บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ความทรงจำ

ตอนที่ 4

ความทรงจำ

 

หญิงสาวสกปรกมอมแมมนอนนิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาเปิดกว้างจับจ้องอยู่บนเพดาน ปล่อยให้ความทรงจำฉายชัดขึ้นมาในหัวสมอง ราวกับกำลังนั่งชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่งอยู่

สิวิตาหรือตาคือชื่อของดวงวิญญาณของหญิงสาวในโลกยุคสมัยค.ศ.2025 สิวิตาเรียบจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตั้งใจจะมาหางานทำ เพื่อส่งเงินกลับไปเลี้ยงดูครอบครัวให้สุขสบาย

โดยญาติผู้พี่ซึ่งเป็นลูกสาวของป้า ได้ชวนให้เธอไปพักด้วยที่บ้านของสามี ไม่ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายในการหาเช่าหอพัก

ตอนแรกสิวิตาก็รู้สึกเกรงใจ ญาติพี่น้องของตัวเองไม่เท่าไร แต่พี่เขยที่เป็นคนนอกนะสิ ปรากฏว่าพี่เขยคนนี้ขอเธอ เป็นคนที่แสนดีมาก เป็นคนธรรมะธัมโม ชอบทำบุญตักบาตร เหล้าไม่ดื่มบุหรี่ไม่สูบ ไม่เที่ยวเตร่กลางคืน เป็นผู้ใหญ่ที่ควรค่าแก่การนับถือ แล้วที่สำคัญเลย เป็นเหมือนพี่ชายแท้ ๆ คอยดูแลน้องสาวอย่างเธอเป็นอย่างดี

ถึงขนาดช่วยหางานให้เธอทำ ระหว่างที่โรงงานต่าง ๆ ยังไม่เรียกตัว โดยการออกทุนเปิดร้านน้ำให้เธอขายอยู่ในตลาดสดใกล้บ้าน

ผ่านมาเกือบหกเดือน ที่พี่เขยดีกับเธอมาก ทำให้เธอรู้สึกไว้วางใจและอบอุ่นที่มีพี่เขยแสนดี

กระทั่งวันหนึ่งป้าเกิดล้มป่วยกะทันหันต้องนอนโรงพยาบาล พี่สาวต้องกลับบ้านนอกไปเยี่ยม เธอจึงต้องอยู่บ้านกับพี่เขยตามลำพัง ซึ่งเธอก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะที่ผ่านมาพี่เขยไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเธอหรือผู้หญิงคนไหนเลย

ผ่านไปคืนแรกทุกอย่างก็เป็นปกติ แต่พอเข้าสู่คืนที่สองที่ญาติผู้พี่ไม่อยู่บ้าน ระหว่างที่สิวิตากำลังเคลิ้มหลับ ก็มีเสียงเคาะประตูห้องนอนจนเธอสะดุ้งตื่น พร้อมกับเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือของพี่เขย

ด้วยความร้อนใจกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น จึงรีบลุกออกจากที่นอนไปเปิดประตู โดยไม่นึกหวาดระแวงว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว พอบานประตูเปิดออกเท่านั้นแหละ ยังไม่ทันได้สอบถามอะไร พี่เขยก็ดันตัวแทรกเข้ามาอย่างเร็ว และปิดประตูห้องนอนเสียงดังปัง พูดออกมาเพียงประโยคเดียวเท่านั้น

“ตา พี่รักตานะ เป็นของพี่เถอะ”

เธอพยายามปฏิเสธและหาทางหนีออกจากห้องนอน แต่ไม่สำเร็จถูกพี่เขยดันร่างล้มลงไปบนที่นอน ก่อนพี่เขยจะขึ้นคร่อม แล้วใช้กำลังข่มเหงจนในที่สุด เธอก็ตกเป็นของเขาโดยที่ไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ

“ฮือ ๆ” ตอนนั้นเธอเสียใจมาก เหมือนโลกทั้งใบพังทลายลง ยามที่ถูกคนที่เคารพรัก คนที่ไว้ใจมาก ทรยศหักหลัง แล้วไหนจะรู้สึกผิดต่อพี่สาวอีก

“อย่าร้องนะ พี่จะดูแลตาไปตลอดชีวิตเอง ตาจะเป็นเมียคนที่สองของพี่ แต่ว่าอย่าพึ่งบอกเรื่องนี้กับแอ้มนะ พี่กลัวแอ้มทำใจไม่ได้”

หลังจากนั้นพอแสงอาทิตย์มาเยือน สิวิตาก็ไม่คิดจะอยู่ที่บ้านหลังนี้อีก รีบเก็บเสื้อผ้าเตรียมย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่พี่เขยกลับมาเห็นเสียก่อน ลากตัวเธอกลับเข้ามาในห้อง แล้วกักขังเอาไว้ ล็อกกุญแจจากด้านนอก รวมไปถึงหาช่างมาติดลูกกรงที่หน้าต่าง

พอตกดึกหรือยามมีอารมณ์ พี่เขยก็จะเข้ามากระทำย่ำยี ไม่สนใจฟังเสียงวิงวอนของเธอเลยสักนิด

ในคืนสุดท้ายก่อนญาติผู้พี่จะกลับ สิวิตาสติแตกคลุ้มคลั่งดิ้นรนขัดขืนพร้อมทำร้ายร่างกายของพี่เขย พี่เขยโมโหจึงพลั้งมือบีบคอเธอจนตาย วิญญาณออกจากร่างมายืนมองภาพพี่เขย เตรียมจะทำลายหลักฐาน โดยการนำร่างของเธอออกไปทิ้งที่อื่น

แต่ว่าญาติผู้พี่กลับมาถึงเร็วกว่าปกติ ได้มาพบเห็นการกระทำของสามี ตอนนั้นสิวิตาคิดว่า คงจะมีคนทวงคืนความยุติธรรมให้เธอแล้ว ญาติผู้พี่จะต้องไม่ยอม จะต้องแจ้งตำรวจให้มาจัดการกับพี่เขยแน่

แต่เรื่องกลับตาลปัตร นอกจากญาติผู้พี่จะไม่แจ้งตำรวจแล้ว ยังช่วยพี่เขยพาร่างไร้วิญญาณของเธอไปถ่วงก้อนหินทิ้งลงแม่น้ำอีก

ความหวัง ความเชื่อใจสุดท้ายถูกทำลายลง ทำให้วิญญาณของสิวิตาได้เรียนรู้ว่า คนเราไม่ควรจะไว้ใจคนอื่นมาก ไม่ควรคิดว่าทุกคนจะดีกับเราจากใจจริง ทุกคนที่มาทำดีด้วย เพียงเพื่อต้องการผลประโยชน์เท่านั้น

ดังนั้นพอดวงวิญญาณของเธอได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวสติไม่ดี ในช่วงยุคสมัยโบราณ ที่ตายจากพิษงู เธอจึงไม่อยากจะเชื่อว่า ชายหนุ่มที่ชื่อ เฉินหยวนเจี๋ยผู้นี้ จะเป็นคนดีจริง ๆ ที่ยอมยื่นมือช่วยเหลือเจ้าของร่าง อาจจะเพราะต้องการหาผลประโยชน์จากร่างนี้ก็ได้

สิวิตาพยายามคิดทบทวนความทรงจำของหญิงสาวที่ชื่อว่า หลี่ชิงเหยียน ซึ่งในความทรงจำที่ได้รับ ไม่มีบอกว่าเป็นลูกของใคร รู้แค่ว่ามีตายายคู่หนึ่งรับเลี้ยง ตั้งใจจะพาพายเรือไปขายของด้วย แต่เรือดันล่ม ตายายจมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา ส่วนหลี่ชิงเหยียนกลับมีชาวบ้านมาพบเห็นช่วยเหลือได้ทันเวลา จึงไม่จมน้ำตาย

ดังนั้นครอบครัวที่รับอุปถัมภ์จึงไม่มีอีกแล้ว หลี่ชิงเหยียนต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน สติก็ไม่ดีทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เดินเตร่หาขอข้าวขอน้ำ หรือไม่ก็หยิบของเขามากินดื้อ ๆ จนถูกตบตีมาก็หลายครั้ง

เดินจากเมืองนั้นมาโผล่เมืองนี้ จากหมู่บ้านนี้ไปหมู่บ้านนั้น โดยไม่คิดจะเข้าใกล้น้ำอีกแต่อย่างใด คงจะมีเพียงสามสิ่งที่หลี่ชิงเหยียนรับรู้ คือ ของกิน น้ำ คนดีหรือคนใจร้าย นอกนั้นนางล้วนฟังคนอื่นพูดไม่เข้าใจ

จนกระทั่งเฉินหยวนเจี๋ยรับเข้ามาอยู่บ้านด้วย สิวิตาพยายามคิดทบทวนดูว่า ชายหนุ่มผู้นี้จะหวังผลประโยชน์จากหญิงสติไม่ดีอะไรได้บ้าง

‘คิดจะเอานางทำเมียหรือ ก็ไม่เห็นว่าหมอนี่จะนึกพิศวาส...หรืออาจจะเป็นเพราะสภาพของร่างนี้ ขนาดฉันตอนนี้ยังทนกลิ่นตัวของหล่อนไม่ได้เลย...แหวะ’

เมื่อคิดมาถึงกลิ่นตัวที่โชยขึ้นเตะจมูก สิวิตาหรือหญิงสาวที่กลายเป็นหลี่ชิงเหยียนก็รู้สึกเหมือนมีลมตีขึ้น อยากจะอาเจียนออกมาให้ได้ อยากจะลุกขึ้นขอท่านหมออาบน้ำสระผมเสียตอนนี้เลย แต่พอคิดไปคิดมาแล้ว ระหว่างที่ยังไม่แน่ใจ ถึงจุดประสงค์ที่เฉินหยวนเจี๋ยยอมรับคนแปลกหน้ามาดูแลแล้ว นางก็เปลี่ยนใจ ยังไม่อาบน้ำตอนนี้จะดีกว่า และจะไม่แสดงให้รู้ด้วย ว่าสติตอนนี้กลับมาเป็นเหมือนคนปกติแล้ว

ดังนั้นหลังจากชายหนุ่มเข้ามารับนางออกจากโรงหมอ นางก็ยังคงแกล้งฟังเขาพูดไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม

“ชิงเหยียน เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง” พอทำงานบ้านเสร็จ เฉินหยวนเจี๋ยก็รีบพาลูกชายนั่งเกวียนรับจ้างเข้ามาหาหญิงสาวสติไม่ดีด้วยความเป็นห่วง พอเข้ามาเห็นว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว ก็เอ่ยถามด้วยความหลงลืม ว่าหญิงสาวฟังเขาไม่รู้เรื่อง พอนึกขึ้นได้ก็รีบพูดขึ้นมา

“ขอโทษ ข้าลืมไปว่าเจ้าไม่เข้าใจ แต่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พวกเรากลับบ้านของพวกเรากันดีกว่า”

ร่างสูงไปจัดการจ่ายค่ารักษากับท่านหมอ ส่วนเฉินเสี่ยวเป่ารีบเข้ามาหาหญิงสาวที่เป็นเพื่อนเล่นและเป็นผู้มีพระคุณของเขา มือเล็กเอื้อมขึ้นไปจับมือของหญิงสติไม่ดีเอาไว้

“พี่ชิงเหยียน ขอบคุณนะขอรับ ที่ช่วยชีวิตข้า เสี่ยวเป่าติดหนี้ชีวิตพี่ ต่อไปในภายภาคหน้า เสี่ยวเป่าจะดูแลพี่เอง”

‘โอ๊ย!...เด็กอะไรน่ารักขนาดนี้ มิน่าเล่า เจ้าของร่างกายนี้ถึงรู้สึกผูกพันกับเจ้ามาก พ่อหนุ่มน้อย’

ด้วยแสดงออกไม่ได้ว่ารับรู้ หลี่ชิงเหยียนจึงทำได้แต่ฉีกยิ้มกว้างให้อย่างเป็นมิตรเท่านั้น และยังยอมให้มือเล็กของเด็กชายลากตัวเดินไปหาเกวียนที่จอดรออยู่หน้าร้าน

“กลับบ้านเรากัน” เนื่องจากเสี่ยวเป่าไม่เคยรู้จักความรักของแม่ พอหญิงสติไม่ดีมาอยู่ มาเป็นเพื่อนเล่น เขาถึงรู้สึกผูกพันกับหญิงสติไม่ดีได้ง่าย แล้วยังรู้สึกอบอุ่นยามที่อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ ด้วย

‘กลับบ้านเรากัน...ช่างเป็นคำที่ฟังแล้วอบอุ่นใจจริง ๆ’

ตอนนี้อาจจะมีแค่เสี่ยวเป่าคนเดียวกระมัง ที่หลี่ชิงเหยียนยอมไว้วางใจ ส่วนคนอื่น ต้องรอเธอสร้างบททดสอบบางอย่างขึ้นก่อน หากเขาผ่านบททดสอบไปได้ ก็ถือว่าเขาเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือคนอื่นมาจากใจจริง ๆ

พอหลี่ชิงเหยียนขึ้นมานั่งบนเกวียนได้ หยวนเจี๋ยก็จ่ายค่ารักษาให้ท่านหมอเสร็จเรียบร้อยพอดี แล้วกลับออกมาขึ้นเกวียน พอผู้โดยสารครบแล้ว เจ้าของเกวียนก็บังคับเกวียนให้เคลื่อนตัวกลับเข้าหมู่บ้าน

ระหว่างทางเฉินหยวนเจี๋ยคอยเหลือบมองมาทางหลี่ชิงเหยียนเป็นระยะ ๆ พอเขาหันมองไปทางอื่น ดวงตาหงส์คู่นี้ก็หันไปมองใบหน้าหล่อเหลากร้านแดดของเขาอย่างพิจารณา พอจังหวะที่เขาหันมามอง หญิงสาวก็จะทำทีหันหน้าหนีไปทางอื่น สลับกันไปมาอยู่เช่นนี้ตลอดทั้งการเดินทาง

จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ร่างสูงก็จะขยับลงจากเกวียนเป็นคนแรก จากนั้นถึงได้มาอุ้มลูกชายลง ตามมาด้วยยื่นมือไปจะจับข้อมือของหญิงสาวเหมือนเช่นทุกครั้ง ที่จะพาหญิงสาวไปไหน

แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับดึงมือหนี แล้วจับจ้องมองหน้าเขา ในแววตาคู่นั้นดูจะหวาดระแวงเขาอย่างไรไม่รู้ “ชิงเหยียน เจ้าเป็นอะไรไปอีก เจ้ากลัวข้าหรืออย่างไร ไม่ต้องกลัวนะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”

หลี่ชิงเหยียนก็ยังไม่ยอม ต้องเดือดร้อนเด็กชายวัยหกขวบ ต้องมาเป็นฝ่ายจับมือ พาหญิงสติไม่ดีกลับเข้าบ้านด้วยตนเอง นางถึงได้ยอมลงจากเกวียน ในใจหวาดกลัวอยู่บ้าง ว่าจะถูกจับได้หรือเปล่า ว่านางไม่ได้บ้าแล้ว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel