บทที่ 3 ภารกิจที่หนึ่ง (1)
ณ จวนสกุลเมิ่ง
"ท่านแม่ตกลงแล้ว นังเด็กบ้ามันหายไปไหนกันแน่ หรือมันตายไปแล้วจริง ๆ เจ้าคะ"
"แม่เองก็ไม่รู้ ส่งคนไปดูที่วัดเจาเจินหลายครั้งก็ไม่เห็นนาง นางอาจตายไปแล้วจริง ๆ ก็ได้"
"แต่หากท่านพ่อส่งคนของทางการไปตามหานางเล่าเจ้าคะ"
"น่าเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งโฉ่งฉ่างได้หรือไม่ ต่อให้นางตายหรืออยู่ นางก็ไม่มีทางเป็นคู่หมายของท่านกั๋วกงไปได้หรอก"
สองแม่ลูกสกุลเมิ่งนั่งสนทนาอยู่ภายในห้องส่วนตัวของเมิ่งลี่น่า ขณะที่ใต้เท้าเมิ่งหรือเมิ่งเว่ย ยังเดินวนไปเวียนมาเพราะเป็นห่วงบุตรสาวคนรองที่โถงรับแขก เมิ่งเหยียนซินเป็นบุตรีที่เขารักดั่งแก้วตาดวงใจ ยามนี้นางหายตัวไปครบห้าวันแล้ว ส่งคนไปตามหาที่วัดเจาเจินหลายครั้งก็ไม่เจอ ดูเหมือนเขาอาจต้องบากหน้าไปพึ่งใบบุญของหลิวกั๋วกง หรือ หลิวซือเหว่ยว่าที่ลูกเขยของตนเสียแล้ว
รุ่งอรุณมาเยือนอีกครั้งสกุลเมิ่งก็ยังไม่พบตัวคุณหนูรอง รถม้าของจวนสกุลเมิ่งมาจอดที่หน้าจวนกั๋วกง ชายวัยกลางคนดูภูมิฐานเร่งร้อนลงจากบันไดคับแคบ
"ท่านกั๋วกง"
บุรุษร่างสูงใบหน้าวสันต์ ทว่าแววตากลับดุดันประหนึ่งพญามัจจุราช เหลือบมองผู้มาเยือนด้วยท่าทีเย็นชา แม้เขาอายุน้อยกว่าเมิ่งเว่ยหลายสิบปี กระนั้นท่าทีหยิ่งยโสกลับไม่ย่อหย่อนหรือคิดเคารพอีกฝ่ายเลยสักเสี้ยว หากไม่เพราะยามนั้นบิดาของเขารับปากเรื่องหมั้นหมายตั้งแต่ตนยังไม่ประสา มีหรือกั๋วกงหนุ่มจะยอมเกี่ยวดองกับตระกูลมักมาก หนำซ้ำไม่เพียงสัญญากันปากเปล่า ฮ่องเต้กลับเห็นดีเห็นงามกระทั่งมอบสมรสพระราชทานให้อีกด้วย หลิวซือเหว่ยจงใจยืดเวลาการตบแต่งเพราะอ้างงานอันล้นมือ จึงยังสามารถเลี่ยงการแต่งงานมาได้จวบจนบัดนี้
พวกสกุลเมิ่งมักใหญ่ใฝ่สูง ทำนาบนหลังคน
"ใต้เท้าเมิ่ง ท่านไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่ง" กั๋วกงหนุ่มผายมือให้กับว่าที่พ่อตาที่ไม่คิดอยากนับญาติ
ดูจากสีหน้าของเมิ่งเว่ย เสนาบดีกรมการคลังผู้นี้คงมีเรื่องทุกข์ใจอยู่ไม่น้อย
"...ท่านกั๋วกง คือว่า..."
เมิ่งเว่ยเริ่มลังเลเมื่อเห็นแววตาดุดันของบุรุษฝั่งตรงข้าม
มือหยาบระคายซึ่งสวมแหวนปันจื่อไว้บริเวณนิ้วโป้งขวาลูบไล้แผ่วเบา จากนั้นก็ผันมายกถ้วยกระเบื้องเคลือบขึ้นแช่มช้าพลางเป่าลมร้อนลงไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง
"ใต้เท้าเมิ่ง ท่านลังเลเรื่องใดงั้นหรือ มาถึงจวนของข้า คงมีเรื่องทุกข์ร้อนกระมัง"
"ซินเอ๋อร์...เอ่อ...ลูกสาวคนรองของข้าหายตัวออกจากจวนหลายวันแล้ว ข้าพยายามตามหานางทั่วสารทิศ แทบพลิกแผ่นดินหาก็ยังไม่พบ"
คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง "แล้วอย่างไร บุตรสาวคนเดียวท่านก็ดูแลไม่ได้งั้นหรือ"
ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้ม เขาทราบดีว่าเมิ่งเว่ยเป็นพวกมากภรรยาหลายบุตร แม้หลิวซือเหว่ยนั้นเป็นบุรุษเช่นกัน แต่เขาเองไม่นิยมมักมากหลายใจ ดูเอาจากความริษยาของแต่ละเรือนชวนปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง พวกสตรีร้อยเล่ห์พันเสน่ห์ หากบุรุษตกหลุมพรางงมงายต่อมารยาก็มีแต่สร้างความวิบัติไม่เป็นสุข
หลิวซือเหว่ยจึงตั้งปณิธานอันแรงกล้า จะหาทางถอนหมั้นกับคุณหนูใหญ่สกุลเมิ่ง และจะแต่งงานกับสตรีที่ตนรักด้วยใจจริงเท่านั้น คนที่เขาชมชอบเป็นใครไปมิได้ นางคือคุณหนูสกุลลี่ ลี่หลิน นางเอกนิยายของเรื่อง ทว่านางกลับไม่เคยปันใจให้หลิวซือเหว่ยแม้แต่น้อย เพราะลี่หลินนั้นปักใจรักใคร่กับองค์ชายสี่เพียงผู้เดียว ส่วนหลิวซือเหว่ยก็เปรียบดั่งสหายรู้ใจคนหนึ่งของนางเท่านั้น
เมิ่งเว่ยปาดเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นกลางหน้าผาก "ท่านกั๋วกง ข้าทราบว่าท่านมีสายอยู่ทั่วมุมของแคว้นตงหยาง ไม่ทราบว่าท่านพอจะช่วยเหลือข้าได้หรือไม่ หากหานางพบท่านประสงค์สิ่งใดข้าล้วนยินยอมทั้งสิ้น"
"งั้นหรือ"
"ขอรับ"
"หากข้าช่วยท่านตามหาลูกสาวคนรอง เช่นนั้นท่านจะช่วยเขียนหนังสือถอนหมั้นให้ข้าได้หรือไม่"
เมิ่งเว่ยลังเล ดูเหมือนตอนนี้สถานการณ์กำลังบีบบังคับหัวอกคนเป็นพ่อเช่นเขา
หลิวซือเหว่ยพิจารณาท่าทีของเขา นัยน์ตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เอ่ยสำทับอีกหน "ข้าให้เกียรติสกุลของท่านเป็นฝ่ายถอนหมั้น เพราะว่าเป็นสตรี หากให้ข้าเป็นฝ่ายถอนหมั้นเอง ท่านคิดว่าลูกสาวของท่านจะเป็นเช่นไร"
เพราะหลิวซือเหว่ยทราบดีว่าเขาไม่อาจเดินดุ่ม ๆ เข้าไปถอนหมั้นซ้ำยังต้องร้องขอต่อพระพักตร์ฝ่าบาทโดยตรงได้ อีกอย่างเขาเป็นบุรุษต่อให้ไม่ชมชอบสตรีเขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเสื่อมเสียมากนัก ดูไปก็คล้ายคนมีมโนธรรม ทว่าแท้จริงที่เขาทำกลับเพียงเพื่อผลประโยชน์ต่อหัวใจของตน รวมถึงเขาก็ไม่อยากสูญเสียภาพลักษณ์ในสายตาของคุณหนูลี่หลินด้วย หากนางทราบว่าหลิวซือเหว่ยทำเช่นนี้เป็นเพราะนาง คุณหนูลี่ผู้จิตใจงามดั่งดอกบัวขาวก็คงจะรู้สึกผิดทั้งที่ตนไม่ได้เป็นฝ่ายก่อเรื่อง
เมิ่งเว่ยกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ ดูเหมือนเรื่องถอนหมั้นออกจะยุ่งยากอยู่บ้าง แม้จะบอกว่าฮ่องเต้ก็ให้ความสำคัญกับหลิวซือเหว่ยมาก แต่หลิวซือเหว่ยเองก็คงไม่อยากให้ตนต้องลำบากหาข้อแก้ตัวกับฮ่องเต้ ผลประโยชน์ในครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าอยู่ไม่น้อย
"ได้ขอรับ ไว้ข้าจะคิดหาวิธีทูลฝ่าบาท"
หลิวซือเหว่ยจุดยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ แค่ตามหาหญิงสาวเสียสติที่หนีออกจากจวนจะยากอะไร ทว่าเรื่องการถอนหมั้นย่อมยุ่งยากยิ่งกว่ายกภูผาถมทะเล "ดี เอาตามนี้ เช่นนั้นท่านก็กลับไปรอฟังข่าวดีที่จวนสกุลเมิ่งเถิด"
