บท
ตั้งค่า

บทที่ 13 ขายตัวหนึ่งร้อยตำลึง

ผ่านด่านฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างง่ายดาย แต่ด่านของเทพธิดาอันเยว่ฉี กลับง่ายดายยิ่งกว่า ทันทีที่จางป๋อเหวินเสนอเงินหนึ่งร้อยตำลึงเป็นค่าสินสอด เทพธิดาผู้นั้นไม่แม้แต่จะอิดออดแสดงท่าทีของกุลสตรีอันดีงามสักนิด นางยอมตกลงรับปากทันที ทั้งเคยลั่นวาจาว่าจะไม่มาที่จวนกั๋วกงอีก

หญิงสาวยังเขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาให้ว่าที่สามีของนางด้วย

“ข้อตกลงการแต่งงานปลอมๆ ข้อหนึ่ง การแต่งงานถือว่าเป็นสัญญาจ้างทำงานนอกสถานที่เท่านั้น ต้องมีการจ่ายเงินเดือนทุกเดือนเป็นเงินสามตำลึง หากไม่ยอมจ่ายด้วยเงินก็ให้จ่ายเป็นข้าวสารสองกระสอบทุกเดือน

อะไรนะ ค่าจ้างสาวใช้ในจวนของข้า ปีหนึ่งยังไม่ถึงสามสิบอีแปะเลย นางจะขูดรีดข้าชัดๆ” หงเจี้ยนหยางบ่น

“นางยอมลดให้เจ้าแล้ว คราแรกนางเรียกห้าสิบตำลึงทองด้วยซ้ำ” กุนซือจางนึกถึงยามที่เขาต้องต่อราคากับเทพธิดาผู้นั้นแล้วยังรู้สึกขนลุกไม่หาย

“นี่เรียกว่าลดราคาแน่หรือ แล้วนี่อะไรอีก ข้อสอง ระหว่างอยู่ในสัญญาแต่งงาน ห้ามแตะเนื้อต้องตัวฉันสามีภรรยา ฮะ! นี่นางคิดว่าข้าพิศวาสนางเช่นนั้นหรือ เหลวไหลที่สุด..ข้า..” เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

“...” กุนซือจางได้แต่ดูท่าทางเดือดดาลของสหายอายุน้อยของตัวเอง เขาก็ไม่เข้าใจว่าหากรู้สึกถูกกดขี่ เหตุใดจึงไม่ยกเลิกงานแต่งหลอกลวงนี่เสีย

“ทุกอย่างจะดำเนินไปตามการรักษาอย่างมืออาชีพ อะไรคือมืออาชีพ ภาษาของสตรีผู้นี้ชวนประหลาดเสียจริง

ข้อสาม คนไข้หรือผู้ว่าจ้างจะต้องปกป้องหมอหรือลูกจ้างให้ปลอดภัยจากทั้งมารดาและอันตรายอื่นๆ ฮ่าๆ ๆ ๆ ขนาดกลัวท่านแม่ของข้าก็ยังหน้าเงินเห็นแก่ผลประโยชน์อยู่ดีสินะ

ข้อสี่ หากเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น คนไข้ดื่มสุรา หรือไม่ทำตามคำสั่งของหมอ หมอจะไม่รับประกันผลการรักษาใดๆ ทั้งสิ้น..

ข้อห้า ต้องมีวันหยุดให้ทุกเจ็ดวัน

ข้อหก ต้องหาคนมาคอยดูแลโรงรักษาและบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าของเทพธิดาให้ปลอดภัย

ข้อเจ็ด ต้องมีวันลาให้เทพธิดากลับไปเยี่ยมบ้านทุกเดือน

ข้อแปด เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการรักษา คนไข้จะต้องเซ็นใบหย่าพร้อมเงินสองพันตำลึงทอง เฮอะ..สตรีหน้าเงิน..” ถึงเขาจะบ่นแต่ก็อ่านจนครบทุกตัวอักษร

เพียงแต่เขาไม่ได้ออกเสียงตัวอักษรไม่กี่ตัวท้ายจดหมาย ข้าให้สัญญาด้วยชีวิตว่าจะรักษาเจ้าจนหาย ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าหากอ่านประโยคนั้นออกไปเขาอาจอ่านด้วยน้ำเสียงปกติไม่ได้

ความทรงจำในคืนนั้นยังคงอบอุ่น อ้อมกอดจากแขนบอบบาง กลิ่นหอมเฉพาะตัวของสตรี เสียงปลอบแสนอ่อนโยน และเส้นผมนุ่มลื่นสีทอง ทุกสัมผัสยังคงชัดเจนจนหงเจี้ยนหยางรู้สึกใจสั่น

“อืม..เปลี่ยนคนเถิด นางขูดรีดเจ้ามากเกินไป เจ้าไม่มีทางหาเงินมาจ่ายให้นางได้” กุนซือจางเสนอข้อคิดเห็น

“ไม่ได้ มีเพียงนางเท่านั้นที่เข้าใจอาการเจ็บป่วยของข้า ที่สำคัญเจ้าเป็นคนพาข้าไปหานางด้วยตัวเอง จำไม่ได้แล้วหรือ” หงเจี้ยนหยางไม่ยอม

“ไม่ได้ นางเก็บเงินมากเกินไป ใครจะหาเงินมากมายเพียงนั้นมาให้เจ้าผลาญเล่นกัน” อย่างไรกุนซือจางก็ไม่ยินยอม

“พี่เหวิน เรื่องนี้ข้ายอมไม่ได้จริงๆ ข้าต้องได้รับการรักษาจากนาง แต่ไม่ต้องห่วง ข้าจะใช้เงินรายปีที่ได้รับจากราชสำนักมาจ่ายเอง ไม่รบกวนลู่เยียน”

“...” จางป๋อเหวินรู้ว่าอาการเจ็บที่ข้อมือจนจับดาบไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับอดีตแม่ทัพหง ในเมื่อเจ้าเสือดำยืนยันหนักแน่นเช่นนั้น เขาจึงไม่มีสิ่งใดจะพูดอีก

ดังนั้น การแต่งงานจึงเกิดขึ้นเช่นนี้

ไม่นานอันเยว่ฉีก็ได้รับเงินค่าสินสอดหนึ่งร้อยตำลึง พร้อมปิ่นปักผมหยกขาวชั้นดี

“พี่ใหญ่ ท่านจะแต่งงานกับเจ้าอ้วนนั่นจริงหรือ” เด็กชายถาม แววตาแดงก่ำคล้ายเพิ่งแอบไปร้องไห้มา

“อาเจียว เจ้าไม่เข้าใจ นี่เรียกว่ารับงานประจำกับพวกเศรษฐีต่างหาก เจ้าไม่เห็นเงินค่าจ้างล่วงหน้ามากมายนี่หรือ ด้วยเงินจำนวนนี้ ทุกคนก็ไม่ต้องอดอยากไปอีกเป็นปี อาจจะหลายปีด้วยซ้ำ” อันเยว่ฉีพูดพร้อมกับผายมือไปยังหีบซึ่งบรรจุทองหยวนเป่าไว้จนเต็ม

“เงินที่ขายท่านกิน พวกข้าไม่อยากได้” อาเจียวหน้างอ เขาอยากรีบเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาคงช่วยสตรีตรงหน้าได้มากกว่าขายนางให้กับพวกเศรษฐี

“อาเจียว ข้าไม่ได้ขายตัว ข้าขายความสามารถ เจ้าดูหน้าตาของข้าสิ ข้าไม่ได้งดงามจนล่มเมืองได้ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะมีใครจ่ายหนึ่งร้อยตำลึงทองเพื่อซื้อพี่ใหญ่ของเจ้า

และถึงข้าจะขายตัวจริง ข้าก็ไม่เสียใจ พวกเจ้าทุกคนที่นี่สำคัญต่อข้ามาก พวกเจ้าจะต้องรอดและเติบโต เข้าใจหรือไม่” หญิงสาวสั่งสอน

“หากต้องเติบโตด้วยวิธีเช่นนี้ ข้าขอตายดีกว่า” เด็กชายอาเจียวเริ่มเสียงสั่น มีน้ำตาไหลอาบแก้ม

“ไร้สาระ เจ้าเป็นลูกผู้ชายแบบไหน ข้าสอนกี่ครั้งแล้วว่า มีชีวิตอยู่จึงสำคัญที่สุด หากอวดเก่งจนตาย อยากจะช่วยใครก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว อีกอย่าง ข้าหวังให้เจ้าดูแลที่นี่ยามข้าไม่อยู่ หากเจ้าเป็นอะไรไปอีก ข้ายังจะหวังพึ่งใครได้

ข้าต้องปิดโรงรักษาชั่วคราวเพื่อหาเงิน แต่เครื่องกายภาพบำบัดยังต้องเปิดให้คนไข้อีกหลายคนมาทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ เจ้าต้องช่วยดูแลให้ดี อย่าให้ใครมาทำลาย ทุกคนยังเด็กอยู่ ข้ามีเพียงเจ้าแล้ว” หญิงสาวยกแขนเสื้อขึ้นไปเช็ดคราบน้ำตาน้ำมูกสกปรกของเด็กชาย

เขารีบผลักมือของนางออก หันหลังไปและแอบเช็ดหน้าด้วยตัวเอง ก่อนจะหันกลับมายืดอกหลังตรง

“ข้าจะดูแลพวกเขา ข้าจะเป็นที่พึ่งของท่าน” อาเจียวตบลงไปบนอก พร้อมเอ่ยคำสัญญา

“ดีมาก” อันเยว่ฉีตบลงไปบนอกของเขาเบาๆ เช่นกัน

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังจะขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวซึ่งถูกส่งมาจากจวนกั๋วกง มีจางป๋อเหวินยืนอยู่ด้านข้าง อาเจียวยังคงหูแดงตาแดงรอส่งพี่ใหญ่ของเขาอย่างอาลัยอาวรณ์

“พอแล้ว ข้าไปทำงาน เจ้าอย่าทำราวกับข้าจะไปแล้วไม่กลับมาอีกได้หรือไม่” อันเยว่ฉีทนอีกไม่ไหวจึงดุเด็กน้อยไปคำหนึ่ง

“ขะ..ข้า..”

“เอาล่ะ เอานี่ไป หยกนี่ราคาแพงมาก เก็บไว้ให้ดี ถ้าวันไหนเงินหมด หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน เจ้าก็เอาไปแลกเงินเพื่อนำมาเลี้ยงทุกคน เข้าใจหรือไม่” หญิงสาวยื่นมือไปหยิบปิ่นหยก ดึงออกจากผมส่งให้กับอาเจียว

“พี่ใหญ่..ฮือ ข้าคิดถึงท่าน” เด็กชายปล่อยเสียงโฮเก็บอาการไม่อยู่อีก

“ได้ๆ ข้าไปไม่นานก็กลับแล้ว ต้องดูแลสมบัติในบ้านดีๆ เข้าใจหรือไม่” นางยังคงห่วงแต่ทรัพย์สมบัติ

“ปิ่นหยกนั่น ถูกส่งมาเพื่อเป็นเครื่องยืนยันตัวเจ้าสาว ท่านมอบให้อาเจียวไปแล้ว เมื่อต้องเข้าประตูจวนท่านจะใช้อะไรยืนยันตัวตน” จางป๋อเหวินถูกส่งมารับตัวเจ้าสาว เขาเห็นว่าเทพธิดาทำไม่ถูกต้อง จึงเอ่ยปากเตือนสักคำ

“ในโลกนี้มีข้าเพียงผู้เดียว สีผมเช่นนี้ยังจะมีผู้อื่นอีกหรือ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้หยกนั่นเพื่อยืนยันตัวตน” อันเยว่ฉีเชิดคอ และเดินขึ้นเกี้ยวไม่สนใจคำเตือนของกุนซือจาง

เจ้าสาวคนอื่นอาจมีทรัพย์สมบัติมากมาย มีสินเดิมเป็นลำรถ แต่สำหรับอันเยว่ฉี นางมีเพียงถุงหนังประหลาดสีแดงใบเดียว..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel