่ากับว่าท่านส่งให้ฉันมาตายอย่างทรมานชัด ๆ”

กชกรยังคงพูดไม่หยุด เธอพูดถึงการดำรงชีวิตในยุคนี้ว่าลำบากขนาดไหน และเนื้อหาในนิยายทะลุมิติเรื่องต่าง ๆ หญิงสาวก็พูดออกมา จนทำให้เสียงปริศนาเริ่มรำคาญ ก่อนจะพูดออกมาว่า

“ตกลง ฉันจะให้ในสิ่งที่เธอต้องการ”

จากนั้นเสียงปริศนาก็หายไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อยู่ ๆ เสียงก็หายไป แล้วไม่บอกด้วยว่านิ้วทองคำต้องใช้อย่างไร พูดว่าจะให้แต่ไม่บอกวิธีใช้ ถ้าไม่มีเนื้อทองคำนะ ฉันขอให้ท่านตกนรกไปเลย ไม่ต้องไม่ได้ผุดได้เกิดอีก”

หญิงสาวโวยวายและเริ่มตีโพยตีพายอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าเสียงปริศนาหายไป โดยที่ยังไม่สอนวิธีใช้นิ้วทองคำให้เธอ

“แล้วแบบนี้จะทำยังไงต่อไปดี เฮ้อ... ฉันต้องอยู่ในร่างของ เฉินซูเม่ยใช่ไหม ก็ได้ ๆ อย่างน้อยก็คงดีกว่าตกนรกแหละ”

พอคิดว่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้ เธอก็เริ่มทำใจได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าตกนรกแล้วไปเกิดใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดเป็นอะไรอีก

จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้ง และเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อกับแม่ของร่างนี้ ถึงให้สาวใช้มาเรียกเธอแต่เช้า

“ก็คงไม่วายเรียกไปดุด่าและตำหนิเจ้าของร่างนี้อีกตามเคยสินะ” จากนั้นเธอก็หลับตาลงเพื่อทบทวนเรื่องราวต่อ

ตามนิยายที่เคยอ่านมา คล้ายกับว่าฉากนี้นางเอกและนางร้ายไปงานสมาคมของคุณหญิงท่านหนึ่ง นางเอกตั้งใจจะผลักนางร้ายให้ลงสระน้ำ แต่กลายเป็นว่านางเอกทำพลาดจนตกลงมาในสระด้วย แต่ก็แสร้งเล่นละครว่าโดนพี่สาวอย่างเฉินซูเม่ยทำร้าย จนคนในงานพากันเชื่อ ทำให้เฉินซูเม่ยเป็นสตรีร้ายกาจที่ทำร้ายน้องสาวผู้อ่อนโยนและอ่อนแอ

เมื่อทบทวนจนรู้เรื่องแล้วเธอก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

“เฮ้อ... นี่ไม่ต่างกับนิยายไทยเลยนะเนี่ย ถ้าฉันอยู่ในฉากนั้นนะ แม่จะตบนางเอกให้หัวคว่ำเลย ผู้หญิงอะไร สะตอเก่งจริง ๆ เอาสิ มาดูกันสิว่าหลังจากนี้ เธอยังจะสตรอเบอรี่ได้อีกนานแค่ไหน นางเอกอย่างเธอ จะต้องมาเจอนางร้ายอย่างฉันนี่ถึงจะคู่ควร”

หญิงสาวพูดขึ้นกับตนเองด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ก่อนจะลุกขึ้นไปชำระร่างกายและแต่งตัวใหม่ เพื่อที่จะลงไปพบหน้ากับพ่อแม่บุญธรรมเจ้าของร่างนี้ รวมถึงนางเอกที่สุดแสนจะสตรอเบอรี่ในนิยายเรื่องนี้

เฉินซูเม่ยเดินลงบันไดมาอย่างสง่างาม จนทำให้คนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็มองเธอด้วยสายตาที่ชื่นชม ยกเว้นเฉินเมิ่งหรานนางเอกของเรื่อง ที่มีประกายตาแบบอิจฉาริษยาอยู่ในดวงตาคู่สวยของเธอ

“คุณพ่อคุณแม่ให้สาวใช้ไปเรียกฉันมามีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้รับแขกด้านข้าง พร้อมกับถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเล็กน้อย

“เมื่อวานหล่อนไปทำเรื่องงานหน้าอะไรมาล่ะ” เฉาหวินซูหรือคุณนายเฉิน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกลั่นแกล้งลูกสาวตนเองในงานเลี้ยงเมื่อวาน

“ใครบอกคุณแม่เหรอคะว่าฉันเป็นคนกลั่นแกล้ง อย่าลืมนะคะว่าเมื่อวานฉันเองก็ตกน้ำเหมือนกัน นี่เป็นการกลั่นแกล้งเหรอคะ”

เฉินซู่เม่ยพูดสวนกลับไปทันที ขณะที่ตอบก็กำลังนั่งเล่นเล็บตัวเองโดยไม่คิดจะมองใครเลย ซึ่งท่าทางแบบนี้ไม่เคยมีใครในบ้านเห็นมาก่อน

“คุณแม่คะ อย่าไปว่าพี่ใหญ่เลยนะคะ ลูกผิดเองที่ไม่ระวังตัว จนพี่ใหญ่เผลอทำให้ตกน้ำ เรื่องนี้คนในงานต่างรู้เห็นทั้งนั้น จนฉันไม่รู้จะแก้ตัวช่วยพี่ใหญ่ยังไงดี”

เฉินเมิ่งหรานพูดเสียงเบาคล้ายกับหวาดกลัวพี่สาวตัวเอง ในขณะเดียวกันคำพูดของเธอก็สองแง่สองง่าม ไม่ต่างกับใส่ร้ายพี่สาวตนเองว่าเป็นคนผลักเธอตกน้ำ

เฉินซูเม่ยเงยหน้าขึ้นยิ้มหยันออกไปพร้อมกับปรบมือด้วยความชอบใจ ก่อนจะพูดขึ้น “เธอเก่งมาก แบบนี้สิถึงจะสนุก”

‘หึ ต่อให้เธอจะร้ายลึกขนาดไหน ก็คงไม่ร้ายเท่าฉันที่มาจากโลกอนาคตหรอกนะ ในเมื่ออยากให้เป็นนางร้ายมากนัก ก็จะทำให้เห็นเองว่านางร้ายจริง ๆ เป็นแบบไหน แต่พร้อมรับกันหรือยังล่ะ’ หญิงสาวแสยะยิ้มพร้อมกับคิดในใจ

เมื่อสามคนพ่อแม่ลูกเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของเฉินซูเม่ยก็มีท่าทีแปลกใจอย่างมาก เนื่องจากอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันไม่คิดเลยว่าน้องสาวที่แสนดีจะเปลี่ยนดำเป็นขาวได้ง่ายขนาดนี้” เฉินซูเม่ยเชิดหน้าขึ้นพูดอีกครั้ง

“พี่หมายความว่ายังไง ฉันเปลี่ยนดำเป็นขาวยังไงกัน อย่ามาพูดใส่ร้ายกันนะ” เมื่อถูกถามจี้ใจดำหญิงสาวก็ตอบกลับไปทันที และไม่รู้ว่าเพราะลืมตัวไปหรือเปล่า น้ำเสียงที่พูดออกมาจึงดูเกรี้ยวกราดไม่น้อย

“จุ๊ จุ๊ จุ๊ โถ ๆ... น้องสาวคนสวยของพี่ ลืมไปแล้วเหรอว่าเราน่ะเป็นนางเอก คนที่เป็นนางเอกจริง ๆ จะต้องเรียบร้อยอ่อนหวานสิ อย่าเผลอเกรี้ยวกราดแบบนี้ออกมาสิ มันไม่ดีนะ แม่ของผู้ชายที่ไหนมาเห็น คงจะรีบดึงมือลูกชายวิ่งหนีเลยล่ะ จะมีใครอยากได้ลูกสะใภ้แบบนี้กัน”

เฉินซูเม่ยที่ถูกเกรี้ยวกราดใส่ก็ยิ้มออกมาอย่างชอบใจ ก่อนจะแกล้งจุ๊ปากพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยท่าทียั่วโมโหอีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบัง

ทุกคำพูดของเธอนั้นคงทิ่มแทงเข้าไปในใจของเฉินเมิ่งหรานมากเสียเหลือเกิน เวลานี้อีกฝ่ายคงแทบจะระงับสติอารมณ์ไม่อยู่แล้ว

“มันจะเกินไปแล้วนะซูเม่ย กล้าดียังไงมาว่าเมิ่งหรานแบบนี้ เธอก็รู้ดีว่าตัวเองนั้นเป็นใครในบ้านหลังนี้” เฉาเหวินซูตวัดน้ำเสียงขึ้นมาอย่างไม่พอใจ ที่ลูกบุญธรรมนั้นพูดกระแทกแดกดันลูกสาวของเธอ

“นั่นสิ อย่าลืมนะว่าเธอโตมาได้เพราะตระกูลเฉินของฉันนะ หัดสำนึกบุญคุณหน่อยสิ” เฉินจื้อเฉียงหรือนายท่านเฉินพูดขึ้นมาอีกคน น้ำเสียงของเขานั้นเกรี้ยวกราดไม่ต่างกับภรรยา

“พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันรู้ดีว่าตัวเองเป็นใครและมีฐานะอะไรในตระกูลเฉินแห่งนี้ และจะตอบแทนสิ่งที่ทุกคนทำกับฉันอย่างแน่นอน”

เฉินซูเม่ยตอบกลับไปอย่างไม่แยแสในเรื่องนี้อยู่แล้ว และเธอก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ตลอดไปด้วย แต่ก็ขอเวลาสร้างตัวอีกสักนิดก็แล้วกัน ส่วนการตอบแทนนั้น เธอก็ตั้งใจว่าจะตอบแทนอย่างสาสมเลยทีเดียว

“รู้ตัวก็ดี ต่อไปก็อย่าทำตัวเป็นเจ้านายอีก คุณหนูของบ้านนี้มีเพียงเฉินเมิ่งหรานเท่านั้น จำไว้ด้วย!!” เฉาเหวินซูพูดเสียงดังฟังชัดเพื่อข่มอีกคนเอาไว้

“ฉันเข้าใจดีค่ะ มีอะไรจะสั่งอีกไหมคะ” เฉินซูเม่ยกรอกตามองบนเล็กน้อยก่อนตอบกลับไป

เธอนึกถึงเนื้อหาในนิยายที่เคยอ่าน ทำให้รู้ว่าเมื่อก่อนที่จะมีเฉินเมิ่งหราน สองสามีภรรยาก็รักและเอ็นดูเธอที่เป็นลูกบุญธรรมมาก แต่พอเฉาเหวินซูรู้ว่าตนเองตั้งท้อง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทันที ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เฉินซูเม่ยมักจะถูกสั่งสอนว่าให้ยอมน้องสาวตลอด

ตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นของเล่นหรือเสื้อผ้า เธอมักจะได้ใช้ต่อจากน้องสาวเสมอ และนับวันเฉินซูเม่ยก็ไม่ต่างจากสาวใช้ของเฉินเมิ่งหราน แต่เพราะว่าเป็นนางร้ายในนิยาย เลยทำให้คิดที่จะจัดการน้องสาวคนนี้อยู่เสมอ ซึ่งบ่อยครั้งก็มีการถูกนางเอกกลั่นแกล้งกลับอย่างเจ็บแสบ

คิดไปคิดมา เฉินซูเม่ยคนนี้ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel