บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 เดินทางไปพบเทพธิดา

หงเจี้ยนหยางนั่งในรถม้าหลังใหญ่ เขากำลังออกเดินทางไปพบเทพธิดาหัวทองผู้นั้น เขาถึงขั้นยอมล้างเนื้อล้างตัว แต่ไม่ยอมโกนหนวดเครา ใส่เพียงเสื้อชั้นเดียวออกเดินทางทั้งที่อากาศหนาวเย็น

จางป๋อเหวินจึงจำเป็นต้องเตรียมผ้าห่มไว้ในรถม้าหลายผืน ป้องกันไม่ให้เจ้าเสือดำเด็กน้อยป่วยเสียก่อนจะได้พบเทพธิดาผมทอง หากผู้คนรู้อาจคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่แสนดี แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกคล้ายเป็นเพียงคนใช้ที่ต้องคอยดูแลคุณชายตัวใหญ่ของตระกูลหง

ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา หนึ่งแม่ทัพ หนึ่งกุนซือ นับว่าสนิทสนมกันมาก มากจนผู้คนต่างนินทาว่าพวกเขาอาจเป็นคู่รัก เป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ แต่ในความจริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย

ปีนี้จางป๋อเหวินก็อายุสามสิบปีแล้ว แต่เป็นเพราะเขาตัวเล็กและมีใบหน้าอ่อนเยาว์ สูงเพียงหกฉื่อครึ่ง [1] จึงยังดูราวกับเด็กหนุ่มอายุไม่เกินยี่สิบปี หากเป็นบุรุษอื่นคงแต่งงานมีลูกมีหลาน ได้เป็นท่านปู่ท่านตาไปแล้ว แต่เขายังอยู่ในจวนกั๋วกงทำตัวราวกับเป็นพ่อบ้านคนหนึ่ง แม้ผู้อื่นจะยังเรียกเขาว่าท่านกุนซือก็ตาม

ส่วนหงเจี้ยนหยาง เป็นถึงบุตรชายภรรยาเอกของจวนกั๋วกงเพียงผู้เดียว แม้จะมีพี่สาวอีกหนึ่งคน แต่ก็แต่งงานกับองค์ชายแห่งซื่อโจวออกจากจวนไปนานแล้ว ยามเมื่อเขาอายุสิบห้าได้ช่วยเหลือจางป๋อเหวินไว้ ทำให้ตัวเขารู้สึกคล้ายว่ามีพี่ชาย

ทั้งสองต่างเคารพและไว้วางใจอีกฝ่ายจนถึงขั้นฝากชีวิตได้ในสนามรบ พวกเขาต่างช่วยเหลือกันจนชื่อเสียงเลื่องลือไปไกล ไม่มีใครไม่รู้จัก หนึ่งบู๊หนึ่งบุ๋น หนึ่งพยัคฆ์หนึ่งอสรพิษ ได้ชื่อว่าไร้พ่ายมาตลอดหลายปี

กระทั่งปีที่แล้ว..เสวียนหู่แห่งอี้โจวก็สิ้นชื่อ ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านแม่ของหงเจี้ยนหยาง และอดีตองค์หญิงใหญ่ ทำทุกทางให้บุตรชายคนเดียวไม่ต้องมีชื่อติดอยู่บนป้ายวิญญาณตามท่านกั๋วกงไปอีกคน

หงเจี้ยนหยางจึงถูกพระราชโองการเรียกตัวกลับมาพักรักษาตัวในเมืองหลวงทันที ทิ้งสงครามและความทุกข์ยากของลูกน้องไว้ข้างหลังอย่างไม่มีทางเลือก จางป๋อเหวินในฐานะกุนซือก็ติดตามเขามาด้วย

“ถึงแล้วขอรับ” คนบังคับรถม้าเอ่ยจากด้านนอก

“ลงไปซะ เลิกขี้ขลาดเสียที” แม้หงเจี้ยนหยางจะหลับตาอยู่ คล้ายนอนหลับไม่รู้เรื่องราว แต่กุนซือจางผู้เป็นสหายมานานรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลับแต่อย่างใด

“..เฮ้อ ข้าเกลียดเจ้า” สุดท้ายหงเจี้ยนหยางยังคงต้องแบกร่างใหญ่โตของตัวเองลงจากรถม้าอย่างทุลักทุเล จะให้บุรุษตัวเตี้ยเช่นกุนซือจางมาคอยประคองเขาลงบันไดก็กระไรอยู่

“นี่มัน..ตรอกซิ่วสือไม่ใช่หรือ” อดีตแม่ทัพเอ่ยถามสหาย

“ใช่”

ตรอกซิ่วสือ เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวง เป็นตรอกสกปรกที่มีแต่คนยากจนอาศัย เหตุใดสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพธิดาจึงมาอาศัยอยู่ที่นี่ หงเจี้ยนหยางได้แต่สงสัย

บุรุษสองคนเดินมาถึงหน้าทางเข้าโรงรักษาของเทพธิดาผมทอง มีเด็กชายคนหนึ่งขาขาด แต่ยังคงวิ่งเล่นกับสหายอย่างสนุกสนาน ขาข้างที่ขาดของเด็กน้อยถูกแทนที่ด้วยเท้าปลอมที่ทำจากไม้ แม้ลักษณะจะไม่ประณีต แต่กลับเข้ากับรูปร่างของเด็กน้อยพอดีจนสามารถเดินเหินได้อย่างปกติ

“นั่น..” หงเจี้ยนหยางรู้สึกมีความหวังเลือนราง เขาไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน

“เข้าไปกันเถิด”

กุนซือจางเดินนำหน้าตรงเข้าไปเปิดประตูทางเข้าโรงรักษาที่สร้างจากไม้สกปรก ทางเข้าถูกกั้นเพียงผ้าสีซีดจางจนไม่รู้ว่าสีเดิมของมันคือสีอะไร อีกทั้งประตูยังเล็กแคบและเตี้ยจนหงเจี้ยนหยางต้องค้อมหลังจึงจะเข้าไปได้

“ท่านลุงและพี่ชาย เชิญนั่งรอขอรับ” เด็กชายวัยสิบขวบท่าทางกระฉับกระเฉงรีบวิ่งมาพร้อมกับส่งเก้าอี้ไม้สองตัวให้ผู้มาใหม่ เรียกชายตัวใหญ่หนวดเครารุงรังว่าลุง และเรียกบุรุษในชุดดำว่าพี่ชาย

“ข้า..ไม่ใช่ลุง” อดีตแม่ทัพได้แต่กัดฟัน

“..ฮึ” จางป๋อเหวินยกมุมปากหัวเราะเยาะสหาย

หากเป็นชนชั้นสูงคนอื่นอาจแสดงตัวไม่ยอมนั่งรอ แต่สำหรับหงเจี้ยนหยางและจางป๋อเหวิน พวกเขาอยู่ชายแดนมานาน ใช้ชีวิตสมถะไม่ต่างจากทหารคนอื่นๆ พวกเขาจึงทำเพียงรับเก้าอี้มานั่งรอตามผู้คนในโรงรักษา

เก้าอี้ตัวเล็กเกินไปสำหรับหงเจี้ยนหยาง ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นดูเหมือนจมไปใต้สะโพกใหญ่ของเขา แต่เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น ไม่สนใจคนเจ็บป่วยผู้อื่นที่ส่งสายตาประหลาดมาทางเขาไม่ขาด

ด้านในโรงรักษาถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหน้ามีคนมารออยู่อีกหลายชีวิต บางคนก็เป็นเด็กน้อย บางคนก็เป็นคนชราที่ต้องให้ลูกหลานอุ้มมา และมีหลายคนที่แขนขาบวมจนเดินไม่ได้

อีกส่วนหนึ่งของโรงรักษา ถูกแบ่งด้วยผ้าผืนยาวสีซีดไม่ให้คนด้านนอกเข้าไป ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยมาจากด้านในเป็นระยะ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป

ไม่นานเด็กชายคนเดิมก็มาเรียกให้หงเจี้ยนหยางและจางป๋อเหวินเข้าไปด้านใน

“ท่านลุงเป็นผู้มารักษาใช่หรือไม่ขอรับ ข้าขอรบกวนทราบชื่อของท่านด้วย จะได้ทำบัญชีรายชื่อของท่านเอาไว้ขอรับ” เด็กชายเดินนำหน้า ในมือถือแผ่นกระดานที่มีกระดาษแนบอยู่ พร้อมจดสิ่งที่ถามคนป่วย

“...” หงเจี้ยนหยางไม่ยอมตอบ

“เขาชื่อ..พ่างพ่าง [2] “จางป๋อเหวินจำต้องเอ่ยปากแทน แต่ก็โกหกชื่อเพื่อความปลอดภัยและเพื่อชื่อเสียงของอดีตแม่ทัพหง

“พ่างพ่าง..แล้วเจ็บป่วยที่ใดขอรับ หากไม่สบายตัวร้อนหรือเป็นไข้ โรงรักษาของท่านเทพธิดาไม่รับนะขอรับ พวกท่านอาจต้องไปซื้อยาที่ร้านหมอยาอื่น” เด็กชายแนะนำ

“อ้อ ไม่ได้ป่วย แต่เขา..มือของเขาใช้การไม่ได้”

“อ้อ เจ็บมือจนใช้ไม่ได้” เด็กชายพูดทวนระหว่างเขียนลงในแผ่นกระดาษ

“รบกวนพี่ชายรอด้านนอกนะขอรับ ส่วนท่านลุงเชิญด้านในนี้ขอรับ” เด็กชายพูดพร้อมกับเปิดผ้าออกให้

กุนซือจางหันไปมองหน้าผู้ที่ได้ชื่อว่าท่านลุงแล้วได้แต่กลั้นขำ เขาหยุดยืนรอด้านนอก ปล่อยให้หงเจี้ยนหยางมุดศีรษะผ่านเข้าไปด้านในลำพัง

เมื่อเข้าไปแล้ว ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าท่านลุงก็เห็นสตรีนางหนึ่งยืนหันหลังให้ เส้นผมของนางถูกมัดด้วยผ้าเส้นเดียว ผมครึ่งหนึ่งบนศีรษะเป็นสีดำ ส่วนอีกครึ่งตั้งแต่คอลงไปด้านล่างเป็นสีทองงดงาม

[1] 1 ฉื่อ มีประมาณ 23-24 เซนติเมตร ดังนั้น 6 ฉื่อครึ่ง สูงประมาณ 155-160 ค่ะ

[2] พ่างพ่าง หมายถึง เจ้าอ้วน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel