บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ชายแขนขาดและความหวัง

“อื้ม ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว เข้ามาก่อนสิ” เทพธิดาหัวทองเชื้อเชิญเสวียนหู่แห่งอี้โจว

“ลูกค้าหรือ” หงเจี้ยนหยางไม่ค่อยเข้าใจคำที่สตรีประหลาดผู้นี้ใช้

“แล้วสหายของเจ้าไม่ได้มาด้วยกันหรือ” เทพธิดาผมทองถามถึงกุนซือจาง

“..เขา มีงานสำคัญที่ต้องทำ” ชายหนุ่มโกหก ที่จริงแล้วจางป๋อเหวินยังโกรธเรื่องที่เขาข่มขู่ไม่หาย วันนี้เขาจึงจำเป็นต้องมาหาเทพธิดาลำพัง

“ไม่เป็นไร อย่างน้อยเจ้าก็มาแล้ว วันก่อนข้าทำให้เจ้าไม่พอใจจนเข้าใจผิด อย่างไรข้าก็เป็นหมอ ข้าจึงคิดว่าควรกอบกู้ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของตัวเองสักหน่อย ตามข้ามาสิ”

หญิงสาวเดินนำหน้า พาชายหนุ่มตัวสูงออกจากโรงรักษาโกโรโกโสของนาง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณโล่งแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากตรอกซิ่วสือ แม้จะไม่กว้างมาก แต่เพียงพอให้ผู้คนมารวมตัวกันทำกิจกรรมกลางแจ้ง

ที่นั่น หงเจี้ยนหยางเห็นเครื่องเล่นหลายชนิดที่ทำจากไม้รูปร่างประหลาด มีทั้งเสา ขื่อ กำแพง กล่องสี่เหลี่ยม และคานสำหรับปีนป่าย เด็กหลายคนกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน

หลายคนไม่มีขา บางคนต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ บางคนมีเท้าไม้ต่อจากขาข้างที่ขาด สตรีอีกหลายคนกำลังจับราวไม้ฝึกเดิน ทุกคนล้วนเป็นคนพิการ ไม่มีใครปกติ

ในบรรดาผู้คนที่พิกลพิการ มีชายคนหนึ่งโดดเด่นที่สุด เขาปราดเปรียวว่องไว วิ่งผ่านสิ่งกีดขวางราวกับเป็นเรื่องง่ายดาย ทั้งกระโดดและปีนป่ายเครื่องเล่นประหลาดพวกนั้นอย่างเชี่ยวชาญ แม้ว่าเขาจะมีเพียงแขนเดียว

“ที่นี่คือศูนย์กายภาพบำบัดที่ข้าคิดค้น ผู้คนที่นี่เคยเดินไม่ได้ หรือไม่ก็เคยเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ทุกคนล้วนมีชีวิตใหม่ได้หากไม่ยอมแพ้ พวกเขาบางคนป่วยหนักกว่าเจ้านัก แต่ก็กลับมาเดินได้ ดังนั้น..”

“ชายผู้นั้น..” หงเจี้ยนหยางพูดแทรกระหว่างที่เทพธิดากำลังอธิบายถึงสิ่งที่นางทำ

“อ้อ เขาชื่อ..”

“จงหว่าน” ชายหนุ่มพูดแทรกอีกครั้ง เขาจำชายแขนเดียวผู้นั้นได้ ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนายกองมากฝีมือ แต่ต้องถูกหามส่งกลับบ้านเพราะเกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในสนามรบ เนื่องจากท่านหมอให้ความเห็นว่าเขาไม่อาจเป็นทหารได้อีก

หงเจี้ยนหยางเดินเข้าไปใกล้ มองดูจงหว่านใช้มือเพียงข้างเดียวกระโดดจากเสาคานไปยังหอคอยขนาดเล็กที่สร้างจากซากไม้เก่า ชายหนุ่มจงใจเตะใส่เสาหอคอยอย่างแรง เสาต้นนั้นแตกหักทันที

“นี่!!! ทำบ้าอะไรเนี่ย” เทพธิดาส่งเสียงตกใจจากด้านหลัง

แต่หงเจี้ยนหยางไม่ใส่ใจเสียงของหญิงสาว สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างชายแขนเดียวผู้ซึ่งกระโดดไต่อย่างคล่องแคล่วไปตามหอคอยที่กำลังโน้มเอียงใกล้จะล้มลงอย่างใจเย็น เด็กๆ หลายคนต้องวิ่งหนีจ้าละหวั่น

“ใครมันกล้าทำลายเครื่องมือบำบัดของท่านเทพธิดากัน!” ชายแขนเดียวกระโดดลงมาถึงพื้นก็วิ่งเข้าไปปล่อยหมัดใส่ชายตัวใหญ่หนวดเครารุงรัง ผู้ซึ่งมีท่าทางคล้ายโจร

แขนข้างเดียวของจงหว่านถูกเหวี่ยงออกไป แต่อดีตแม่ทัพเพียงปัดออกเท่านั้น ไม่ได้โจมตีกลับ ชายสองคนปะทะอยู่ไม่กี่กระบวนท่า จงหว่านก็จำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“แม่ทัพหง!” จงหว่านคุกเข่าลง ยกมือข้างเดียวของเขาขึ้นระดับอก ทำท่าคารวะ

“ลุกขึ้นเถิด” หงเจี้ยนหยางโน้มตัวลงไปแตะไหล่ของอีกฝ่าย

“ขอบคุณท่านแม่ทัพ” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้น

“เจ้ายังดู..แข็งแรงดี ทั้งยังคล่องแคล่วมากขึ้น”

“ขอรับ ต้องขอบคุณท่านแม่ทัพที่ส่งค่าเลี้ยงดูให้ทุกปี”

“ไม่ต้องเรียกข้าเช่นนั้น ข้า..ไม่ได้เป็นแม่ทัพอีกแล้ว..”

“...” จงหว่านได้ข่าวเรื่องที่เสวียนหู่แห่งอี้โจวพ่ายแพ้แล้ว แต่เขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา จึงไม่อาจไปหาเพื่อแสดงความเสียใจ

“ที่แท้เจ้าก็เป็นถึงแม่ทัพ เฮ้อ เอาเถอะ ถึงตอนนี้ไม่ได้เป็นแม่ทัพแล้วแต่ยังมีเงินใช่ไหม รบกวนท่านแม่ทัพจ่ายค่าเสียหายให้ข้าด้วยนะ จะให้ดี ท่านควรจ่ายค่าทำขวัญให้เด็กๆ พวกนั้นที่ท่านทำให้พวกเขาหวาดกลัวด้วย” เทพธิดาพูดขัดบทสนทนา

“ท่านเทพธิดา” จงหว่านก้มหัวลงทำความเคารพสตรีผมสองสี

“...” หงเจี้ยนหยางทำเพียงยื่นถุงเงินของเขาให้หญิงสาว

“ถุงเงินของเจ้า เบาเพียงนี้เชียวหรือ” หญิงสาวรับถุงเงินไป ชั่งน้ำหนักด้วยมือแล้วขมวดคิ้วถาม

“...” หงเจี้ยนหยางเริ่มหน้าแดง เขาคล้ายจะจำได้ว่าไม่ได้เอาเงินใส่ถุงเงินนานแล้ว ไม่รู้ว่าในถุงเงินของเขายามนี้มีเงินเท่าไรด้วยซ้ำ

“สามเหรียญทองแดง!! นี่เจ้าเป็นแม่ทัพแน่หรือ” เทพธิดาเทเงินในถุงออกมาไว้บนฝ่ามือแล้วได้แต่ตกใจกับจำนวนเงินในนั้น

“เอ่อ..” จงหว่านก็ไม่รู้ว่าควรทำสีหน้าอย่างไรกับเหตุการณ์ชวนอึดอัดนี้

“..เจ้าค่อยไปเก็บจากจวนของข้าก็แล้วกัน” เขาตอบพร้อมยื่นป้ายประจำตัวให้

บุรุษผู้ซึ่งมีฐานะเป็นขุนนางขั้นกั๋วกง และเคยเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ จับคอเสื้อจงหว่านและลากเขาเดินออกไปจากที่นั่นด้วยกัน แสร้งทำคล้ายเขาไม่รู้สึกอับอายที่ไม่มีเงินติดตัว ราวกับการทำลายเครื่องมือบำบัดของเทพธิดาไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

“..ถ้าจ่ายด้วยเครดิตข้าคิดดอกเบี้ยแพงนะ” หญิงสาวตะโกนไล่หลัง

วันนั้นหงเจี้ยนหยางไม่ได้ทำกายภาพบำบัดกับเทพธิดา เพราะเขามัวแต่พูดคุยกับจงหว่านอยู่นาน เมื่อใกล้มืดเทพธิดาจึงไล่พวกเขากลับบ้าน พร้อมกับแผ่นกระดาษที่เขียนรายละเอียดการทำกายภาพบำบัดเพิ่มเติม

เสวียนหู่แห่งอี้โจวได้รู้ว่าปัจจุบันจงหว่านหาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์ แม้เขาจะมีเพียงมือเดียว แต่ยังคงแข็งแรง เงินที่หาได้ก็ไม่ได้มาก แต่ยังเลี้ยงครอบครัวได้เพราะเงินรายปีที่จางป๋อเหวินคอยส่งให้

จงหว่านได้พบกับเทพธิดาเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นเขาแทบทำอะไรไม่ได้ จากนายกองที่เก่งกาจกลายเป็นเพียงคนไร้ค่า จิตใจห่อเหี่ยวทำงานไม่ไหวหลบอยู่แต่หลังบ้าน ทุกวันต้องให้ภรรยาคอยหาเลี้ยงครอบครัว

เทพธิดาเป็นคนรักษาเขา ทั้งยังสอนการใช้ชีวิตที่มีเพียงแขนเดียวให้เขา สอนวิทยายุทธ์แบบแปลกใหม่ให้ด้วย นางเรียกว่าฟรีรันนิ่ง หลังจากฝึกเป็นปี จงหว่านก็ไม่ต้องหลบซ่อนอยู่บ้าน เขาสามารถปีนต้นไม้และล่าสัตว์ได้ กระทั่งวิ่งไปตามหลังคาบ้านได้อย่างปกติ

ระหว่างที่นั่งรถม้ากลับจวน หงเจี้ยนหยางมองดูแผ่นกระดาษในมือ ตัวหนังสือที่บ่งบอกว่าคนเขียนมีความมั่นคงและความมั่นใจสูง สายตากวาดผ่านคำว่าฝังเข็มลดความเจ็บปวด แต่ในหัวของเขากลับปรากฏภาพสตรีผมสีทองกำลังลูบไล้หน้าท้องของเขาอย่างหลงใหล

“เทพธิดาหรือ..” เขาพูดกับตัวเองเบาๆ

ชายหนุ่มรู้ว่าจงหว่านเป็นคนซื่อสัตย์มาก ไม่มีทางโกหกเขา แม้เขาจะตัดสินใจทำตามวิธีรักษาของสตรีประหลาดผู้นั้น แต่ในใจยังไม่เชื่อว่านางเป็นหมอวิเศษ จนเขาได้เห็นสิ่งที่จงหว่านทำ

หงเจี้ยนหยางยกมือมาบีบขมับและนวดถูไปมา เขาคล้ายดื่มสุรามามากจนไม่ได้สัมผัสอารมณ์ผ่องใสนานแล้ว ในหัวคล้ายจะมึนเมาแม้วันนี้เขายังไม่ได้ดื่มสักจอก

“แต่ข้าไม่ได้แขนขาด..” เขาหวาดกลัวว่าการมีความหวังจะทำร้ายเขาอีกครั้ง หากการรักษาไม่ได้ผลเขาจะรับมืออีกไม่ไหว

หลายเดือนมานี้เขาทำการรักษากับหมอหลายคน ทำมาแล้วทุกวิธี แม้แต่ฝังเข็มตามที่เทพธิดาเขียนเขาก็ทำมาแล้ว แต่เขาก็ยังคงเจ็บข้อมือทุกครั้งที่จับดาบใหญ่ หากจับอาวุธคู่กายไม่ได้ เขาก็ไม่อาจเป็นแม่ทัพได้อีก

แต่สภาพร่างกายและจิตใจของจงหว่านก็ทำให้เขาแอบคาดหวังอย่างไม่อาจควบคุม หงเจี้ยนหยางคาดหวังมาก..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel