บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ข้ามมิติมาในนิยายเหรอเนี่ย

บทที่ 2 ข้ามมิติมาในนิยายเหรอเนี่ย

กชกรนั่งหลับตาให้ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมจัดการให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นหญิงสาวจึงได้นั่งอ่านนิยายเรื่องนี้ต่อ เพื่อรอเวลาที่จะเข้าฉาก

ผ่านไปพักใหญ่เธอก็อ่านนิยายเรื่องนี้ยังไม่จบ แต่ก็พอจะทำให้รู้เนื้อหาบางส่วนแล้ว

“ความจริงพระเอกนั้นรักนางร้ายยิ่งกว่าอะไร แต่เพราะฐานะของทั้งสองคนต่างกันมาก เนื่องจากนางร้ายเป็นเพียงลูกบุญธรรมเท่านั้น ทำให้ครอบครัวพระเอกไม่ยินยอมและบังคับให้พระเอกแต่งงานกับนางเอก

ส่วนนางร้ายก็เลือกที่จะแต่งงานกับตัวร้ายของเรื่องเพื่อตัดปัญหา นับว่าเป็นการประชดชีวิตอย่างหนึ่งเมื่อไม่สมหวังในความรัก ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน อยากจะบ้าตาย ถ้าเป็นฉันนะจะต้องไม่ทำแบบนี้แน่” หญิงสาวพูดออกมาเบา ๆ อย่างขัดใจเนื้อเรื่องในนิยาย ก่อนจะอ่านต่อ

แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งทำให้กชกรขัดใจมากขึ้น “ความจริงแล้วนางร้ายนั้นรักพระเอกมาก แต่เพราะเธอเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลเฉิน เธอจึงยอมตัดใจอย่างนั้นเหรอ ถ้าฉันได้เป็นนางร้ายคนนี้ ฉันจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้แน่!!” หญิงสาวพูดกับตัวเองถึงตรงนี้ก็มีเสียงเรียกดังขึ้น

“คุณเนยคะ ได้เวลาเข้าฉากแล้วค่ะ” ผู้ดูแลกองถ่ายเดินมาตามหญิงสาวไปเข้าฉาก

“ค่ะ เนยจะไปเดี๋ยวนี้” หญิงสาวตอบรับแล้ววางหนังสือนิยายลง ก่อนจะเดินตามคนดูแลกองถ่ายไปเพื่อถ่ายละคร

สรุปแล้วกชกรอ่านยังนิยายไม่จบเพราะต้องรีบไปถ่ายละครฉากสุดท้าย ซึ่งเป็นฉากที่นางร้ายในเรื่องจะต้องขับรถด้วยความเร็วสูงจนเกิดอุบัติเหตุ

“พร้อมถ่ายฉากนี้แล้วใช่ไหมคะ” เจ้าหน้าที่กองถ่ายเดินเข้ามาสอบถามความพร้อมของนางร้าย เนื่องจากฉากนี้อันตรายมากพอสมควร

“พร้อมแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างมั่นใจ เธอซักซ้อมฉากนี้มาพอสมควรแล้ว และมั่นใจเรื่องความปลอดภัยที่เจ้าหน้าที่ของกองถ่ายละครได้จัดเตรียมไว้ให้

“คุณเนยไม่คิดจะใช้สแตนด์อินจริง ๆ เหรอคะ”

เจ้าหน้าที่คนนี้ยังถามด้วยความกังวลใจ เนื่องจากฉากนี้อันตรายจริง ๆ ด้วยตัวร้ายจะต้องขับรถหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะไม่อยากติดคุก

“แค่ขับรถหนีด้วยความเร็วเองค่ะ เนยพอมีทักษะอยู่บ้าง ส่วนฉากระเบิดก็ใช้เทคนิคของซีจีไม่ใช่เหรอคะ เอาน่า พี่ไม่ต้องห่วงหรอก เนยทำได้”

กชกรตอบพร้อมรอยยิ้มเพื่อไม่ให้คนอื่นมากังวลใจ ฉากขับรถที่ใช้ความเร็วเธอไม่ห่วง เนื่องจากมีทักษะด้านนี้พอสมควร และก็ยังเชื่อมั่นว่ากองถ่ายละครจะเซฟทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของนักแสดง

“ถ้าอย่างนั้นไปซ้อมสักหน่อยก็ดีนะคะ ไปเถอะ” ผู้ดูแลกองถ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะพานางร้ายไปซ้อมขับรถและคิวต่าง ๆ

หลังจากซักซ้อมกันเต็มที่แล้ว กชกรจึงได้ถ่ายฉากจริง และไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดปัญหากับรถคันนี้

ขณะที่เธอกำลังเร่งความเร็วอยู่และเริ่มเหยียบเบรกเมื่อรถวิ่งผ่านกล้องไปแล้ว แต่จู่ ๆ เบรกก็เกิดความขัดข้องขึ้นมา

“แย่แล้ว ทำไมเบรกไม่ได้” กรชกรตกใจสุดขีดกับสถานการณ์ที่เธอกำลังเจออยู่ตอนนี้

หญิงสาวต้องตัดสินใจว่าจะพุ่งไปข้างหน้าที่มีเจ้าหน้าที่กองถ่ายหลายคนทำงานอยู่ หรือจะหักพวงมาลัยเข้าข้างทางเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

“เอายังไงดี ถ้าพุ่งไปข้างหน้าคงมีคนตายหลายคนแน่ แต่ถ้าหักหลบเข้าข้างทาง เราก็คงจะไม่รอด เอายังไงดีล่ะ” หญิงสาวถามตัวเองไปมา

สุดท้ายแล้วกชกรจึงตัดสินใจหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง ก่อนจะมีเสียงโครมดังสนั่น พร้อมกับเสียงร้องเรียกของทุกคนด้วยความตกใจ

“คุณเนย!!”

นี่คือเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดับมืดลงไป

ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ปี 1985

“คุณหนูคะ นายท่านกับนายหญิงเรียกค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังอยู่หน้าห้อง ทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มรู้สึกตัว

“อืม” มีเพียงเสียงตอบกลับแค่นี้กลับไป ก่อนที่ร่างของเธอจะลุกขึ้นมาแล้วนั่ง แล้วขยี้ตาคล้ายกับคนเพิ่งตื่นนอน

เมื่อขยี้ตาจนพอใจแล้วก็กวาดสายตามองภาพรอบตัว

“ที่นี่คือที่ไหนกันนะ” เธอพูดขึ้นเบา ๆ เพราะบรรยากาศในห้องแม้จะตกแต่งตามสไตล์ของคนมีเงิน แต่ทุกอย่างกลับไม่คุ้นชินและไม่เหมือนที่เธอเคยอยู่ เธอค่อย ๆ นั่งนึกว่าที่นี่คือที่ไหน ก่อนจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

“เอ๊ะ จริงสิ ฉันถ่ายละครฉากสุดท้ายอยู่นี่ แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้สึกเจ็บปวดตามร่างกายเลยล่ะ” หญิงสาวพูดกับตัวเองอย่างแปลกใจ “เท่าที่จำได้ก่อนหน้านี้ฉันกำลังถ่ายละครอยู่และเกิดอุบัติเหตุจนบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึง...”

หญิงสาวพูดมาถึงตรงนี้ก็ชะงักไป ขณะเดียวกันสายตาก็กวาดมองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งจนสะดุดตาเข้ากับปฏิทินที่แขวนอยู่ที่ฝาผนังห้อง ก่อนที่จะรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง

“โอ้ย..ทำไมปวดหัวแบบนี้” หญิงสาวยกมือขึ้นกุมศีรษะไว้และร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ตอนนี้เหมือนมีภาพความทรงจำต่าง ๆ หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอไม่ขาดสาย และเมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เธอจึงหายปวดหัวและเงยหน้าขึ้นร้องออกมาเสียงหลง

“นี่คือปี 1985 และที่สำคัญฉันทะลุมิติเข้ามาในนิยายเรื่องนั้นเหรอเนี่ย โอ๊ย...ยัยเนย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

กชกรพูดกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจเลยว่าตนเองเข้ามาอยู่ในนิยายได้อย่างไรกัน

“เรื่องที่ประสบอุบัติเหตุจนตายพอเข้าใจได้ แต่ถ้าตายจากสถานการณ์นั้น ก็จะต้องถูกยมทูตนำตัวไปตัดสินว่าจะต้องตกนรกหรือได้ขึ้นสวรรค์สิ แล้วทำไมฉันถึงเข้ามาอยู่ในนิยายแบบนี้” หญิงสาวยังคงนั่งพูดกับตัวเองต่ออย่างสับสน สุดท้ายเมื่อไม่ได้คำตอบก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “ใครก็ได้ช่วยตอบฉันที ทำไมฉันถึงต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย”

ขณะนั้นก็มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมา “ก็สงสารนางร้ายในนิยายมากไม่ใช่หรืออย่างไร เราก็ทำให้เจ้ามาอยู่ในนี้แล้ว ยังจะมาโวยวายอะไรอีก”

พอได้ยินเสียงของใครบางคนแต่ไม่เห็นรูปร่าง หญิงสาวจึงหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาคนคนนั้น พร้อมกับถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “นั่นเสียงใคร ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

“ไม่ต้องมองหาหรอก มองหาไปก็มองไม่เห็น เจ้าพูดเองไม่ใช่เหรอว่าสงสารนางร้ายและจะไม่ทำแบบที่นางร้ายในนิยายทำลงไป อย่างนั้นแล้วก็ลองสวมบทนางร้ายดูก็แล้วกัน เราก็อยากจะรู้ว่าเจ้าจะทำได้ดีแค่ไหน หึหึ”

เสียงปริศนายังคงพูดต่อ แถมยังมีหัวเราะตบท้ายคล้ายกับพึงพอใจมากที่ส่งกชกรมาอยู่ที่นี่ได้

“จะบ้าหรือไง ทำไมฉันต้องเข้ามาอยู่ในนิยายแล้ว ต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ นิยายก็คือนิยายนะไม่ใช่ชีวิตจริงของคน” หญิงสาวพูดออกมาเสียงดัง เธอไม่พอใจอย่างมากที่ต้องเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่อง ต่อให้สงสารนางร้ายอย่างไรก็ไม่อยากสวมบทบาทนี้หรอกนะ

“ไม่บ้าหรอก ในเมื่อเจ้าขอร้อง ข้าก็ประทานพรให้แล้วอย่างไรล่ะ ฮ่า ๆ” เสียงปริศนายังคงพูดไป หัวเราะเยาะเธอไปไม่หยุด

“ฉันไปขอร้องตอนไหน” เธอถามออกไปอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะมีภาพความคิดของตัวเองเข้ามาที่ในหัวของเธอ

“ถ้าฉันได้เป็นนางร้ายคนนี้ ฉันจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้แน่!!” นี่คือคำพูดของเธอก่อนประสบอุบัติเหตุเมื่อได้รู้แบบนี้ก็ทำให้กชกรเริ่มโมโหขึ้นมา

“ฉันเองก็อ่านนิยายทะลุมิติมาหลายเรื่อง ในเมื่อครั้งนี้ต้องทะลุมิติเสียเอง ก็ควรจะมีบางอย่างให้ด้วยสิ แล้วที่สำคัญ ส่วนมากหญิงสาวที่ทะลุมิติมาก็จะได้เป็นนางเอกเพื่อพบรักแท้กับพระเอก แล้วทำไมฉันถึงเป็นนางร้ายแบบนี้ล่ะ”

หญิงสาวถามออกไปโดยไร้ทิศทางเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน และเมื่อยังไม่มีคำตอบอะไรนอกจากลมเย็น ๆ ที่พัดมาโดนตัว ทำให้เธอตัดสินใจพูดออกไปอีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel