บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ชายใจดี

ตอนที่ 2

ชายใจดี

 

“ไปอยู่กับข้า...ข้าจะดูแลเจ้าเอง”

ไม่รู้อะไรดลใจให้เฉินหยวนเจี๋ยเอ่ยชวนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าไปแบบนั้น บางทีนางอาจจะเป็นคนไม่ดีหรือเป็นฆาตกรหลบหนีการจับกุมมาก็เป็นได้ แต่สัญชาตญาณบางอย่างในตัวของเขา ยืนยันว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้มีพิษมีภัยกับใคร แม้แต่ช่วยเหลือตัวเองยังทำไม่ได้ เขาจึงลองเชื่อสัญชาตญาณของเขาดูสักครั้ง

ทางด้านหญิงสาวที่รับรู้ได้ถึงความมีเมตตาของชายหนุ่ม ก็คลี่ยิ้มกว้างให้ แม้ไม่เข้าใจในความหมายที่เขาพูด แต่เขาก็ไม่น่าจะตบตีนางเหมือนกับคนใจร้ายพวกนั้น

เฉินหยวนเจี๋ยเห็นหญิงสาวไม่มีท่าทีหวาดกลัวเขาและดูเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลย ก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปจับข้อมือเล็กที่มือของเขาสามารถกุมเอาไว้ได้รอบ ลองดูว่านางจะร้องโวยวายหรือเปล่า พอเห็นว่านางยังเงียบ จึงลุกขึ้นยืนออกแรงฉุดให้หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วย จากนั้นก็จูงมือพานางเดินไปทางท้ายหมู่บ้าน ซึ่งบ้านของเขาอยู่หลังท้ายสุด

ระหว่างกำลังเดินกันอยู่ ชาวบ้านที่พากันวิ่งไล่ตามก็มาเห็น ชายเจ้าของปลาเดินเข้ามาจะเอาเรื่อง ทำให้หญิงสาวสติไม่ดี รีบหลบอยู่ด้านหลังชายหนุ่มใจดี ปากก็พูดไม่หยุด

“กลัว ๆ ...ตี ๆ ...กลัว ๆ”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว”

เฉินหยวนเจี๋ยกล่าวเสียงนุ่ม รีบหันมาห้ามชายเจ้าของปลาที่ถูกขโมยกับชาวบ้าน ให้ยอมยกโทษให้หญิงสาวแปลกหน้า

“เท่าที่เห็นนางน่าจะสติไม่สมประกอบเหมือนพวกเรา ที่ขโมยก็เพราะความหิวเท่านั้น ท่านน้ายอมปล่อยนางไปสักครั้งเถอะขอรับ เอาไว้ข้าจะหาปลามาทดแทนให้ท่านน้าเอง”

ชายเจ้าของปลานิ่งคิด ถึงทำร้ายหญิงสติไม่ดีไป เขาก็ไม่มีวันได้ปลากลับคืนมาอยู่แล้ว นอกจากความสะใจเท่านั้น แต่ถ้ายอมปล่อยนางไป เฉินหยวนเจี๋ยก็รับปากแล้วว่าจะหาปลามาคืนให้เขาเอง

“ก็ได้ ข้าเห็นว่าเจ้าขอหรอกนะ”

ชาวบ้านคนหนึ่งไม่ได้สนใจฟังข้อตกลงของชายทั้งสอง แต่สายตาจับจ้องอยู่ที่มือของชายหนุ่มซึ่งจับยึดข้อมือของหญิงสาวสติไม่ดีเอาไว้แน่น หลังจากกระซิบกระซาบกับชาวบ้านคนอื่นแล้ว จึงหันมาถามในสิ่งที่คิดอยู่ในหัว

“หยวนเจี๋ย อย่าบอกนะว่า เจ้าจะหาแม่ใหม่ให้เสี่ยวเป่า ข้าว่าหญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนเชียวนะ ที่ไม่รังเกียจสถานะพ่อหม้ายลูกติดของเจ้า ไม่เห็นจะต้องคว้าหญิงสาวที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาทำเมียเลย แล้วที่สำคัญเลยนะ นางยังสติไม่ดีอีกด้วย”

คำถามของเขาทำให้ชาวบ้านพากันหัวเราะออกมาตาม ๆ กัน เพราะต่างก็มีความคิดคล้ายกับคนที่เอ่ยถาม เพราะหากหยวนเจี๋ยไม่ได้คิดอย่างนั้นจริง ๆ จะพาหญิงสาวคนนี้กลับไปเป็นภาระทำไม

เฉินหยวนเจี๋ยปรายตามองพวกชาวบ้าน แววตาเย็นชาขึ้นมาทันตาเห็น กับความคิดที่ต่ำตมของคนพวกนี้

“สมองของเจ้าคงคิดได้แต่เรื่องต่ำ ๆ ข้าไม่ถือสาคำพูดกับความคิดของเจ้าหรอกนะ เจ้าไม่มีจิตเมตตาสงสารมนุษย์ด้วยกัน ก็ใช่ว่าคนอื่นไม่มี” เสียงเข้มตอบคำถามของชายคนนั้นจบ ก็หันมามองชายเจ้าของปลาย่าง “ท่านน้า พรุ่งนี้ข้าจะหาปลามาคืนให้ท่านแน่” กล่าวจบก็จูงมือหญิงสาวสติไม่ดี ผ่านหน้าชาวบ้านที่ยืนอยู่ไป เขาไม่สนใจว่าคนพวกนั้นจะคิดอย่างไร ต่อเรื่องที่เขารับหญิงสาวแปลกหน้าไปดูแล เพราะเขาห้ามความคิดของคนอื่นไม่ได้ และที่สำคัญเลย เขารู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้คิดอะไรต่ำ ๆ เหมือนคนพวกนั้น จึงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ

เดินจูงมือกันมาได้สักพัก ก็มาถึงบ้านไม้ชั้นเดียว บนแคร่หน้าบ้านเด็กชายวัยหกขวบคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นตุ๊กตาไม้อยู่เพียงลำพัง พอใบหน้าเล็กหันมาเห็น ร่างเล็กก็รีบปีนลงจากแคร่ วิ่งเข้ามาหาบิดาทันที

“ท่านพ่อ นางได้กินข้าวของพวกเราหรือไม่ขอรับ” ก่อนบิดาจะออกจากบ้านไป ได้บอกรายละเอียดเด็กชายเอาไว้แล้ว ซึ่งเขาก็ไม่ต่างจากบิดา คือรู้สึกสงสารและเห็นใจคนแปลกหน้า

“เสี่ยวเป่า” เฉินหยวนเจี๋ยคลายมือจากข้อมือของหญิงสาว นั่งยองลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันกับลูกชาย ยกสองมือขึ้นมาจับไหล่ทั้งสองข้างของลูกเอาไว้ พร้อมถามคำถามสำคัญ “จะว่าอะไรหรือไม่ หากพ่อจะให้แม่นางผู้นี้มาอยู่ที่บ้านเราด้วย เสี่ยวเป่าจะต้องย้ายมานอนกับพ่อ หากเสี่ยวเป่าไม่ยินยอม พ่อจะปล่อยนางไปตามยถากรรม”

ใบหน้าเล็กของ ‘เฉินเสี่ยวเป่า’ ชะโงกไปมองหญิงสาวสภาพไม่น่ามองด้านหลังบิดา ก็ได้พบกับรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาให้ ท่าทางดูน่าสงสารอย่างที่บิดาว่า ก็ยอมตอบตกลง

“ลูกให้นางอยู่ขอรับ ถึงแม้ว่านางจะตัวเหม็นมาก แต่นางก็น่าสงสารเช่นกัน”

“เสี่ยวเป่าของพ่อเป็นเด็กดีจริง ๆ” มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นไปลูบแก้มของลูกชาย ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขามี และเป็นกำลังใจให้เขาเสมอมา “ถ้าอย่างนั้นลูกช่วยดูนางให้พ่อก่อน พ่อจะเข้าไปจัดห้อง แต่ถ้านางมีท่าทีจะทำร้ายลูก รีบตะโกนเรียกพ่อเลยนะ”

“ขอรับ” เฉินเสี่ยวเป่ารับคำ เดินเข้าไปหาหญิงสาวแปลกหน้า มือเล็กเอื้อมขึ้นไปจับมือใหญ่กว่า พร้อมกับฉุดลากให้อีกฝ่ายตามมานั่งลงบนแคร่ “ไปเล่นกัน”

หญิงสาวสติไม่ดีเองก็ยอมทำตามความต้องการของเด็กชายอย่างว่าง่าย ยอมถูกดึงพาไปนั่งลงบนแคร่ พอเด็กชายยื่นตุ๊กตาไม้มาให้ ก็รับเอาไป แม้ไม่รู้อะไรเป็นอะไร แต่ก็ทำตามสิ่งที่เด็กชายทำให้ดู จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะชอบใจยกใหญ่ พลอยให้เจ้าตัวเล็กหัวเราะตามไปด้วย

เฉินหยวนเจี๋ยยืนมองจนแน่ใจ ว่าหญิงสาวสติไม่ดี ไม่มีท่าทีเป็นพิษเป็นภัยต่อลูกชาย ก็เข้าไปในบ้าน ซึ่งมีสองห้องนอน หนึ่งห้องโถง เข้าไปย้ายของจากห้องนอนของลูกชาย นำมาจัดเอาไว้ในห้องของตัวเอง เสร็จแล้วก็ถือโอกาสปัดกวาดทำความสะอาดบ้านและทำกับข้าวมื้อเย็นเตรียมไว้ด้วย

เสร็จสรรพทุกอย่างก็กลับออกมา ยืนมองลูกชายที่พาหญิงสติไม่ดีเล่นตุ๊กตาด้วยกัน รอยยิ้มเสียงหัวเราะของทั้งสอง พลอยให้หัวใจของเขารู้สึกมีความสุขขึ้นมา จนถึงกลับเผลอยิ้มมุมปาก

กระทั่งดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำมาก เขาถึงได้เข้าไปขัดขวางการเล่นสนุกของคนทั้งสอง “เสี่ยวเป่า เย็นมากแล้ว ไปอาบน้ำได้แล้วลูก จะได้มากินข้าว”

“ขอรับท่านพ่อ” เฉินเสี่ยวเป่าเป็นเด็กที่เชื่อฟังผู้เป็นพ่ออยู่แล้ว ไม่ว่าพ่อพูดคำไหนเขาจะทำตามไม่มีการรีรอ เพราะตั้งแต่จำความได้ ในชีวิตเขามีเพียงท่านพ่อเท่านั้นที่คอยดูแล ส่วนแม่ผู้ให้กำเนิดนะหรือ หนีตามชายชู้ไปตั้งแต่เขาอายุได้หนึ่งขวบเท่านั้น เรื่องนี้ทำให้เขาถูกเด็กคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านล้อเลียนอยู่เป็นประจำ เขาจึงเลือกที่จะเล่นคนเดียวอยู่บ้านเสียมากกว่า

พอลูกชายไปอาบน้ำที่หลังบ้านแล้ว เฉินหยวนเจี๋ยก็หันมาสนใจหญิงสาวที่ให้ความสนใจกับตุ๊กตาไม้ ลองเอ่ยปากถามหญิงสาวดูอีกสักครั้ง

“แม่นาง เจ้าชื่อแซ่ว่าอะไรหรือ”

“...” เงียบไม่มีคำตอบ

“เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดเลยหรือ”

“...” คำตอบก็ยังคงเป็นความเงียบเหมือนเดิม

เฉินหยวนเจี๋ยถอนหายใจเล็กน้อย ในเมื่อตัดสินใจที่จะดูแลหญิงสาวแล้ว ก็คงต้องตั้งชื่อให้นางใหม่ก็แล้วกัน จังหวะที่กำลังนึกคิดหาชื่อให้หญิงสาวนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่าที่คอของหญิงสาวสวมสร้อยเส้นหนึ่งเอาไว้ ซึ่งสร้อยเส้นนี้ซ่อนอยู่ในปกคอเสื้อของหญิงสาว

“ขอดูหน่อยนะ” เขาขออนุญาตทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางไม่เข้าใจ เอื้อมมือเข้าไปใกล้ลำคอของหญิงสาวช้า ๆ ดึงสร้อยออกมาจากชุดของหญิงสาว แล้วก้มลงไปสำรวจว่ามีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับหญิงสาวบ้างหรือไม่ ก็เห็นว่าบนจี้ของสร้อยเส้นนี้แกะสลักตัวอักษรเอาไว้ จึงก้มลงไปอ่าน “หลี่ชิงเหยียน”

เฉินหยวนเจี๋ยคลายมือออกจากสร้อย คิดว่าชื่อที่แกะสลักเอาไว้นั้น น่าจะเป็นชื่อของหญิงสาวผู้นี้ บางทีนางอาจจะไม่ใช่คนเร่ร่อน แค่อาจจะพลัดหลงกับครอบครัวเท่านั้น แล้วด้วยนางสติไม่สมประกอบ จึงหาทางกลับบ้านไม่ได้ ได้แต่เดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย

“เอาละ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเจ้าชื่อชิงเหยียน คนของตระกูลหลี่ บางทีตอนนี้ครอบครัวอาจจะกำลังตามหาเจ้าอยู่ก็ได้ ระหว่างนี้ก็อยู่กับข้าไปก่อน แล้วข้าจะช่วยตามหาครอบครัวเจ้าให้อีกแรง”

เขาพูดกับหญิงสาวที่ยังคงเล่นตุ๊กตาไม้อยู่ การตามหาครอบครัวที่แท้จริงให้หญิงสาวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวเขาต้องทำงานรับจ้างทุกวัน คงจะต้องอาศัยวันหยุดเท่านั้น ถึงจะได้ออกตามหาคนตระกูลหลี่ ซึ่งไม่รู้ว่าตระกูลนี้จะอยู่หมู่บ้านไหน เมืองไหน และไม่รู้ว่าหญิงสาวแปลกหน้าเดินมาไกลขนาดไหนแล้ว

“ช่างเถอะ เรื่องหาบ้านค่อยว่ากัน ตอนนี้น่าจะจัดการกับกลิ่นตัวของเจ้าก่อน”

พอลูกชายอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวของหญิงสาว ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายคงจะไม่เหมาะ จึงไปขอให้หญิงสาวที่อยู่บ้านหลังติดกัน มาช่วยเหลือ แต่ทว่าทันทีที่เห็นน้ำ หญิงสาวสติไม่ดีที่ดูไม่มีพิษมีภัยก็เริ่มอาละวาด ไม่ยอมให้จับอาบน้ำ ถึงขั้นวิ่งหนีให้วุ่น แม้เฉินหยวนเจี๋ยจะช่วยจับตัวก็ไม่เป็นผล หญิงสาวรายนี้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต จนท้ายที่สุดหยวนเจี๋ยกับเพื่อนบ้านต้องยอมแพ้ ปล่อยตัวหญิงสาวเป็นอิสระ หญิงสาวตัวสั่นไปแอบหลบอยู่ใต้ต้นไม้ข้างบ้าน ไม่ไว้ใจชายหนุ่มอีก เฉินหยวนเจี๋ยจึงต้องใช้อาหารเข้ามาล่อ และไม่แสดงท่าทีว่าจะจับหญิงสาวอาบน้ำอีก นางถึงได้ยอมสงบ และกลับมาไว้ใจในตัวเขาเหมือนเดิม...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel