บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 เสียตัวให้สตรีปีศาจ

หงเจี้ยนหยางเริ่มจำเรื่องราวได้จึงอึดอัดใจอยู่บ้าง เขารู้ว่าไม่ควรทำเช่นนี้กับสตรีที่ยังไม่แต่งงาน แต่ความสบายใจเมื่อคืนก็เป็นเรื่องจริง เขาสามารถนอนหลับได้ทั้งคืนโดยไม่ฝันร้าย

“ท่านกุนซือ นี่มันเรื่องอะไร คิดจะขวางข้าหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าส่งเสียงดังมาจากด้านนอกเรือน

หงเจี้ยนหยางได้ยินเสียงประตูห้องนอนของเขาเปิดออก ชายหนุ่มจึงพยายามปลุกสตรีบนอกให้ตื่นก่อนที่จะมีใครมาเห็น แต่อันเยว่ฉีผู้นี้กลับนอนหลับลึกจนเรียกอย่างไรนางก็ไม่สนใจ

“นี่ ตื่นสิ เทพธิดา..เจ้ารีบตื่นเถิด เดี๋ยวท่านแม่เข้ามาจะยิ่งยุ่งยาก” เขากระซิบบอก

“อือ..” นางครางตอบเบาๆ และขยับตัวพลิกหน้าอีกด้าน ซุกไซ้ดิ้นไปมาเพื่อหาความอบอุ่นบนตัวคน

“..อันเยว่ฉี ตื่นเถิด ท่านแม่ข้ามาแล้ว นี่ ท่านเทพธิดา..ตื่นสิ” เขายังเรียกต่อไป พยายามให้เสียงเบา

“โอ๊ย นอนดีๆ สิ จะดิ้นไปมาทำไมกัน คนจะนอน รบกวนอยู่ได้” หญิงสาวบ่นและทุบไปบนอกแน่นๆ หนหนึ่ง

“อุก!..” เขารีบเก็บเสียงให้เงียบ ได้แต่ถลึงตามองดูหญิงสาวบนอกตัวเองอย่างหมดหนทาง นางยังกล้าหลับตานอนต่อไปอีก

‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมตื่นอีกหรือ’ เขาบ่นในใจ

“กรี๊ดดด!!!..นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” เสียงของฮูหยินผู้เฒ่าร้องตกใจ เมื่อนางได้เห็นภาพบุตรชายถูกผ้าม่านขาดมัดไว้บนเตียง ยังมีสตรีผมสีทองผู้หนึ่งนอนทับอยู่บนตัวเขา ไหนจะสภาพห้องที่เละจนไม่เหลือเค้าเดิมอีก

อันเยว่ฉีตกใจ ลืมตาตื่นทันที นางรีบลุกขึ้นนั่ง แต่ยังคงนั่งอยู่บนหมอนข้างนุ่ม มองสำรวจไปรอบห้องเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น นางเห็นสตรีเจ้าของเสียงกรี๊ดโกรธจนมือสั่น

“ท่านแม่!”

“ฮะ!!” หญิงสาวได้ยินเสียงจากใต้ร่างพูดก็ตกใจยิ่ง รีบก้มลงไปมองหมอนข้างนุ่มๆ ของตัวเอง แต่สิ่งที่เห็นน่าตกใจยิ่งกว่า คือหงเจี้ยนหยางกำลังกัดฟันออกแรงฉีกผ้าม่านที่รัดเขาอยู่จนขาด!

หญิงสาวไม่รู้จะตกใจเรื่องไหนก่อนดี เรื่องที่นางนั่งทับท้องเขาอยู่!! ทั้งเรื่องที่เขาแข็งแรงมากจนผ้าที่มัดไว้ใช้ไม่ได้ผล ไม่อยากคิดว่าหากเมื่อคืนเขาอาละวาดอีก นางจะรับมืออย่างไร

ไหนจะเรื่องที่เขาเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า ท่านแม่ และเรื่องที่นางนอนกอดเขาทั้งคืน ยังไม่หมดเท่านั้น หลังจากเขาฉีกผ้ามัดตัวได้ก็เด้งตัวขึ้นอย่างรีบร้อน ไม่ทันระวังจนทำให้ร่างของนางผู้ซึ่งนั่งอยู่บนหน้าท้องของเขาต้องเคลื่อนตัวลงไปนั่งที่ตัก

‘อะไร!! นี่มันอะไร ไหนเขาว่าเขานกเขาไม่ขันไม่ใช่เหรอ!! แล้วเจ้าแท่งแข็งๆ ใหญ่โตนี่มันคืออารายยยยย!!’ อันเยว่ฉีได้แต่ตกใจกับเรื่องที่ค้นพบ มองคนตรงหน้าขึ้นลง สับเปลี่ยนระหว่างใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราและพื้นที่ซึ่งนางนั่งอยู่

“ยังไม่รีบลุกออกไปอีก!” หงเจี้ยนหยางหันมาถลึงตาใส่หญิงสาวที่กำลังตกใจ แต่ไม่กล้าจับตัวนางไปวางที่อื่น

“หน็อยนางปีศาจ กล้ารังแกลูกชายของข้าหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าราวกับแม่ไก่หวงลูก กวาดสายตาไปพบทวนยาวเล่มหนึ่งเข้าพอดี นางก็รีบคว้าเอาไว้ ตั้งใจวิ่งเข้าไปช่วยเหลือบุตรชายเต็มที่

“ฮูหยินผู้เฒ่า!” กุนซือจางรีบร้องห้าม แต่เขายังคงไม่กล้าแตะต้องตัวฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ดี

อันเยว่ฉีรีบลุกออกจากตักที่มีแท่งเนื้อใหญ่อยู่ด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นอาวุธหนักในมือของท่านแม่แล้วนางยังกังวลเรื่องอื่นได้อยู่อีกหรือ

ยังโชคดีที่ทวนเล่มนั้นเป็นอาวุธหนักของจริง ฮูหยินผู้เฒ่าจึงถือวิ่งมาได้เพียงเล็กน้อยก็ถือไม่ไหวอีก นางสะดุดขาตัวเองจะล้ม!!

บุตรชายตัวใหญ่ที่ถูกผู้อื่นใช้เป็นหมอนข้างมาทั้งคืนจึงรีบเด้งตัวกระโดดออกไปด้วยความรวดเร็ว ทันรับท่านแม่เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย แต่ได้เผลอผลักเทพธิดาจนสะโพกเกือบหัก

“ท่านแม่!”

“ลูกแม่ เจ้าไม่ได้ถูกนางปีศาจทำอะไรใช่หรือไม่”

“ขะ..ข้า เอ่อ เรื่องไม่ใช่ดังที่ท่านคิด” เขาอึดอัดอยู่บ้างเมื่อคิดถึงสภาพการนอนเมื่อเช้า

ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นท่าทางลำบากใจของบุตรชายแล้วยิ่งรู้สึกทรมานใจนัก เขาเป็นบุรุษผู้เคยเก่งกล้า จะกล้ายอมรับได้อย่างไรว่าเสียท่าให้สตรีปีศาจตนหนึ่ง

“แม่จะฆ่านางเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของลูก!” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจัด ตั้งใจจะกำจัดปีศาจชั่วตนนั้นให้จงได้ นางจึงพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับจับทวนหนักในมือด้วยความทุลักทุเล

“ท่านแม่ขอรับ ไม่ใช่ คือ..ท่านแม่ฟังข้าก่อน” หงเจี้ยนหยางได้แต่ประคองแม่ของตัวเองอย่างจนปัญญา

ผู้ซึ่งถูกเข้าใจว่าเป็นปีศาจสาวชั่วช้าได้แต่ขมวดคิ้วมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน ไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกเช่นไร เพราะสภาพที่ลูกชายตัวโตพยายามประคองท่านแม่ไว้ ทั้งเพื่อป้องกันไม่ให้นางล้ม และเพื่อไม่ให้นางวิ่งเข้ามาทำร้ายปีศาจบนเตียงนอนได้ ดูแล้วชวนขบขันแต่ก็อันตรายถึงชีวิต

หลังจากเหตุการณ์นั้น ไม่ว่าหงเจี้ยนหยางจะพูดอย่างไร กุนซือจางจะอธิบายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่อาจทำใจยอมรับว่าสตรีผมสีทองผู้นั้นเป็นเทพธิดา และยังเป็นหมอเทวดาผู้ซึ่งจะมารักษาอาการบาดเจ็บของบุตรชาย

ฮูหยินผู้เฒ่าจึงสั่งห้ามไม่ให้ท่านกั๋วกงเดินทางไปรักษาข้อมือที่ตรอกซิ่วสืออีกเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นนางจะผูกคอตายเพื่อล้างความผิดให้วงศ์ตระกูล

“ข้ารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้น มีกำลังที่ข้อมือ และ..และคืนนั้นนางทำให้ข้าหาย..เอ่อ ข้าหมายถึง นางทำให้ข้าสงบลงได้อย่างประหลาด” ชายหนุ่มตัวใหญ่พูดกับกุนซือของเขา

“ฮูหยินผู้เฒ่าถึงขั้นเอาชีวิตมาขู่เจ้าแล้ว เลิกคิดเรื่องนั้นเถิด ข้าจะไปขอโทษท่านเทพธิดา และขอให้นางเขียนตารางการรักษาตัวให้เจ้าใหม่ โดยที่เจ้าไม่จำเป็นต้องไปพบนางอีก” กุนซือจางช่วยเขาวางแผน

“ไม่ ข้าจะให้นางมาหาข้า”

“อืม..เว้นเสียแต่นางได้ลั่นวาจาแล้วว่าจะไม่มาพบเจ้าอีก เป็นข้าก็คงไม่อยากมา วันนั้นนางแทบเอาชีวิตไม่รอดจากจวนนี้”

“..จับนางมาขังไว้เลย เจ้าว่าเป็นอย่างไร” อดีตแม่ทัพยกมือขึ้นมาจับหนวดเครา พร้อมเสนอวิธีแก้ปัญหา

“..เฮ้อ เจ้าเป็นเด็กสิบขวบอยู่หรือ”

“เด็กสิบขวบที่ใดจะจับผู้อื่นได้กัน”

กุนซือจางได้แต่ส่ายหัวกับวิธีสิ้นคิดของสหาย

“หรือจะให้เจ้าปลอมตัวเป็นข้าอยู่ในห้อง แล้วข้าค่อยหนีออกไปหานาง วิธีนี้ต้องไม่มีผู้ใดรู้แน่ว่าข้าไม่ได้อยู่ในจวนแล้ว” หงเจี้ยนหยางยิ้มดีใจราวกับได้พบวิธีที่ดีที่สุด

จางป๋อเหวินได้แต่หลับตา ยกมือขึ้นมากุมขมับ เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคนเช่นนี้เป็นแม่ทัพอยู่หลายปีได้อย่างไร สิ้นคิดเพียงนี้ยังถูกยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญได้อีกหรือ จอหงวนบู๊ผู้ซึ่งร้อยปีจะมีสักคนหนึ่ง เหลวไหลสิ้นดี

“เจ้าเห็นว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลสินะ..อืม..ก็อาจเป็นเช่นนั้น เจ้าตัวเล็กไปหน่อย” หงเจี้ยนหยางยังวิเคราะห์ต่อไปอย่างจริงจัง

จางป๋อเหวินถึงขั้นต้องหันไปมองเสือดำผู้โง่เขลาตั้งแต่หัวจรดเท้า

‘เจ้าโง่นี่ คิดว่าผู้อื่นตัวเล็กกว่ามันนิดเดียวจริงหรือ’ บุรุษในชุดดำได้แต่ถอนหายใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel