บทที่ 12 แต่งอนุกี่คนก็ย่อมได้
“หรือว่า ข้าต้องไปขอร้องนาง..ไม่ ไม่ดี ข้าควรจับตัวเจ้าเด็กอาเจียวอะไรนั่นไว้เป็นตัวประกัน ให้นางยอมเป็นฝ่ายมาหาข้าเอง” ชายหนุ่มตัวใหญ่ทำท่าครุ่นคิด
“เฮ้อ..เจี้ยนหยาง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่นางแต่อยู่ที่ท่านแม่ของเจ้า!” จางป๋อเหวินถอนหายใจ
หงเจี้ยนหยางทำท่าตกใจ เขาส่ายหัวและตบบ่ากุนซือตัวเล็กของเขาด้วยความเป็นห่วง
“พี่เหวิน อย่าถอนหายใจบ่อย จะทำให้ร่างกายป่วยตาม อันเยว่ฉีเตือนข้าเช่นนี้ทุกครั้ง”
พี่เหวินผู้นั้นอ้าปากและหุบปาก ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา จากนั้นเขาก็ต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมขมับ
‘เจ้าเด็กโง่นี่ ที่ข้าต้องถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพราะใครกัน!!’
“อื้ม..แต่ที่ท่านพูดก็ถูก ปัญหาอยู่ที่ท่านแม่ของข้าจริงๆ ข้ารู้ดีว่านางทำเพราะเป็นห่วงข้า แต่เทพธิดาก็ทำให้ข้าหายป่วยได้จริง ยามนี้ท่านแม่อาจไม่เชื่อ แต่หากข้าพิสูจน์ให้ท่านแม่ได้เห็น นางจะต้องเปลี่ยนใจแน่”
“เจ้าจะพิสูจน์อย่างไร ในเมื่อเทพธิดาอันเยว่ฉีไม่ยอมมาที่นี่อีกแล้ว” จางป๋อเหวินพูด
“เรื่องนั้นให้เจ้าช่วยพูดกับนางก็แล้วกัน ส่วนข้าจะไปบอกกับท่านแม่ว่าข้าจะรับอนุ”
“!!..” กุนซือจางได้แต่อ้าปากและหุบปากอีกครั้ง สองคิ้วของเขาขมวดจนแทบจะผูกกันได้แล้ว
“ข้าจะไปหาท่านแม่ก่อน” หงเจี้ยนหยางดีใจที่หาเหตุผลข้ออ้างที่ดีพบแล้ว เขาจึงอยากรีบไปพบท่านแม่ของเขาทันที
“เดี๋ยว ช้าก่อน..เจ้า นี่เจ้าคิดจะแต่งเทพธิดาเข้าจวนจริงหรือ ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง” จางป๋อเหวินรีบเตือนสติอดีตแม่ทัพสูงสุด
“เหมาะสมอันใดกันเล่า การแต่งงานมันก็แค่เรื่องของผลประโยชน์ เราควรแต่งกับคนที่จะให้ผลประโยชน์กับเราสูงสุดต่างหาก ลู่เยียนเป็นคนบอกข้าเรื่องนี้ นางไม่เคยบอกเจ้าหรือ” เสวียนหู่แห่งอี้โจวหันมายิ้มจนเห็นเขี้ยวขาว นัยน์ตาเป็นประกายมีความสุข
บุรุษตัวเล็กในชุดดำได้แต่ยืนนิ่งก้าวเท้าไม่ออก ในใจหนักอึ้ง แต่หงเจี้ยนหยางไม่สนใจ
“โชคดีที่ข้ามีฐานะเป็นถึงกั๋วกง จะแต่งงานกี่ครั้งก็ย่อมได้ เพื่อให้ข้ากลับไปจับดาบใหญ่ได้อีกครั้ง จะแต่งงานอีกห้าครั้งสิบครั้ง ข้าก็ยินดี” เขาเสริม
“แล้ว..ฮูหยินผู้เฒ่าเล่า” แม้จางป๋อเหวินจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานเช่นนี้เลย แต่เมื่อนึกถึงความเป็นห่วงของหงเจี้ยนหยางต่อผู้คนที่อยู่ใกล้ชายแดน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร
“ท่านแม่อยากได้หลานมาก นางต้องอยากให้ข้ามีอนุหลายคนอยู่แล้ว” ชายตัวใหญ่ ยิ้มราวกับกุมชัยชนะไว้ในมือ
“แล้ว..เรื่องสุราที่เจ้าดื่มไปคืนนั้นเล่า จะจัดการอย่างไร” กุนซือจางกลับมาสงบเยือกเย็นอีกครั้ง
“อืม..ข้าจัดการเอง เจ้าไปบอกข้อตกลงกับเทพธิดาเถิด เสนอเงินให้นางมากหน่อย ข้าคิดว่านางจะต้องไม่ปฏิเสธแน่” ชายหนุ่มตัวใหญ่พูด
หงเจี้ยนหยางและจางป๋อเหวินจึงแยกย้ายไปจัดการตามตกลง ฝ่ายหนึ่งไปคุยกับฮูหยินผู้เฒ่า อีกฝ่ายก็ไปเสนอสินสอดให้เทพธิดา
อนุเอ้อหลิงถูกเรียกตัวให้ไปพบท่านกั๋วกง นางดีใจมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ท่านกั๋วกงเป็นฝ่ายเรียกหานาง แต่เมื่อเดินตามสาวใช้ไปไม่นานนางก็ต้องแปลกใจที่ไม่ได้ไปเดินไปยังเรือนนอนของท่านกั๋วกง แต่เป็นเรือนรับรองของฮูหยินผู้เฒ่า
“ฮูหยินผู้เฒ่า นายท่าน” อนุเอ้อหลิงกล่าวทักทาย
“อืม ในเมื่อเจ้าก็มาแล้ว ข้าจะไม่ขออ้อมค้อมล่ะนะ..ข้าจะแต่งอนุอีกคนเข้าจวน” หงเจี้ยนหยางตรงเข้าประเด็น
!!! สตรีทั้งสองต่างตกใจไม่แพ้กัน
ฝ่ายอนุเอ้อหลิงย่อมไม่พอใจ แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับตกใจยินดีอย่างยิ่ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ลูกชายของนางอยากแต่งกับสตรีสักคน ที่ผ่านมามีแต่นางที่พยายามจะมอบสาวใช้อุ่นเตียงให้ เขาไม่เคยใส่ใจสักครั้ง
ดังนั้นหลายปีมานี้ นางจึงยังไม่มีหลานสักคน ยามนี้เขากลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง ความหวังที่นางจะมีหลานสักคนหรือหลายคนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
“เจ้าไปถูกตาต้องใจบุตรสาวบ้านใดก็บอกแม่มาได้เลย เดี๋ยวแม่ไปสู่ขอให้เจ้า”
“ไม่ต้องถึงขั้นนั้นขอรับท่านแม่ นางเป็นเพียงสตรีธรรมดา พาเข้าหลังจวนก็เพียงพอแล้วขอรับ” เขาตอบ
“ปะ..เป็นผู้ใดหรือเจ้าคะ” อนุเอ้อหลิงพยานามเค้นเสียงถามให้ดูยินดี
“อ้อ..ก็เทพธิดาในคืนนั้นอย่างไรเล่า”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ! สตรีผู้นั้นเป็นปีศาจ คืนนั้นนางมัดท่านไว้ทั้งคืน ไหนจะผมสองสีของนางอีก อัปลักษณ์ยิ่งนัก นายท่านเป็นถึงกั๋วกง จะรับอนุง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ
อีกอย่าง นายท่านอาจไม่รู้ แต่ในสายตาสตรีแล้ว ข้าเข้าใจดีว่านางเข้าหาท่านเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง” อนุเอ้อหลิงพยายามหาเหตุผลมาขัดขวาง แต่เพราะอาการตกใจมาก ทุกอย่างที่นางพูดจึงฟังดูไร้สาระสิ้นดี
เพียงแต่สิ่งที่นางไม่รู้คือ เทพธิดาผมสีทองไม่ได้เข้าหาท่านกั๋วกง เป็นท่านกั๋วกงเดินทางไปหานางถึงที่ตรอกซิ่วสือ
“อื้ม..เจ้าพูดเรื่องคืนนั้นขึ้นมาก็ดีเลย น้ำแกงไก่ที่เจ้าพยายามจะให้ข้าดื่มมาทั้งวัน ข้าเห็นว่าเจ้าอุตส่าห์เหน็ดเหนื่อยเพื่อต้มน้ำแกงให้ข้า เพียงเล็กน้อยคงไม่เสียหายอะไร มีคนอยากดูแลย่อมดีกว่ามีคนเกลียดชัง ข้าจึงยอมดื่มน้ำแกงของเจ้า
แต่เจ้ากลับกล้าใส่สุราไว้ ทั้งที่ข้าอยู่ในช่วงกำลังรักษาตัว แม้แต่สุราสักจอกท่านแม่ก็ไม่อนุญาตให้มีในจวน ข้าจึงอยากรู้นักว่าสตรีในห้องหอเช่นเจ้า เอาสุรามาจากที่ใด ที่สำคัญ เจ้ากล้ามอมเหล้าข้าเชียวหรือ”
อนุเอ้อหลิงตาโต คุกเข่าลงทันทีด้วยความตกใจ นางก้มหัวจนหน้าผากติดพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความน่าสงสาร
“ขะ..ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าเพียงแต่อยากช่วย ข้าให้สาวใช้ไปซื้อเครื่องเคียงใหม่เพื่อมาต้มน้ำแกงไก่ใส่โสมพันปี ขะ..ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าในเครื่องเคียงเหล่านั้นจะมีสุราผสมอยู่ด้วย
ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะเจ้าคะ ฮูหยินผู้เฒ่า ช่วยบอกนายท่านด้วยเจ้าค่ะ เอ้อหลิงเพียงอยากให้นายท่านหายป่วย วันนั้นท่านก็อนุญาตให้ข้าใส่เครื่องเคียงพวกนั้นเอง ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
อนุเอ้อหลิงรีบตะเกียกตะกายไปกอดขาของฮูหยินผู้เฒ่าเอาไว้ อ้อนวอนขอคำยืนยัน
‘ฮึ เจ้าคิดเอาไว้แล้วสินะ ถึงกับกล้าใช้ท่านแม่ของข้าเป็นข้ออ้าง เครื่องเคียงที่ผสมสุราเล็กน้อย จะทำให้ข้าถึงกับเมาได้อย่างไร’ หงเจี้ยนหยางไม่ได้พูดออกไป เขาเพียงยกน้ำชาขึ้นมาดื่ม ทำราวกับไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่อนุผู้นั้นพูด แต่ไม่คิดจะเชื่องิ้วฉากนี้
“ข้าอนุญาตให้นางทำจริง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเครื่องเคียงพวกนั้นจะมีสุราผสมอยู่ ต่อไปต้องระวังให้มาก เข้าใจหรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าทำเพียงตักเตือนอนุที่นางแต่งตั้ง ไม่ได้มีบทลงโทษรุนแรงอะไร เพราะนางกำลังครุ่นคิดเรื่องอื่นอยู่
“ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่เข้าใจเอ้อหลิง ต่อไปเอ้อหลิงจะระวังเจ้าค่ะ” อนุเอ้อหลิงรีบประจบประแจง
“ส่วนเรื่องอนุคนใหม่..” ฮูหยินผู้เฒ่ากลับมาพูดถึงเรื่องอนุคนใหม่อีกครั้งด้วยความตื่นเต้น
“แต่งสตรีไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ สีผมก็ประหลาด อาจเป็นปีศาจจำแลง..”
“เจ้าทำได้ดีมากลูกแม่ ต่อให้เจ้าอยากได้สตรีจากหอนางโลม หรือทาสต่ำเตี้ย แม่ก็จะไปไถ่ตัวมาให้เจ้า” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยขึ้นก่อนที่อนุเอ้อหลิงจะได้ทันพูดมากไปกว่านี้
“ขอบคุณท่านแม่ ท่านดีกับข้าที่สุด” หงเจี้ยนหยางยิ้มดีใจ เขารู้จักท่านแม่ของเขาดี
