บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ข่าวของเทพธิดาผมทอง

หงเจี้ยนหยาง แม่ทัพผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดชายชาติทหาร เป็นมหาบุรุษที่นับร้อยปีจะมีสักคนหนึ่ง อดีตจอหงวนบู๊ผู้เลื่องชื่อที่สามารถล้มกองทัพชาวหู [1] ร้อยนายเพียงลำพัง ตัวสูงใหญ่กว่าเก้าฉื่อ [2] ราวกับยักษ์ผานกู่ น่าเกรงขามจนศัตรูต่างหวาดเกรงไม่กล้าเอ่ยชื่อ ถูกขนานนามยิ่งใหญ่ว่า เสวียนหู่ [3] แห่งอี้โจว

ยามนี้ เจ้าเสือดำนั่นกลับเมามายในห้อง ไม่ยอมพบผู้ใด ปล่อยตัวสกปรกหนวดเครารุงรังไม่ต่างจากพวกชาวหู ตัวอ้วนหนากว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ทิ้งตัวอยู่ท่ามกลางกองไหสุรา ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนหลัง

บุรุษตัวเล็กสูงเพียงหกฉื่อครึ่ง [4] สวมแหวนสีดำไว้ทั้งสิบนิ้ว ดูประหลาดแต่ก็เข้ากับชุดดำล้วนของเขายิ่งนัก เมื่อบุรุษผู้นั้นเดินมาจนถึงหน้าเรือนเหม็นสุรา ท่าทางของสาวใช้สองคนที่ตัวเปียกปอนยืนเฝ้าประตูอยู่ก็ราวกับได้พบหนทางหลุดพ้นจากทะเลทุกข์

“ท่านกุนซือจาง ฮือ..” สาวใช้คนหนึ่งยกมือมาปิดปากเพื่อป้องกันเสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา นางดีใจราวกับได้พบพระโพธิสัตว์ก็ไม่ปาน

“ไปเถิด ข้าดูแลเขาเอง” บุรุษในชุดดำผู้ถูกเรียกว่ากุนซือจางโบกมืออนุญาตให้สาวใช้ไปทำสิ่งอื่นได้ ไม่ต้องทนทรมานเฝ้าหน้าเรือนของเหม็นสุราของหงเจี้ยนหยางอีกต่อไป

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านกุนซือ” สาวใช้ทั้งสองคนรีบย่อตัวคารวะ แล้ววิ่งจากไปทันที

กุนซือจางได้แต่ส่ายหัว หลายเดือนมานี้หงเจี้ยนหยางทำตัวราวกับเป็นอาจมสุนัขกองหนึ่ง ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เขา แต่ฮูหยินผู้เฒ่า มารดาของหงเจี้ยนหยางกลับบังคับสาวใช้ในจวนทุกคนที่ยังไม่ได้แต่งงานให้มาคอยเฝ้าดูแลบุตรชาย

ฮูหยินผู้เฒ่าหวังให้บุตรชายที่เมามายเผลอจับสตรีสักคนขึ้นเตียง นางจะได้มีหลานสืบสกุลสักที แต่ไม่ว่าสาวใช้กี่คนต่อกี่คนต่างก็หวาดกลัวจะได้ขึ้นเตียงของอดีตแม่ทัพหงเจี้ยนหยางผู้นี้ยิ่งนัก

ไม่ใช่เพราะเขาดุร้ายราวเสือดำตามฉายาของเขา แต่เพราะความเมามายจนไม่สนใจใต้หล้าต่างหากที่ทำให้เหล่าสาวใช้เข็ดขยาด หงเจี้ยนหยางผู้นั้นถึงขั้นยืนปัสสาวะรดหัวสาวใช้มาแล้ว!!

มีใครบ้างอยากปีนขึ้นเตียงของคนไร้สติ บางครั้งเจ้าเสือดำผู้บ้าคลั่งถึงขั้นทุบทำลายข้าวของ ดื่มสุราจนเมามายแล้วก็ยังมีแรงปีนขึ้นไปเลาะหลังคาจวนทิ้ง แม้หงเจี้ยนหยางจะสืบทอดตำแหน่งกั๋วกงจากบิดาที่เสียแล้วก็ยังไม่มีสตรีสติครบถ้วนคนใดต้องการอยู่ใกล้

วันนี้สาวใช้สองคนนั้นก็เพิ่งถูกหงเจี้ยนหยางจับโยนใส่อ่างอาบน้ำเพราะพวกนางพยายามจะให้เขาล้างตัว หลังจากพวกนางเปียกชุ่มก็ถูกเขาไล่ให้ออกมายืนเฝ้าหน้าประตู ทั้งที่อากาศช่วงนี้หนาวเย็นจนใกล้หิมะตกเต็มที

กุนซือจางเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ผ้าม่านและผ้าปูถูกดึงลงมาทิ้งเต็มพื้น เขาต้องก้าวข้ามไหสุราทั้งเล็กใหญ่อย่างระมัดระวัง เพราะบางไหก็ถูกทุบจนแตก

ร่างสูงใหญ่ของหงเจี้ยนหยางนอนจมในกองผ้าห่มที่มีคราบสุราเปียกเกินครึ่ง ส่งกลิ่นเหม็นจนแสบจมูก แต่บุรุษตัวใหญ่ผู้นั้นก็ยังคงนอนหลับได้ราวกับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

“..น่าสมเพช” กุนซือจางไร้คำจะต่อว่าแล้ว เขาพยายามจะช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจของสหาย แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจช่วยได้เลย

เขาในฐานะกุนซือที่เคียงบ่าเคียงไหล่ในสนามรบมาด้วยกัน ทนเห็นหงเจี้ยนหยางในสภาพนี้แทบไม่ไหว เคยพาไปหาหมอมาหลายคน แม้แต่หมอหลวงในวังก็เชิญมารักษาแล้ว แต่อาการบาดเจ็บของหงเจี้ยนหยางก็ยังไม่ดีขึ้น

“ลุกขึ้น” กุนซือจางเตะเข้าที่สีข้างของเจ้าเสือดำ

“!!..ใคร! ใครกล้าลอบทำร้ายแม่ทัพ” หงเจี้ยนหยางตะโกนทั้งที่ยังลืมตาไม่ขึ้น ร่างสูงใหญ่พยายามชันตัวลุกนั่งอย่างทุลักทุเล

“ล้างเนื้อล้างตัวซะ ข้าจะพาเจ้าไปหาเทพธิดา”

“อ้อ..พี่เหวินหรือ” หงเจี้ยนหยางปรือตามอง เห็นว่าเป็นท่านกุนซือจาง เขาก็หลับตานอนต่อไป

“ลุกขึ้น!” จางป๋อเหวินเตะซ้ำไปที่เดิม เขาสุดจะทนความเน่าสกปรกของอดีตแม่ทัพผู้นี้แล้ว

“ชิ เจ้ากล้าทำร้ายข้าหรือ” หงเจี้ยนหยางที่เมื่อครู่ยังเมามายลุกขึ้นไม่ขึ้น ยามนี้กลับมีเรี่ยวแรงมหาศาลเตะจนร่างในชุดดำปลิวลิ่วเกือบถึงประตู

จางป๋อเหวินถูกเตะจนลอยมาไกล แต่เขาคล้ายรับมือท่าเตะนั้นเป็นประจำจนสามารถคาดเดาทิศทางการตกของตัวเองได้ แม้เขาจะตัวเล็ก แต่ทันทีที่ล้มก็กระโดดลุกขึ้นวิ่งเข้าใส่หงเจี้ยนหยางอีกครั้ง

เจ้าเสือดำหงุดหงิดเพราะถูกเตะ ร่างสูงใหญ่กระโดดทีเดียวก็ลุกขึ้นมาตั้งรับการโจมตีจากกุนซือจางได้อย่างสบาย ชายตัวเล็กและชายตัวใหญ่จึงเริ่มต่อสู้กันวุ่นวายในห้องที่ทั้งเหม็นทั้งรก

“เสวียนหู่อะไรกัน เจ้ามันแค่สุนัขเหม็นอาจม” กุนซือจางบ่นระหว่างที่เหวี่ยงเส้นด้ายสีดำออกจากแหวนของเขาไป ด้ายพวกนั้นพันมัดสองแขนของหงเจี้ยนหยางอย่างแม่นยำ

“จางป๋อเหวิน ข้ากับเจ้าขาดกันตั้งแต่วันนี้” หงเจี้ยนหยางผู้ซึ่งตัวใหญ่และมีพละกำลังมหาศาล ใช้แขนที่ถูกมัดดึงเส้นด้ายสีดำลากจนร่างบุรุษตัวเล็กลอยเข้ามาให้เขาเตะ

“เจ้าหมูสกปรก” จางป๋อเหวินหลบได้

“ข้าไม่ได้เป็นหมู!” หงเจี้ยนหยางไม่ยอมรับ

“หมู!”

ผ่านไปเกือบหนึ่งเค่อ กว่าบุรุษสองคนจะยอมหยุด ในห้องที่พังรกอยู่แล้วยิ่งถูกทำลายจนข้าวของระเกะระกะเต็มไปหมด

“เจ้าบอกว่าจะไปที่ใดนะ” หงเจี้ยนหยางหอบเหนื่อยจนหนวดเครากระเพื่อม มีกลิ่นสุราโชยแรงมาจากร่างของเขา

“ข้าจะพาเจ้าไปหาท่านหมอผู้หนึ่ง เล่ากันว่านางเป็นเทพธิดา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ไม่มีผู้ใดรักษาได้” กุนซือจางตอบ แม้เขาจะไม่มีเหงื่อออกสักเม็ด แต่ผมที่รวบจนเรียบตึงก็เริ่มหลุดลุ่ยบ้างแล้ว

“ข้าไม่ไป”

“ขี้ขลาด”

“เจ้าว่าอะไรนะ!”

“ข้าบอกว่า เจ้า มัน หมู ขี้ ขลาด” บุรุษตัวเล็กเน้นทีละคำ

“..ชิ ข้า..ข้าแค่ไม่เชื่อเรื่องเทพธิดาอะไรนั่นเท่านั้น” แม้เขาจะแก้ตัวปากดีเช่นนั้น แต่ในใจเขาหวาดกลัวยิ่งที่จะให้ความหวังตัวเองอีกครั้ง

“ข้าไปดูมาแล้ว ผมของนางเป็นสีทองครึ่งหนึ่ง ผู้คนในโรงรักษาของนางล้วนประหลาด คนขาขาดก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้ค้ำ ข้าคิดว่า..นางควรค่าให้เจ้าคาดหวัง เจ้าควรลองไปพบนางดูสักครั้ง”

” ผมสีทองหรือ!” หงเจี้ยนหยางแปลกใจอยู่บ้าง

[1] ชาวหู หมายถึง ชนกลุ่มน้อยของจีนโบราณหลายเผ่ารวมกัน อาศัยอยู่ทางเหนือเป็นหลัก อากาศหนาว ใส่เสื้อผ้ารัดกุมกระชับทั้งแขนและขา หนวดเครารุงรัง ป่าเถื่อน ไร้ระเบียบ แต่ขี่ม้าเก่ง ออกรบดุดัน

[2] หนึ่งฉื่อ เท่ากับ 23-24 เซนติเมตร 9 ฉื่อ จึงสูงประมาณ 190 เซนติเมตรถึง 2 เมตรค่ะ

[3] เสวียนหู่ แปลว่า เสือดำ

[4] หนึ่งฉื่อ เท่ากับ 23-24 เซนติเมตร 6 ฉื่อครึ่ง จึงสูงประมาณ 156-160 เซนติเมตรค่ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel