บทที่ 1
บทที่ 2 ไม่รู้ตัว
หลิวฟางเฟย พยายามอ้าปากหอบอากาศ แต่กลับไม่มีอะไรเล็ดลอดเข้าไปได้เลย ความเจ็บแสบแล่นขึ้นสู่ศีรษะ ร่างกายเบาหวิวเหมือนถูกฉุดลงไปในเหวนรกที่มืดมิดไม่มีที่สิ้นสุด
“ปล่อย…” เสียงของเธอหายเข้าไปในลำคอ ผู้ชายคนนี้กำลังจะฆ่าเธอจริง ๆ ทว่าเขากลับไม่ฟังเธอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเขากลายเป็นสีเลือด พ่นคำออกมา
“ตายเสียเถิด!”
เขาออกแรงบีบมากขึ้น ลมหายใจของหลิวฟางเฟยใกล้ขาดห้วง ดวงตากลมเบิกกว้าง น้ำตาคลอรื้นพร่าเลือน ก่อนหยดลงบนหลังมือของชายหนุ่มผู้กดคอเธอแน่นขึ้นทุกที
ในห้วงเวลาที่ความตายกำลังยื่นมือเข้ามา ความผิดปกติก็อุบัติขึ้น
อยู่ ๆ ก็มีกลิ่นหอมประหลาดตลบอบอวลขึ้นในอากาศ เป็นกลิ่นที่หวานอุ่น ลึกลับ และเย้ายวนเกินกว่าจะอธิบาย เพียงกลิ่นเดียวก็เหมือนสะกดลมหายใจของสรรพสิ่งให้หยุดชะงัก
ประกายหมอกสีชมพูอมม่วงก่อตัวขึ้นรอบร่างหญิงสาว แสงนั้นวาววับยามต้องสายฟ้าที่ฟาดผ่านฟากฟ้า
ดวงตาของหลิวฟางเฟย ซึ่งกำลังพร่าเลือนเพราะขาดอากาศ พลันเปล่งประกายลึกล้ำดั่งฟากรัตติกาลเคลือบแสงจันทรา เมื่อดวงตาคู่นั้นสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทของคนผู้นั้น ความดุดันดุจสัตว์ร้าย ที่สะท้อนในนัยน์ตาของชายหนุ่มกลับค่อย ๆ ทอแสงอ่อน
น้ำเสียงของหลิวฟางเฟยเปล่งออกมาอีกครั้ง
“ปล่อย...ข้า”
น่าประหลาดนัก เมื่อเปลวพลังสีแดงที่เต็มไปด้วยไอสังหารที่ห่อหุ้มร่างของชายหนุ่มเอาไว้พลันแตกกระจายทีละน้อยจนกระทั่งหายไปในที่สุด
ชายหนุ่มสูดกลิ่นหอมลึกลับเย้ายวนที่กรุ่นรอบกายหญิงสาว กลิ่นนั้นแทรกซึมเข้าสู่ทุกหยาดโลหิต ปั่นป่วนพลังปราณที่อ่อนแรงอยู่แล้วให้สั่นสะท้านร้อนรุ่มดุจเปลวเพลิง
นิ้วมือใหญ่ที่บีบรัดคอค่อย ๆ คลายออกทีละน้อย เหลือเพียงสัมผัสอุ่นร้อนที่ไล้ผ่านผิวขาวละเอียดของนาง
หลิวฟางเฟยกลับรู้สึกสงบมากกว่าที่ควรจะเป็น ดูเหมือนนางรับรู้ถึงพลังอำนาจของนางที่เหนือกว่า เพียงแต่ว่าความมั่นใจนี้อยู่ ๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ช่างน่าประหลาดนัก!
สายตาของทั้งสองราวกับขั้วแม่เหล็กดึงรั้งซึ่งกันและกัน ไม่อาจหลีกหนีไปไหนได้ ลมหายใจของเขาหนักและถี่ขึ้นทุกที แผ่นอกแกร่งสั่นระริกเหมือนกำลังถูกแรงบางอย่างเผาผลาญจากภายใน
เลือดในกายชายหนุ่มไหลวนเร่าร้อนดุจเพลิงที่ไร้ทางดับ ทุกลมหายใจที่สูดเข้าเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย้ายวนของนาง ร่างกายที่บอบช้ำสาหัสกลับกระตุกเร่าร้อนอย่างควบคุมไม่ได้
ใบหน้าคมขาวไร้สีเลือด โน้มลงมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่สาดรดแก้ม ดวงตาดำสนิทพร่ามัว แววแข็งกร้าวถูกแทนด้วยประกายสับสนและแรงปรารถนาที่ปะทุรุนแรงจนแทบคลั่ง
“อ๊ะ!”
หลิวฟางเฟยผวา เมื่อริมฝีปากเย็นชื้นแตะแต้มลงบนกลีบปากอ่อนของนางอย่างรุนแรง ทว่าในความเจ็บแผ่วกลับสอดแทรกด้วยความเร่าร้อนที่ทำให้หัวใจสะท้าน
เธอควรจะผลักเขาออกไป แต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรง นิ้วเรียวสั่นระริกเพียงแตะลงบนแผ่นอกที่ร้อนดั่งเปลวไฟ
ในใจได้แต่ร้องตะโกนว่า
มากไปแล้ว หยุด หยุดนะ
เมื่อมือของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างกาย เหมือนคนหื่นกามคนหนึ่ง
นี่เธอเจอฆาตกรโรคจิตแล้วใช่หรือเปล่า เธออย่าจะผลักเขานัก แต่จิตสำนึกส่วนที่กำลังปกป้องตัวเองกลับเหมือนจะดับมอดลงไปแล้ว
ตอนนี้หลิวเฟยเฟยกลับร้อนรุ่ม บังเกิดความต้องการทางร่างกายอย่างรุนแรง เธอไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน ร่างกายบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่อารมณ์หิวกระหายอยากผู้ชายนี่มาจากไหนกัน
ได้ยังไง ฉันไม่ได้เห็นใครก็คว้าเอามานอนด้วยหรอกนะ! ถึงจะหล่อถูกสเป็กแค่ไหนฉันก็มีศักดิ์ศรี
แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดหนึ่งที่พังทลายลงไปทันใด หลิวฟางเฟยรู้สึกเหมือนตัวเองถูกวางยาปลุกเซ็กส์ หากว่าไม่ได้กินผู้ชายคนนี้เธอต้องอกแตกตายแน่
มือเรียวคิดจะผลักเขาออก แต่เพียงสัมผัสกับหน้าอกแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้าม หลิวฟางเฟยกลับลูบไล้อย่างไม่น่าให้อภัย
ฉันกำลังทำอะไรอยู่ ไม่นะ อืม...แต่กล้ามก็แน่นดีเหมือนกันนะ
ความคิดฝ่ายดี ฝ่ายชั่ว กำลังตีกันอย่างรุนแรงในหัว และแล้วเธอก็พ่ายแพ้แก่ความคิดฝ่ายชั่วจนหมดท่า
เสียงครางต่ำลอดลำคอของชายหนุ่ม เมื่อสัมผัสเพียงจากมือของหลิวฟางเฟย กำลังปลุกเร้าไฟในกายให้ลุกโชน สองแขนแข็งแรงรวบเอวบางเข้าหาตัว ก่อนผลักเธอล้มลงกับพื้นหญ้าที่เย็นชื้น
ผืนดินสั่นสะเทือนด้วยแรงอาคมที่เขาปลดปล่อยโดยไม่รู้ตัว ม่านหมอกอาคมสีชมพูอมม่วงห่อหุ้มทั้งสองไว้ราวกับสร้างเกราะกำบังจากโลกภายนอก
“ไม่...อย่านะ...”
เสียงค้านของหลิวฟางเฟยเบาหวิว เพียงชั่วขณะก็ถูกกลืนหายไปเมื่อริมฝีปากหนักหน่วงประทับลงมาอย่างดูดดื่มรุนแรง
ชายหนุ่มไร้สติ ใช้เพียงสัญชาตญาณนำพา มือใหญ่กระชากอาภรณ์บางเบาออกจากกายขาวละเอียดทีละชั้น จนผิวเนียนนวลค่อย ๆ ปรากฏต่อสายตา
“อืม…อา”
ดวงตาของผู้ชายคนนี้ยังคงเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด เขาผละออกจากเธอเล็กน้อย แล้วบดเบียดจูบลงมาอีกครั้ง
