บทที่ 4 นกเขาไม่ขัน
“ใจเย็นก่อน ท่านหมอไม่ได้หมายความเช่นนั้น” กุนซือจางหันไปกล่อมเจ้าเสือดำที่กำลังแยกเขี้ยวไม่พอใจ
“เจ้าเข้าข้างสตรีจอมหื่นกามผู้นี้หรือ” หงเจี้ยนหยางหันไปแยกเขี้ยวใส่สหายของเขาแทน
“เราฟังที่ท่านหมออธิบายก่อนดีหรือไม่”
“ผู้ใดอยากฟังจอมต้มตุ๋นกัน เจ้ามัน.. อะ!!!” เขาชี้นิ้วไปทางหญิงสาว เพื่อด่าทอ แต่กลับถูกนางจับปลายนิ้วนั้นบิดจนเขาเจ็บปวดเกินจะทน ยังดีที่ชายชาติทหารเช่นเขาข่มกลั้นเสียงร้องไว้ได้
เสวียนหู่แห่งอี้โจวถูกเทพธิดาสยบได้เพียงใช้ปลายนิ้ว..
“เอาล่ะ เป็นคนป่วยก็ต้องอยู่นิ่งๆ อย่าดื้อ นั่งลงและให้หมอตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งสิ” เทพธิดาสั่งเสียงเรียบนิ่ง ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงตะคอกของอีกฝ่าย
หลังจากความวุ่นวาย กุนซือจางกล่อมจนเสือดำน้อยที่ตัวสูงใหญ่ยอมตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง
“ดื่มสุราหนักด้วยหรือไม่” เทพธิดาถามคำถาม
“...” เขาไม่ยอมตอบ ถอนหายใจแล้วหันหน้าหนี
“เรียกว่าอาบสุราทั้งวันยังได้” กุนซือจางอธิบายสิ่งที่หงเจี้ยนหยางทำ
“อือ..เป็นแค่ เดอเกอร์แวง ภาวะอักเสบเรื้อรังของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณโคนนิ้วโป้งจนใช้ข้อมือไม่สะดวก เป็นทั้งสองมือ หนักที่มือซ้าย แต่เพราะเกิดเรื่องจนกระทบต่อจิตใจ
ถอนหายใจบ่อย อาจเป็นภาวะพีทีเอสดีหรือไม่ก็ซึมเศร้าร่วมจนติดสุราเรื้อรัง ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนอ้วนลงพุง อาจเพราะมีอาการบาดเจ็บที่เรื้อรังมานาน แต่ไม่ได้สาหัส”
หญิงสาวอธิบายกับตัวเอง พร้อมจับพู่กันขีดเขียนบางอย่างลงบนแผ่นกระดาษ ท่วงท่าสง่างามชวนมอง บุรุษสองคนได้แต่ยืนมองขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดสักคำ
“ท่านเทพธิดา ท่านหมายถึงสิ่งใด” กุนซือจางเอ่ยถาม
“อื้อ..ถึงจะปล่อยตัวหนวดเครารุงรังและมีรอยแผลเก่าเต็มตัว แต่ผิวพรรณดีมาก” หญิงสาวหันมองสำรวจบุรุษตัวเล็กและเสือดำตัวใหญ่อย่างตั้งใจ นางมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไม่พยายามปิดบังสายตาด้วยซ้ำ
‘เป็นพวกคนรวยปลอมตัวมาสินะ’ หญิงสาวแอบโห่ร้องดีใจที่ในที่สุดก็มีลูกค้ากระเป๋าหนักมาหานางสักที
“นางปีศาจจิ้งจอกจอมราคะ เลิกจ้องข้าเช่นนั้นสักที” หงเจี้ยนหยางทำเสียงไม่พอใจ
“เจ้ามีปัญหากับจิ้งจอกจอมราคะหรือ” หญิงสาวถาม
“ฮะ?” เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่านางต้องการถามสิ่งใด
“ปกติแล้ว บุรุษวัยกำหนัดจะไม่มีปัญหากับปีศาจจิ้งจอก นอกเสียจากว่า..” นางพูดพร้อมกับมองไปยังเป้ากางเกงของคนตัวสูง กระทั่งกุนซือจางก็มองตามสายตาของนาง
หงเจี้ยนหยางใบหน้าแดงก่ำ..
‘อาไร้!! นี่ฉันเดาถูกเหรอ เสียของสุดๆ อุตส่าห์มีสุดยอดร่างกาย’ หญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดปากทำตาโตตกใจ รู้สึกเสียใจกับอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง
อดีตแม่ทัพรู้สึกอดรนทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาอับอายจนโกรธจัด ย่างเท้าเข้าใกล้ตัวเทพธิดา ร่างสูงใหญ่แผ่กลิ่นอายอำมหิต ยื่นมือไปบีบคอระหงของนางไว้ในกำมือทันที
“ใช่แล้ว นกเขาของข้าไม่ขัน ข้าป่วยจิต หากเจ้าไม่มีปัญญารักษา ข้าจะฆ่าเจ้าให้แหลกคามือเสียตรงนี้”
“เจี้ยนหยาง อย่าเสียมารยาท” จางป๋อเหวินเห็นว่าสหายโมโหจนคุมสติไม่อยู่จึงรีบเอ่ยเตือน
“ได้..ข้ารับปากว่าจะรักษาจนเจ้าหายดี ทั้งทางกายและทางใจ แต่หากข้ารักษาได้ ข้าจะเก็บค่ารักษาราคาแพง” หญิงสาวไม่ได้หวาดกลัว แม้ตัวสูงใหญ่ที่แทบปิดท้องฟ้าของเขาจะทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอยู่บ้าง แต่ยังตกปากรับคำท้าทายของเสวียนหู่อย่างกล้าหาญ
“ฮึ เจ้าจะเอาเท่าไร” บุรุษตัวสูงแค่นเสียงหัวเราะ อย่างไรพวกต้มตุ๋นก็ต้องการเงินอยู่ดี
“ห้าสิบตำลึง..เอ่อ ห้าร้อย..หนึ่งพันตำลึง” นางกำลังพยายามคำนวณค่าเงินในหัว ไม่แน่ใจว่าเงินจำนวนเท่านี้ ในยุคสมัยเก่าเช่นนี้จะสามารถซื้ออะไรได้บ้าง แต่นางมั่นใจว่าจะต้องพอเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงดูเด็กๆ หลายชีวิตได้นานมากกว่าสิบปี
“ข้าให้สองพันตำลึงทอง” หงเจี้ยนหยางพูด ระหว่างบีบคอระหงให้แน่นขึ้น แม้ปลายนิ้วของเขาจะปวดแปลบจนน่ารำคาญ แต่เขาอยากข่มขู่สตรีผู้จนต้องพยายามทนไว้
“ห้าพันเหรอ!” หญิงสาวดีใจตาโต นัยน์ตาระยิบระยับราวกับอัญมณี มองดูชายตัวสูงที่กำลังข่มขู่ตัวเองด้วยความปีติ
เสวียนหู่แห่งอี้โจวรู้สึกว่าแววตาดีใจนั่นงดงามอย่างประหลาด เขาแน่ใจว่าเขารังเกียจสตรีผู้นี้ แต่ฝ่ามือที่กุมคอระหงไว้ก็ค่อยๆ คลายออกคล้ายเขาไม่รู้ตัว หรือเขาอาจรู้ตัว แต่ในใจไม่ยอมรับ ได้แต่โกหกตัวเองว่าเพราะเขาเจ็บมือจนต้องยอมปล่อยมือ
“เจี้ยนหยาง!” จางป๋อเหวินเอ่ยเตือนจากด้านหลัง
หงเจี้ยนหยางเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเบียดร่างของเทพธิดาจนติดผนัง ความตั้งใจแรกคือ เขาจะก้มหน้าเพื่อข่มขู่สตรีที่สูงเพียงอกของเขา แต่ยามนี้เมื่อพิจารณาดูแล้ว ท่าทางของเขาดูคล้ายจะจุมพิตนางเสียมากกว่า
ชายหนุ่มสะบัดมือออกจากคอระหง ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องนั้นทันทีโดยไม่ระวัง
“โอ๊ย!” เพราะเจ้าเสือดำตัวใหญ่เกินไป หัวของเขาจึงชนเข้ากับคานประตู หงเจี้ยนหยางได้แต่ยกมือมาปิดหน้าด้วยความอับอาย รีบก้มตัวหนีออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด
“อย่าถือสาเขาเลย เจ้าเด็กนั่นใจร้อนไปบ้าง แต่..”
“สองพัน..สองพันตำลึงทอง นี่..นาย เจ้าต้องช่วยเป็นพยานนะว่าเพื่อนของนายสัญญาจะให้สองพันตำลึงทองน่ะ” หญิงสาวยังคงดีใจ หันไปหาพยานช่วยจดจำ เพราะนางก็ไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือไม่
“ท่านเทพธิดา..เอ่อ” จางป๋อเหวินไม่รู้จะทำเช่นไร คนหนึ่งคล้ายสติหลุดเพราะเงินจำนวนสองพันตำลึง ส่วนอีกคนก็หนีเพราะทนความโมโหไม่ไหว
“ฉันต้องร่างตารางรักษาตัวอย่างละเอียด ไปรอข้างนอก อย่าเพิ่งกลับนะ อีกเดี๋ยวจะเอาตารางรักษาไปให้” นางยิ้มดีใจอย่างโง่งม
กุนซือจางได้แต่พยักหน้า เดินออกไปรอด้านนอก แม้จะเริ่มไม่แน่ใจเช่นเดียวกับหงเจี้ยนหยาง บางทีสตรีผู้นี้อาจเป็นพวกต้มตุ๋นจริงๆ เขาตามหาหมอรักษาอดีตแม่ทัพมานาน เคยพบคนหลอกลวงมามาก รู้ดีว่าคนเลวพวกนั้นจะสนใจแต่อยากได้เพียงเงินเท่านั้น
