บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 หญิงสาวที่นอนทับบนอก

“เจ้าเป็นใคร” หงเจี้ยนหยางก้มลงมองดูปลายผมสีทองที่สะท้อนแสงโคมเล็กน้อยจากด้านนอกแล้วรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยถาม

“ข้าชื่อ อันเยว่ฉี” หญิงสาวแนะนำตัวอีกครั้ง

“ข้า..เหมือนจะจำได้ว่าเจ้าคือเทพธิดา นี่ข้าตายแล้วหรือ”

“ยัง เจ้ายังไม่ตาย ถึงแม้ข้าจะเป็นเทพธิดาจริงๆ แต่ก็เป็นเพียงชื่อที่ผู้อื่นเรียกเท่านั้น ข้ายังคงอยู่ในโลกคนเป็นเช่นเดียวกับเจ้า”

“ข้ายังไม่ตายอีกหรือ อีกนานหรือไม่” เขาถาม

หญิงสาวรู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนเขาจะป่วยเป็นทั้งโรคพีทีเอสดีและป่วยซึมเศร้าด้วย

“เจ้าอยากตายหรือ” นางถามระหว่างที่จับดึงเขาให้นั่งลงข้างเตียง

“ข้าไม่รู้” เขานั่งลงและตอบคำถามอย่างเคร่งเครียด ไม่ยอมปล่อยมือของเทพธิดา

“ชีวิตเป็นของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้” นางนั่งลงข้างเขา ตัดสินใจว่าคืนนี้คงไม่ได้กลับบ้านไปนอนแล้ว ยังไงคืนนี้ก็ดูแลคนป่วยให้ผ่านพ้นไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเก็บเงินจากเขาก้อนโตเป็นค่ารักษานอกสถานที่

“ข้า..ทุกคนล้วนทิ้งข้าไว้ ข้าไม่สมควรมีชีวิต ไม่สมควรมีความสุขและปล่อยให้พวกเขาตายตามลำพัง” เขาเริ่มมือสั่นเมื่อพูดถึงสิ่งที่หวาดกลัว

“เจ้าบอกว่ามีคนปกป้องเจ้าไว้ใช่หรือไม่” นางถาม

“อืม..ข้าไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ แต่เขากลับเอาตัวมาบังข้าไว้”

“ไม่เป็นไร” อันเยว่ฉีเห็นว่าเขาตัวสั่นมากขึ้น จึงเข้าไปกอดเขาเอาไว้

“ไม่ต้องกังวล แม้เจ้าไม่รู้จักชื่อเขา แต่เจ้าจะต้องเคยทำบางสิ่งจนเขายอมสละชีวิตเพื่อเจ้า” หญิงสาวพยายามอธิบายอย่างอ่อนโยน

“ไม่ ข้าไม่เคยทำอะไรเพื่อพวกเขา” แม้เขาจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่อาการตัวสั่นก็ลดลงเมื่อนางกอดเขาเอาไว้ ในใจรู้สึกกลัวน้อยลง

“ไม่จริงเลย เจ้าเป็นคนดี เจ้าปกป้องทุกชีวิตในอี้โจว เจ้าเป็นผู้พิทักษ์ของพวกเราทุกคน หากข้าเป็นทหารผู้นั้น ข้าจะภูมิใจมากที่ได้ปกป้องเจ้าเอาไว้”

“ข้า..ข้า..เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาจะไม่เสียใจ ไม่รู้สึกกลัว”

“ข้าไม่รู้ แต่เขากล้าหาญมาก เขาคงไม่กลัว และดีใจที่ปกป้องชีวิตเจ้าเอาไว้ได้ เขาอาจจะคาดหวังให้เจ้ามีชีวิตอย่างมีความสุข เจ้าต้องปล่อยวางเรื่องพวกนั้นที่เจ้าคิดไปเอง หวาดกลัวเอง

พวกเขาจะต้องเชื่อใจเจ้ามาก ถึงพยายามช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ เจ้าควรใช้ชีวิตให้ดี รีบรักษาตัวให้หาย และกลับไปปกป้องชายแดน ทำในสิ่งที่พวกเขาเชื่อใจให้เจ้าทำอย่างสุดใจ”

“ข้า..ข้าทำไม่ได้” แม้เขาจะตัวใหญ่มาก แต่ยามนี้เขาเหมือนเด็กชายที่หวาดกลัวจนตัวสั่น รวบกอดร่างของหญิงสาวแรงขึ้น

อันเยว่ฉีรู้สึกเอ็นดูชายตัวใหญ่ผู้นี้มาก แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็ราวกับเด็กที่กำลังออดอ้อนขอร้องไม่ให้แม่ทิ้งเขาไว้ที่โรงเรียนลำพัง หญิงสาวจึงยิ้มออกมาอย่างจนใจในความย้อนแย้งของบุรุษตัวใหญ่ตรงหน้า

“ไม่ต้องกลัว ข้าเป็นเทพธิดาจำได้หรือไม่ ข้าจะช่วยให้เจ้าหายเจ็บ ข้าสาบานด้วยชีวิต ถึงตอนนั้น ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป” พูดไปนางก็ตบมือเบาๆ ลูบหลังของเขาไปด้วย

“เทพธิดา ท่านแน่ใจหรือว่าข้าจะหายดี”

“ข้าแน่ใจที่สุด”

ฟังคำรับรองของหญิงสาวที่อ้างตัวว่าเป็นเทพธิดาอย่างมั่นใจ ในอกของหงเจี้ยนหยางก็ค่อยๆ อุ่น เขาไม่รู้ว่าจะเชื่อนางได้หรือไม่ แต่เมื่อกวาดสายตามองเส้นผมสีทองที่แตกต่างของนาง มันชวนให้เขาอยากเชื่อมั่นสักครั้ง

เขาจะไม่เป็นเพียงขุนนางไร้ค่าที่มีแต่ตำแหน่งกลวงๆ อีก เขาจะกลับไปเป็นจอหงวนบู๊ผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เขาจะปกป้องชายแดนและเมืองอี้โจวให้สงบสุขตามที่พี่น้องในค่ายเชื่อใจ

หงเจี้ยนหยางยื่นมือไปกำเส้นผมสีทองด้านหลังของหญิงสาวเอาไว้ จับลูบเส้นผมนุ่มลื่นราวกับเส้นไหมทองคำด้วยความสบายใจ กอดนางไม่ยอมปล่อย เขารู้สึกสบายใจอย่างประหลาดเมื่อมองเส้นผมพวกนั้น

พวกเขานั่งเช่นนั้นอยู่นาน อันเยว่ฉีทั้งง่วงนอนทั้งปวดเอวที่ต้องเอี้ยวตัวกอดชายตัวใหญ่เอาไว้ แต่เขาคล้ายหวาดกลัวจนไม่ยอมปล่อยมือ ยังกอดนางไว้เช่นเดิม นางจึงเกาะไหล่กว้างหนาของคนไข้เอาไว้ จัดท่าทางการนั่งให้สบายตัวขึ้น และนอนซบไหล่กว้างหลับไปทั้งอย่างนั้น

หงเจี้ยนหยางได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้านนอกเรือนนอน เขาจึงลืมตาขึ้น ในห้องสว่างจนเห็นเพดานชัดเจน น่าจะเช้าแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกหนักช่วงอกจนไม่สบายตัว สองมือชาจนไม่รู้สึก จึงเงยหน้ามอง ภาพตรงหน้าทำให้เขาตกใจอยู่บ้าง!

อันเยว่ฉีนอนทับอยู่บนตัวของเขา นางกำลังหลับไม่รู้เรื่อง ใบหน้าของนางอยู่วางอยู่บนอกแกร่ง อ้าปากเล็กน้อยจนน้ำลายเปื้อนเสื้อของเขาเปียกเป็นวง หงเจี้ยนหยางชะงักค้างทำตัวไม่ถูก

“ชิ..ใครมันเสียงดังกัน” หญิงสาวที่นอนคว่ำอยู่บนร่างบุรุษบ่นด้วยความไม่พอใจ แม้จะยังหลับตาอยู่ แต่นางเพียงยกมือเช็ดน้ำลายและพลิกหน้าอีกด้านก่อนจะหลับต่อไป

ชายตัวใหญ่ที่ถูกอันเยว่ฉีกระทำราวกับเป็นเตียงนอนได้แต่กะพริบตาครั้งแล้วครั้งเล่า มองรอยบนแก้มของหญิงสาวที่ถูกทับมาทั้งคืนจนแดงเป็นริ้ว ก่อนจะค่อยๆ วางศีรษะกลับลงไปเช่นเดิม และนอนนิ่งมองเพดานอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

เขาสำรวจความรู้สึกของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะแน่ใจว่าไม่ได้ชอบหญิงสาวที่ทับเขาอยู่ แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเมื่อคืนนางมานอนกับเขาได้อย่างไร

เขาได้ยินเสียงของจางป๋อเหวินเอ่ยว่าห้ามรบกวนจากด้านนอกห้อง แต่เสียงของสตรีที่บีบจนเล็กแหลมระคายหูก็ฟังไม่ออกว่าพูดอะไรบ้าง

เมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา[1] หญิงสาวบนอกก็ยังพยายามซุกตัวเพื่อหาความอบอุ่นจากร่างของเขาไม่เลิก ในที่สุดชายหนุ่มก็พอนึกออกรางๆ ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แม้ความทรงจำจะไม่ชัดเจน แต่เขาจำได้ว่าอันเยว่ฉีมาช่วยเขาไว้จากกองเพลิงโหมกระหน่ำ

และเป็นเขาเองที่รั้งกอดนางไว้จนนางไม่ได้นอน เขารู้สึกสบายใจมากที่ได้ลูบเส้นผมสีทองของนาง เมื่อคืนเขาเห็นว่านางหลับจึงล้มตัวลงนอนบ้าง พยายามขยับให้เบา เขาไม่ยอมปล่อยให้นางหลุดออกจากอ้อมกอด

ใครจะนึกว่านางกลับกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อยแม้จะหลับแล้วก็ตาม ปกติคนที่หลับแล้วก็มักจะขยับไปนอนในท่าที่สบายตัว แต่นางกลับปีนขึ้นมาบนตัวเขา ซุกตัวหาความอุ่นราวกับเป็นลูกสุนัข

[1] เวลาหนึ่งถ้วยชา เทียบตามเวลาปัจจุบันจะประมาณ 10-15 นาที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel