บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 อายุยี่สิบสี่คือแก่แล้ว

รุ่งขึ้น ในจวนของขุนนางหงก็มีเด็กชายจากตรอกซิ่วสือมาเก็บเงินจำนวนมาก พร้อมกับตราประจำตัวของท่านกั๋วกง ฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่หน้าดำหน้าแดงเพราะความโกรธ ไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองไปก่อเรื่องอะไรมาอีก

ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจจะถามระหว่างมื้ออาหาร แต่ท่านกั๋วกงกลับรีบร้อนกินข้าวและรีบออกจากบ้าน แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องจ่ายเงินไปจำนวนมาก แต่อย่างน้อยบุตรชายของนางกลับมาตั้งใจทำบางสิ่งอย่างแน่วแน่อีกครั้ง นางจึงไม่ได้บ่นอะไรมาก

“เจ้าชื่ออะไร” หงเจี้ยนหยางถามเทพธิดาผมสองสี ระหว่างที่นั่งให้นางนวดมือให้เขา

“เรียกข้าว่าท่านเทพธิดาสิ” หญิงสาวตอบราบเรียบ แต่ในน้ำเสียงมีความเย่อหยิ่งอยู่มาก

“..เจ้าชื่ออะไร” เขาถามคล้ายไม่ได้ยินที่นางตอบ

“ท่านเทพธิดา”

เขาสะบัดมือออกจากการนวดของนางทันที

“นี่ ท่านอดีตแม่ทัพ ท่านไม่อยากรักษาแล้วหรือ” ท่านเทพธิดาเอ่ยถาม นางยืดหลังเต็มความสูงเท้าเอวด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของคนไข้ผู้ดื้อดึงไร้มารยาท

“เจ้าคงไม่อยากได้เงินสองพันตำลึงทองสินะ” เขาไม่ยอมเช่นกัน

“..เอ่อ สองพัน..อยากได้สิ ย่อมอยากได้ นายท่าน..ข้าชื่อว่า อันเยว่ฉีเจ้าค่ะ ปีนี้อายุยี่สิบสี่ปี ยังไม่ได้แต่งงาน และไม่คิดจะแต่งงานเร็วๆ นี้ ที่สำคัญ ยังไม่มีคนรัก เดินทางมาที่นี่..ที่เมืองหลวงเมื่อสี่ปีก่อน ไม่มีพ่อแม่ ไร้ญาติขาดมิตร แต่เป็นท่านหมอวิเศษที่ใครๆ ก็อยากได้ตัวเจ้าค่ะ” หญิงสาวย่อตัวพร้อมแนะนำชื่อและความเป็นมาของตัวเองเสร็จสรรพ

“อันเยว่ฉี..” เขาเพียงพยักหน้า ไม่สนใจการประชดประชันของนาง หรือบางทีเขาอาจไม่เข้าใจสิ่งที่นางตั้งใจประชด

“เจ้าค่ะนายท่าน”

“เจ้าแก่มากแล้วนะ ยังไม่รีบหาคนแต่งด้วย ต่อไปอาจไม่มีใครอยากแต่งให้เจ้าแล้ว” เขาติ แต่ก็ยื่นมือมาให้หญิงสาวนวดอีกครั้ง

“...” อันเยว่ฉี สตรีอายุมากได้แต่กัดฟันเก็บความไม่พอใจไว้ นางพยายามนึกถึงทองคำสองพันตำลึง และทำหน้าที่นักกายภาพบำบัดต่อไปด้วยความเป็นมืออาชีพสูง

‘หน็อย..แก่อะไรกัน ฉันเพิ่งยี่สิบสี่ วัยกำลังงดงาม เจ้ายักษ์นี่รวยมากใช่ไหม คอยดูเถอะ แม่จะเก็บค่ารักษาจนล้มละลายเลย’ หญิงสาวก่นด่าในใจ

“เจ้าเรียนการเป็นหมอจากผู้ใด” ชายหนุ่มยังคงตั้งคำถามต่อไป

“บอกไม่ได้”

“เพราะเหตุใด”

“เพราะมันคือ ความลับทางการค้า หากข้าบอกว่าเรียนมาจากที่ใด เรียนอย่างไร เรียนกับใคร หรือต้องเรียนกี่ปี ข้าก็ไม่ใช่เทพธิดาแล้วสิ”

“เจ้าชอบถูกเรียกว่าเป็นเทพธิดาหรือ”

“ความสามารถของข้าไม่คู่ควรกับคำว่าเทพธิดาหรือ”

“ผู้มีความสามารถควรถ่อมตัวกว่านี้” เขาสั่งสอน

“น่าขันที่สุด เจ้าหยิ่งยโสในความสามารถของตัวเอง แต่กลับสั่งสอนให้ข้าถ่อมตัว ถึงยามนี้ความสามารถของเจ้าจะถดถอย แต่เจ้ารู้ตัวดีว่ายังคงเก่งกว่าผู้อื่น เจ้าจึงได้วางตัวใหญ่โตสั่งสอนข้า

ในเมื่อข้าก็เป็นผู้มีความสามารถ เหตุใดข้าจะต้องถ่อมตัว รอให้ข้ากลายเป็นคนไร้ค่าทำสิ่งใดไม่ได้ก่อน หากข้ายังโอหังไม่เลิก เจ้าค่อยมาสั่งสอนข้า การมีความภาคภูมิใจในความสามารถของตน ไม่ใช่เรื่องผิดอันใด” หญิงสาวต่อปากต่อคำ สองมือยังคงนวดคลึงข้อมือให้เขา

“..ข้าไม่ได้อยู่ๆ ก็มีความสามารถ” เสียงของเขาเบาลง แม้จะเริ่มเห็นด้วยกับความโอหังของนาง แต่เขายังคงแก้ตัว ชายหนุ่มอยากให้เทพธิดารู้ว่ากว่าเขาจะมีความสามารถจนสั่งสอนผู้อื่นได้ เขาไม่ได้นั่งเฉยๆ

“แน่นอนอยู่แล้ว การเป็นสุดยอดในบางสิ่ง ย่อมต้องแลกด้วยบางอย่างเสมอ ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆ ไม่มีทางลัด” อันเยว่ฉีพูด คล้ายนางเข้าใจดีว่าการเป็นผู้มีความสามารถ ไม่ง่ายเลย

“...” หงเจี้ยนหยางกลืนน้ำลาย เขาเข้าใจแล้วว่านางไม่ได้อยู่ๆ ก็เป็นเทพธิดาได้ทันที นางคงผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักเช่นกัน จึงยอมรับการเป็นเทพธิดาได้อย่างไม่รู้สึกขัดเขิน

ชายหนุ่มหยุดถาม เขาตั้งใจมองดูวิธีการทำงานของสตรีที่เรียกตัวเองว่าเทพธิดาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ..

อันเยว่ฉีนวดคลึงบริเวณกล้ามเนื้อแขน หน้าแขน และบริเวณใกล้เคียงกับข้อมือเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึง ดันนิ้วบริเวณหลังฝ่ามือ แล้วใช้มืออีกข้างดึงนิ้วมือมาทางตัว ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง เพื่อดึงยืดเส้นเอ็นบริเวณข้อมือ

สลับกับการนวดบริเวณปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมือที่อักเสบ ด้วยการนวดกดไปตามแนวเส้นเอ็น เพื่อคลายการอักเสบและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ค่อยๆ ทำการดัดรีดนิ้วมือทีละนิ้ว

โดยการดันนิ้วจากฐานฝ่ามือออกไป บิดนิ้วไปด้านข้างเล็กน้อย เพื่อคลายการติดของเส้นเอ็น หลังจากนั้นก็ขยับข้อมือและนิ้วมือไปมา เพื่อเคลื่อนไหวส่วนที่ทำการดัดรีดนวด [1]

“เจ็บหรือไม่” หญิงสาวถาม

หงเจี้ยนหยางพยักหน้า

“เช่นนั้นวันนี้ควรพอก่อน หากปวดมาก ท่านควรแช่น้ำอุ่น หรือหาหมอฝังเข็มเก่งๆ สักคนมาคอยฝังเข็มลดอาการปวดให้ และจำไว้ ห้ามใช้งานข้อมือเด็ดขาด” เทพธิดาสั่ง ก่อนจะแช่มือของเขาลงในน้ำเย็นจัด

“ข้าเคยฝังเข็มแล้ว..มันไม่หาย ไม่นานอาการปวดก็จะกลับมาเช่นเดิม” เขาบอก

“การฝังเข็ม เพียงช่วยลดอาการปวดเท่านั้น ท่านยังต้องทำการรักษาเช่นนี้วันนี้อีกห้าถึงหกเดือน เดิมทีไม่ได้อาการหนักมาก แต่ท่านไม่ดูแลตัวเองเลย ตอนนี้ต้องอดทนไปก่อน”

“ห้าถึงหกเดือนหรือ!” เขาตกใจ เพราะคิดว่าใช้เวลาไม่นานก็หาย

“ใช้แล้วเจ้าค่ะ เอาล่ะ ลุกขึ้น เดี๋ยวเราไปเดินออกกำลังกัน”

หงเจี้ยนหยางทำหน้าตาสิ้นหวัง นี่เขาต้องทนกินอาหารที่ไม่ชอบ แช่น้ำอุ่นทุกเช้า และยังต้องเดินทางมาหาสตรีเย่อหยิ่งทุกสองวัน หากผ่านไปห้าหกเดือนแล้วเขายังไม่ดีขึ้น เช่นนี้ไม่ใช่ว่าเสียเวลาชีวิตไปอย่างไร้ความหมายหรือ

“ไม่ต้องทำหน้าตาเช่นนั้น ทำตามคำของเทพธิดา ต้องดีขึ้นแน่ นอกจากเจ้าจะแอบขัดคำสั่งของข้า” หญิงสาวทำตาดุ

“ข้ารอนานเช่นนั้นไม่ไหว ข้ายังมีหลายสิ่งให้ต้องดูแล”

“ไหวไม่ไหวก็ต้องรอ เจ้าเสียเวลาดื่มสุราอยู่ในห้องตั้งหลายเดือนยังไม่รู้สึกเสียดาย เหตุใดการรักษาที่จะทำให้เจ้ากลับมาใช้มือได้อย่างปกติจึงเป็นการเสียเวลาเปล่าไปได้ ลุกขึ้น ต้องไปเดินแล้ว ข้ายังมีคนไข้อีกหลายคนรออยู่”

“..เฮ้อ” หงเจี้ยนหยางได้แต่ถอนหายใจ

“ยังไม่เลิกถอนหายใจอีก วางความทุกข์ใจของเจ้าลงซะ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าแบกสิ่งใดไว้ แต่เลิกถอนหายใจได้แล้ว ใจป่วยกายก็ป่วยไปด้วย เจ้าจะต้องฝึกสมาธิเพิ่มเติมเพื่อลดความเครียด เข้าใจหรือไม่”

“ได้ขอรับ” เขาแม้ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่นางพูด ได้แต่กัดฟันทำตามที่ท่านเทพธิดาสั่ง ไม่แน่ใจว่าตัดสินใจถูกหรือผิดที่ยอมรักษาตามวิธีของสตรีจอมสั่งการ

อันเยว่ฉีนำหน้า เพื่อพาอดีตแม่ทัพไปเดินออกกำลังกาย แม้ในตรอกซิ่วสือจะไม่มีพื้นที่มากพอ แต่ในลานกว้างซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องมือกายภาพบำบัดของนางก็ยังมีพื้นที่ให้เขาเดินได้อยู่ ระหว่างเดิน หญิงสาวต้องคอยปรามไม่ให้เขาเดินเร็วเกินไปอยู่หลายครั้ง

[1] การดัดรีดนวดดึงเพื่อกายภาพบำบัด ไม่ควรทำเองที่บ้าน ต้องให้ผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทำให้เท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel