บทย่อ
คติประจำตัวของหลิวฟางเฟย คือ "ไม่แสวงหาความก้าวหน้า แค่ใช้ชีวิตสุขสบายไปวัน ๆ โดยไร้เรื่องกวนใจ" สำหรับเธอแล้ว ความฝันในชีวิตนี้ คือการใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่ลำบาก ได้กินอาหารอร่อย และนอนกลางวัน ก็เพียงพอแล้ว แต่ใครจะไปคิดล่ะ… อยู่ดี ๆ เธอดันทะลุมิติเข้ามาในเกมที่กำลังเล่น แล้วมากลายเป็นตัวประกอบไร้ค่า และยังถูกลากมาเป็นบ่าวรับใช้ของตี้จวินทรราชผู้โหดเหี้ยม! นาม ตงฟางเซียวเซียน ลาสบอสที่ทุกคนในเกมอยากฆ่าเพื่อหมายจะได้รับรางวัลสิบล้านหยวน แต่เขาคนนี้ไม่ใช่เซียนผู้มีจิตใจเมตตา ไม่ใช่ชายผู้ที่งานอดิเรกคือการอ่านตำรา หรือจิบชา… งานอดิเรกของเขาคือ ฆ่าคน! ทั้ง ๆ ที่ตลอดชีวิต เธอล้วนแสวงหาแต่ความสุขกายสบายใจ แต่กลับถูกดึงเข้าสู่วังวนอันตรายเต็มตัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เอาล่ะสิ… ชีวิตเอื่อยเฉื่อยก็ต้องการ งานปรนนิบัติจอมมารก็ต้องทำ! แล้วแบบนี้ เธอจะใช้ชีวิตเอื่อยเฉื่อยแบบที่ต้องการได้ยังไง? ตงฟางเซียวเซียน หลิวฟางเฟย…สตรีที่เอาแต่บ่นด่าเขาในใจทุกวัน โดยไม่รู้เลยว่าเขา “ได้ยิน” ทุกคำอย่างชัดเจน ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาอยากฆ่านางให้หายรำคาญ แต่ทุกครั้งที่ลงมือ อาคมกลับสะท้อนย้อนมาทำร้ายตัวเขาเองเสียอย่างนั้น สุดท้ายจึงจำเป็นต้องเก็บนางไว้ข้างกาย เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่านางเป็นใครกันแน่! แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ นับวันเขากลับอยากเห็นนางมีความสุขมากกว่าจะลงมือฆ่า อยากปกป้อง อยากให้นางสบาย ไม่ว่าสิ่งใดก็พร้อมจะทำให้ทั้งหมดโดยไม่รั้งรอ ให้ตายเถอะ…เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ตี้จวินผู้สูงส่งเช่นเขา กลับกลายเป็นคนที่ “แพ้ใจ” ให้แก่สตรีจอมขี้เกียจ ที่เอาแต่ก่นด่าเขาทุกวันคนนี้!
บทนำ
สายฟ้าฟาดลงมาจนแสงขาวแสบตาฉีกผืนฟ้าออกเป็นริ้ว ๆ เสียงคำรามสนั่นหวั่นไหวประหนึ่งสวรรค์กำลังโกรธเกรี้ยว ร่างบางระหงในชุดสีขาวของสำนักเซียนกำลังวิ่งสุดชีวิต เศษหิน เศษไม้ปลิวกระแทกผิวกายจนถลอกปอกเปิก แต่เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไป
ด้านหลัง สงครามใหญ่กำลังปะทุราวนรกเปิดประตูออกมา สองกองกำลังปะทะกันดุจคลื่นเหล็ก คนหลายร้อยกำลังฆ่าฟันกัน เสียงระเบิดที่ดังสนั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือนทำให้ลมหายใจเธอสะดุด ลมแรงพัดเอากลิ่นคาวเลือดปนควันดินไหม้เข้ามาเต็มจมูก
“ให้ตายสิ! อะไรวะเนี่ย ทำไมต้องเกิดแต่กับฉัน!”
เสียงกรีดร้องของหลิวฟางเฟยดังแข่งกับเสียงระเบิดที่ไม่รู้ว่าดังมาจากทิศไหน เธอวิ่งโดยไร้ทิศทาง ทั้งแขนทั้งขาถูกโคลนและฝุ่นจับเลอะเปรอะเปื้อนจนหมดสิ้นเค้าความงาม
แต่แล้ว…เบื้องหน้า หมอกสีแดงเข้มหนาทึบราวกับเลือดข้นค่อย ๆ คลี่คลุมเส้นทาง หมอกนั้นเหมือนมีชีวิต มันขยับพลิ้วราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งที่ก้าวเข้ามา
“แม่จ๋า… กรี๊ดด!!!”
เธอเบรกเท้ากะทันหัน หัวใจเต้นโครมครามแทบทะลุอก แต่ด้านหลังก็ยังคงมีเสียงระเบิดดังราวกับเครื่องบินรบกำลังถล่มลงมา
ไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งทะลุไปข้างหน้า
ภาพตรงหน้าพล่าเลือนเพราะทั้งน้ำตาและควัน เธอจึงสะดุดบางสิ่งจนร่างกระแทกพื้นอย่างแรง “โอ๊ยยย! เจ็บฉิบหาย… จมูกฉันหลุดออกไปหรือเปล่าเนี่ย!”
เธอรีบลูบปลายจมูกอย่างร้อนรน ก่อนถอนหายใจโล่งออกมาเมื่อพบว่าทุกอย่างยังอยู่ครบ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่เธอล้มทับอยู่—
“เอ๋… ผู้ชาย?”
ชายหนุ่มสวมชุดดำแดงเรียบง่าย นอนแน่นิ่งอยู่ในกองเลือด ใบหน้าเปื้อนฝุ่นแต่ยังคมคาย ราวกับเทพเจ้าที่ตกจากสวรรค์ แสงสีขาวสลับม่วงพุ่งกระจายรอบร่างเขาเหมือนเกราะพิศวง ก่อนจะจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หัวใจเธอกระตุกวูบ “บ้าเอ๊ย… เลือดเยอะขนาดนี้ จะตายหรือยังเนี่ย?”
หลิวฟางเฟยแม้จะสั่นกลัว แต่เพราะได้รับการฝึกฝนจากแม่เฒ่าหลิวมาไม่น้อย เลือดมากแค่ไหนเธอก็ยังยังคงมีสติเธอตัดสินใจตรวจชีพจรให้เขา ก็พบว่า
“เขายังไม่ตายนี่”
แต่เพราะตัวเธอเองก็กำลังหนี หากว่าเสียเวลาไปเล็กน้อยก็อาจจถูกจับตัวกลับไป แต่ว่าได้รับบาดเจ็บด้วยมโนธรรมของเธอที่เป็นคนดีจึงไม่สามารถตัดใจทิ้งเขาไปได้
“ให้ตายสิ ใครใช้ให้ฉันเป็นคนดีแบบนี้นะ เอาวะช่วยก็ช่วย”
เธอตัดสินใจลากเขาให้นอนหงายเต็มตัว ครั้นเมื่อเห็นใบหน้าชัดเจนก็ถึงกับตะลึงงัน
“โอ้โห… หล่อฉิบหาย! นี่เขาหลุดมาจากอนิเมะหรือเปล่าเนี่ย ผู้ชายบนเขาว่าหล่อแล้ว แต่ผู้ชายคนนี้กลับหล่อแบบฉิบหายวายวอด!”
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาชื่นชมใครนัก เธอกำลังหนีส่วนเขาก็กำลังจะตาย ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนด้วยหน้าตาที่ดีขนาดนี้สิ่งแรกที่คนเรามักจะตัดสินก็คือ ต้องเป็นคนที่ดีเอาไว้ก่อน
ก่อนอื่นก็ต้องสำรวจก่อนว่าเขามีบาดแผลตรงที่ใด
เมื่อถอดเสื้อส่วนบนออกดวงตากลมก็สำรวจคร่าว ๆ
“จุดอื่นไม่มีอะไร มีแค่จุดนี้ที่มีของแปลก ๆ ปักอยู่ ดูเหมือนจะเป็นเศษแก้วแต่ไม่ใช่ คล้ายผนึกน้ำแข็งมากกว่า เอาเถอะหนุ่มหล่อถือว่าคุณโชคดีที่เจอคนใจดีมีฝีมืออย่างฉัน”
ตรงหน้าอกของเขา หลิวฟางเฟยเห็นบาดแผลขนาดใหญ่ที่มีเศษบางสิ่งคล้ายกระจกปักอยู่ แถมรอบแผลยังมีแสงสีแดงลั่นเปรี๊ยะ ๆ เสมือนสายฟ้าจิ๋ววิ่งอยู่ใต้ผิวหนัง
เธอกลืนน้ำลายเอื๊อก ตกใจจนขวัญผวา ทว่าไม่ได้รอช้า รีบหยิบอุปกรณ์ทางการแพทย์ในถุงเฉียนคุนออกมา
เป็นคีมคีบที่ทำจากไม้ เครื่องไม้เครื่องมือที่เธอทำขึ้นมาเองเพื่อเตรียมความพร้อมในการเอาชีวิตรอด
หลิวฟางเฟยบรรจงทำแผลให้เขา โดยค่อย ๆ คีบเอาสิ่งที่ปักอยู่ตรงหน้าอกออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ค้นหายาสมานแผลในถุงเฉียนคุนแล้วโรยไปบนแผลอย่างรวดเร็ว
"แค่นี้ก็เรียบร้อย"
แต่สิ่งที่เธอคิดว่าอีกครู่เดียวแผลที่อกของเขาคงจะสมาน ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้นบาดแผลยังคงอยู่
“เป็นไปได้ยังไง นี่สมุนไพรวิเศษของแม่เฒ่าหลิวที่ฉันขโมยมาเลยนะ ฉันเคยใช้รักษาคนมาไม่น้อยแป๊บเดียวแผลก็สมานแล้ว ทำไมแผลของนายยังไม่ดีขึ้น”
เมื่อใช้สมุนไพรวิเศษไม่ได้ผล หลิวฟางเฟยจึงคิดว่า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องกลับสู่สามัญ เธอค้นหาเหล้าที่มักขึ้นเองฤทธิ์แอลกอฮอล์ร้อนแรงฉุนจมูก และยังสามารถใช้เป็นย่าฆ่าเชื้อได้
หลิวฟางเฟยใช้ราดลงบนแผลของผู้ชายคนนั้น จากนั้นก็โรยผงสมุนไพรบด ที่เธอคิดค้นขึ้นมาเองว่าสามารถใช้ร่วมกับเหล้าหมัก เพื่อห้ามเลือดและรักษาบาดแผลได้
“ถ้าวิธีนี้ไม่ได้ผล ฉันก็ถือว่าทำเต็มที่แล้ว”
ขณะมือเล็กกำลังจะช่วยพันแผลให้เขาด้วยความตั้งใจที่ดีงามเต็มเปี่ยม ทันใดนั้นรอบร่างกายของชายหนุ่มก็บังเกิดลำแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นมา
ดวงตาคู่คมกลายเป็นสีแดงฉานไอสังหารพวยพุ่ง มือใหญ่ของชายหนุ่มพลันคว้าหมับเข้าที่ลำคอขาว บีบแน่นจนลมหายใจติดขัด เขาเหมือนปีศาจร้ายที่ไม่คิดไว้ชีวิตเธอเลยแม้แต่น้อย
“อึก… อะ…อึกกก!”
นัยน์ตาคมปรือเปิดขึ้นทีละน้อย แม้เต็มไปด้วยเลือดและความเจ็บปวด แต่แววตาคู่นั้นกลับเย็นเยียบดุจเหล็กกล้า แสงสีม่วงวาบปรากฏขึ้นรอบดวงตา
“เจ้าเป็นผู้ใด?”
ถึงนักอ่านที่รัก
สวัสดีค่ะ หลังจากหายไปนานหลายเดือน ในที่สุดไรต์ก็เปิดเรื่องใหม่แล้วนะคะ ฝากไว้ในอ้อมใจทุกท่านด้วยค่ะ

