ตอนที่ 3 ตายแล้วฟื้น
ตอนที่ 3
ตายแล้วฟื้น
เจ็ดวันมาแล้วที่บ้านเฉินรับหญิงสาวสติไม่ดีมาดูแล ในช่วงสามวันแรกเฉินหยวนเจี๋ยถึงกลับหยุดงาน แอบหลบไม่ให้ลูกชายกับหญิงสาวเห็น คอยสังเกตดูว่าพวกเขาสองคนจะอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า และดูว่าหากไม่มีเขาอยู่ด้วย หญิงสาวจะคิดทำอันตรายลูกชายของเขาหรือไม่
ปรากฏว่าลูกชายกับหญิงสาวสติไม่ดี เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด หญิงสาวสติไม่ดีกลายมาเป็นเพื่อนเล่น ทำให้เสี่ยวเป่าดูจะมีความสุขขึ้นมาก ไม่เงียบเหงาเล่นอยู่บ้านเพียงลำพังเหมือนเมื่อก่อน เสี่ยวเป่าเองก็คอยหาน้ำ หาข้าวและขนมมาให้หญิงสาวสติไม่ดีกิน
พอแน่ใจแล้ว เขาถึงได้กลับไปทำงานเช่นเดิม ซึ่งอาชีพที่เขาทำก็เป็นงานรับจ้างทั่วไป ไม่ว่าใครจะจ้างไปทำอะไรเขารับทำหมด ทำนา ทำสวน หาบน้ำ ช่วยงานก่อสร้าง ได้ของตอบแทนเป็นเงินบ้าง ข้าวสารของกินบ้าง ถึงแม้จะไม่ทำให้เขาร่ำรวยถึงขั้นเป็นเศรษฐี แต่ก็ทำให้เขากับลูกชายได้กินอิ่มนอนหลับ ไม่ลำบากหรือขาดเหลืออะไร
ในช่วงเที่ยงของวันที่แปดนั้น เฉินหยวนเจี๋ยมารับจ้างถางหญ้าในสวนผักของเจ้าของที่ดินพร้อมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ระหว่างที่กำลังนั่งกินอาหารมื้อกลางวันกันอยู่นั้น ชาวบ้านคนหนึ่งก็เห็นร่างเล็กกำลังวิ่งตรงมาหาพวกเขา จึงได้ร้องบอกชายหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่
“หยวนเจี๋ย นั่นลูกชายของเจ้านี่ ปกติไม่เคยเห็นมาหาเจ้า เหตุใดถึงมาได้”
พอชาวบ้านทักขึ้นมาแบบนั้น เฉินหยวนเจี๋ยก็รีบแหงนหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นลูกชายจริง ๆ ก็รีบวางช้อนลง ภายในใจร้อนรนกลัวว่าลูกชายจะถูกหญิงสาวสติไม่ดีทำร้าย ถึงได้หนีมาหาเขา
ร่างสูงรีบลุกออกจากวงข้าว ตรงเข้าไปหาร่างเล็กที่วิ่งมาถึงพอดี ยิ่งเห็นใบหน้าเล็กเปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำ เขายิ่งรู้สึกใจคอไม่ดี “เสี่ยวเป่า เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ด้วยเหตุใดกัน”
ร่างของเด็กชายสั่นสะท้าน ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เสียงสั่นเครือตอบคำถามของผู้เป็นพ่อ “ฮือ ๆ ท่านพ่อ พี่ชิงเหยียน พี่ชิงเหยียนจะตายแล้ว ฮือ ๆ”
“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ บอกพ่อ ชิงเหยียนเป็นอะไร”
เฉินเสี่ยวเป่าพยายามตั้งสติอย่างที่บิดาบอก ก่อนจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง “ลูกกับพี่ชิงเหยียนไปวิ่งเล่นกันอยู่ในสวนหลังบ้าน มีงูตัวหนึ่งไม่รู้โผล่มาจากไหน มันจะทำร้ายลูก แต่พี่ชิงเหยียนเอาตัวเข้ามาขวาง จนถูกงูตัวนั้นฉกกัดเข้าที่ขา จนล้มลงนอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้น”
พอได้ยินอย่างนั้นเฉินหยวนเจี๋ยก็ไม่รอช้า รีบวิ่งออกจากสวนตรงไปที่บ้านของตัวเอง มีเสี่ยวเป่าวิ่งตามหลังมาห่าง ๆ พอมาถึงบ้านก็วิ่งอ้อมไปด้านหลัง เห็นร่างของหญิงสาวนอนตะแคงอยู่บนพื้นดิน เขาถึงได้รีบเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งประคองช่วงบนของหญิงสาวขึ้นมา
“ชิงเหยียน ๆ เจ้าอย่าพึ่งหลับนะ ลืมตาขึ้นมาก่อน”
ปากก็พยายามปลุกเรียกสติ สองมือก็อุ้มร่างบางลุกขึ้นยืน ก้าวเท้ายาว ๆ เดินไปที่บ้านของคนที่มีวัวเทียมเกวียน ปรากฏว่าไปบ้านไหน ๆ วัวเทียมเกวียนก็ไม่อยู่ ออกไปทำธุระข้างนอกหมดแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือก กลั้นใจอุ้มร่างหมดสติเดินเท้าเข้าตัวอำเภอ
โดยระยะทางจากหมู่บ้านเข้าตัวอำเภอนั้น ถ้าขึ้นเกวียนจะใช้เวลาเพียงสองเค่อ (ครึ่งชั่วโมง) แต่ถ้าเดินเท้าต้องกินเวลาไปอีกเท่าตัว
“ทำใจดี ๆ ไว้ เจ้าจะต้องไม่เป็นอันใด ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ”
“ฮือ ๆ พี่ชิงเหยียน” เด็กชายวัยหกขวบเองก็ยังคงวิ่งไล่ตามบิดามาตามเส้นทางธรรมชาติ อาจจะเป็นเพราะว่าบิดาวิ่งช้าลงกว่าปกติ จึงไม่ทิ้งระยะห่างจากเขามากนัก
สองแขนของเฉินหยวนเจี๋ยเริ่มล้า จนทำให้ร่างที่อุ้มอยู่เกือบหล่นพื้นอยู่หลายครั้ง สองเท้าก็แทบจะก้าวไม่ออก แต่เขาก็ยังกัดฟันทน วิ่งไม่ไหวก็เปลี่ยนเป็นเดินแทน
“เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร”
จังหวะนั้นวัวเทียมเกวียนของคนในหมู่บ้าน ก็กลับมาจากทำธุระพอดี ระหว่างที่กำลังสวนทางกัน เจ้าของเกวียนก็หยุดร้องทักคนหมู่บ้านเดียวกัน
“หยวนเจี๋ย เจ้าจะอุ้มนางไปไหน นางเป็นอะไรไป”
“จื่อเฟิงเจ้ามาพอดี ชิงเหยียนนางถูกงูกัดข้ากำลังจะพาไปหาหมอ”
“ขึ้นมาสิ เดี๋ยวข้าพาไปส่ง”
ชายเจ้าของเกวียนรอจนกระทั่งสองคนพ่อลูกพาร่างแน่นิ่งที่ยังคงอยู่ในสภาพสกปรกขึ้นมาบนเกวียนได้สำเร็จ ก็บังคับวัวให้เลี้ยวกลับเดินทางเข้าตัวอำเภออีกครั้ง
ภรรยาของเจ้าของเกวียนเห็นริมฝีปากของหญิงสาวเขียวคล้ำจนดูน่ากลัว พอมองบริเวณหน้าอกก็เห็นว่านิ่งผิดปกติ เลยตัดสินใจยื่นนิ้วชี้ข้างหนึ่งไปจ่ออยู่ปลายจมูกของหญิงสาว
“นางตายแล้วนี่” พอสัมผัสไม่ได้ถึงลมหายใจเข้าออก นางก็รีบดึงมือกลับ ร้องเสียงหลงขึ้นมา ดวงตาสองข้างเบิกกว้าง ยามได้เห็นคนตายใกล้ ๆ แบบนี้
“อะไรนะ” เฉินหยวนเจี๋ยก็ตกใจไม่แพ้กัน และไม่อยากจะเชื่อในคำพูดนั้นเลยแม้แต่น้อย เลยตัดสินใจลองเอื้อมมือไปจ่ออยู่บริเวณปลายจมูกของหญิงสาวบ้าง ก่อนมือข้างนั้นจะตกลงข้างกายอย่างไร้เรี่ยวแรง
เฉินเสี่ยวเป่าถึงแม้จะอายุเพียงหกขวบ แต่ก็เข้าใจว่าการเกิดแก่เจ็บตายเป็นเช่นไร เด็กชายรีบเขย่าแขนบิดารบเร้าถาม ใบหน้ายังคงอาบไปด้วยน้ำตา “ท่านพ่อ ไม่จริงใช่หรือไม่ พี่ชิงเหยียนยังไม่ตาย ฮือ ๆ”
“...” ผู้เป็นพ่อก็ไม่รู้จะตอบลูกชายว่าอย่างไร มือข้างหนึ่งดึงร่างเล็กเอาโอบกอด ดวงตาเหยี่ยวจับจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวตลอดเวลา เสียใจที่ไม่อาจยื้อชีวิตหญิงสาวเอาไว้ได้ เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่า หญิงสาวสติไม่ดีที่ฟังคนอื่นพูดไม่รู้เรื่อง จะเสียสละชีวิตช่วยปกป้องลูกชายของเขา จนตัวเองต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้
หยดน้ำตาแทบจะกลั้นเอาไว้ไม่ไหว กระทั่งมีเสียงร้องถามมาจากด้านหน้าเกวียน เขาถึงได้รีบเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าออก
“เป็นเช่นนี้แล้ว ยังจะไปหาท่านหมออยู่หรือไม่”
“ไม่ต้องแล้วละ กลับหมู่บ้านกันเถอะ” ในเมื่อหญิงสาวได้จากโลกนี้ไปแล้ว เฉินหยวนเจี๋ยก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเดินทางเข้าเมืองอีก ตั้งใจจะพาร่างไร้วิญญาณกลับไปทำพิธีฝังศพตามประเพณีของหมู่บ้าน
“หากข้าไม่พาเจ้ามาอยู่ด้วย เจ้าอาจจะไม่อายุสั้นเยี่ยงนี้ก็ได้” เขาบ่นพึมพำโทษตัวเองอยู่แบบนั้น ไม่สนว่าเกวียนกำลังจะเลี้ยวกลับเข้าหมู่บ้าน
ภรรยาของเจ้าของเกวียนมองสองพ่อลูกตกอยู่ในความเศร้า จนตัวเองก็พานเศร้าใจไปด้วย ช่วยอะไรคนทั้งสองไม่ได้ นอกจากมีเพียงคำพูดปลอบใจให้เท่านั้น
“หักห้ามใจกันเอาไว้เถอะ ถือเสียว่านางหมดบุญหมดกรรม ไม่ต้องมีชีวิตน่าเวทนาแล้ว หยวนเจี๋ยเจ้าก็อย่าโทษตัวเองเลย ถึงนางไม่ถูกงูกัดตาย ก็ต้องตายเพราะความหิวโหยอยู่ดี”
“ข้าติดหนี้บุญคุณนาง หากมีพรสักข้อ ข้าปรารถนาจะให้นางฟื้นขึ้นมา ต่อให้ตามหาญาติของนางไม่พบ ข้าก็ยินดีที่จะดูแลนางไปตลอดชีวิต”
มือหยาบกร้านข้างที่เหลือเอื้อมมือไปแตะหลังมือของหญิงสติไม่ดี โดยมีมือเล็กของลูกชายเอื้อมมาจับหลังมือของเขาอีกทอดหนึ่ง
ฉับพลันหน้าอกที่แน่นิ่งไม่ไหวติงในตอนแรก เริ่มขยับขึ้นลงเป็นจังหวะช้า ๆ ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะค่อย ๆ เร็วขึ้น ๆ และไม่นานก็เปลี่ยนมาเป็นลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ
ผู้ใหญ่สองคนแหงนหน้าขึ้นมาสบสายตากัน เมื่อได้เห็นภาพมหัศจรรย์ตรงหน้า เฉินหยวนเจี๋ยยกมือสั่นเทาขึ้นไปจ่อบริเวณปลายจมูกของหญิงสาวอีกครั้ง คราวนี้สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่สัมผัสถูกปลายนิ้วของเขา
ภรรยาเจ้าของเกวียนเองก็ไม่รอช้า รีบตะโกนบอกสามี “ท่านพี่ เลี้ยวกลับอีกครั้ง นางกลับมาหายใจอีกแล้ว”
วัวเทียมเกวียนจึงเลี้ยวกลับเป็นรอบที่สาม ท่ามกลางความโล่งใจของผู้ใหญ่ทั้งสามคน เสี่ยวเป่าเองก็รีบยกมือขึ้นซับน้ำตาออกจากใบหน้า เมื่อผู้เป็นพ่อบอกว่าพี่ชิงเหยียนของเขา กลับคืนมาหาพวกเขาแล้ว
วัวเทียมเกวียนมาถึงตัวอำเภอ เจ้าของเกวียนก็เลือกหยุดอยู่หน้าโรงหมอที่ใกล้ที่สุด พอลงจากเกวียนได้ เฉินหยวนเจี๋ยก็รีบอุ้มร่างของหญิงสติเข้าไปในโรงหมอ
“ช่วยด้วยขอรับ นางถูกงูกัดมา แต่ไม่ทราบว่าเป็นงูชนิดใด”
“พานางเข้าไปนอนบนเตียงในห้องเลย” ท่านหมอที่เป็นชายชราสั่งชายหนุ่ม มือก็สาละวนอยู่กับการเตรียมยาสมุนไพรอย่างรีบร้อน พอได้ตัวยาครบตามสูตร ก็ไล่ให้ญาติของผู้ป่วยออกไปรออยู่ด้านนอก
ส่วนตัวเองก็รีบตรวจดูอาการของคนไข้ และทำการรักษาตามความรู้ที่ได้รับถ่ายทอดมาจากท่านอาจารย์ถึงวิธีการแก้พิษงู ใช้เวลานานพอสมควร ท่านหมอถึงได้ออกมาจากห้อง เข้ามาพูดคุยกับชายหนุ่มที่เอาแต่เดินกลับไปกลับมา
“นางเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”
“ปลอดภัยแล้วละ แต่ต้องนอนดูอาการอีกหนึ่งคืนก่อน เจ้ากลับไปก่อนเถอะพรุ่งนี้ถึงค่อยกลับมารับนาง”
“ขอบพระคุณมากขอรับท่านหมอ” เฉินหยวนเจี๋ยขอบคุณชายชรา สีหน้าแววตาดีขึ้นกว่าตอนที่เข้ามาโรงหมอในตอนแรก หลังจากเข้าไปเยี่ยมหญิงสติไม่ดี ที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่พักหนึ่ง ก็พาลูกชายกลับไปขึ้นเกวียนเพื่อกลับหมู่บ้านไปก่อน
โดยที่ไม่ลืมจองเกวียนของชายผู้นี้เอาไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ ที่จะมารับตัวหญิงสติไม่ดีเอาไว้ด้วย...
