บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 ใช้แรงงาน

หยางฉิ่งนั่งอยู่หน้าบ้านไม่นานเท่าไหร่นัก นางเดินเข้าไปตรงที่ดินด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่รกร้างขาดคนดูแลเอาใจใส่ นางมองพื้นที่ว่างเปล่าประมาณสองไร่ ถ้ามองจากพื้นที่ด้านหลังบ้านก็จะสามารถมองเห็นหน้าต่างที่เปิดอ้าออกของห้องนอนหลี่เซิงพอดี ‘นี่เขามองวิวแบบนี้มาตลอดเลยสินะ’ นางอยากทำอะไรบางอย่างให้เขาได้รู้สึกดีแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร นางใช้เวลาที่เหลือมองหาจอบที่พอใช้ขุดหญ้าออกไปได้บ้าง

หยางฉิงเดินไปรอบตัวบ้านสายตาของนางจับจ้องไปตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อมองหาอุปกรณ์ที่ใช้ได้ นางเดินไปด้านข้างห้องน้ำ นางพบเจอเข้ากับจอบที่มีรอยบิ่นและขึ้นสนิ่มด้ามจับของมันยังพอให้ใช้งานได้อยู่ นางเดินไปหยิบจอบนั้นขึ้นมาขุดดินด้านหลังบ้าน โดยเริ่มจากข้างหน้าต่างห้องนอนของหลี่เซิง นางอยากปลูกเป็นไร่ผสมที่มีความหลากหลายร่วมอยู่ในนั้น

หลี่เซิงมองดูหยางฉิงนางกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ตรงหน้าต่างที่เขานอนอยู่ เขามองดูว่านางกำลังทำอะไร ก็เห็นว่านางกำลังขุดหญ้าที่รกร้างขึ้นอยู่เต็มไปหมด

“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่กัน” เขาอดถามนางออกไปไม่ได้

หยางฉิงกำลังตั้งใจขุดดินอย่างเอาเป็นเอาตาย นางแทบไม่ค่อยได้ทำงานในไร่แบบนี้เลย ท่าการขุดดินของนางจึงมีท่าทางที่แปลกนัก ขณะที่นางกำลังจดจ่ออยู่กับการขุดดินอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของหลี่เซิงที่ถามอะไรบางอย่างกับนาง?

“ท่านว่าอย่างไรนะ” นางถามเขาซ้ำอีกครั้ง

“ข้าถามว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”

เขาคงแปลกใจที่นางลุกขึ้นมาจับจอบขุดดินถางหญ้า “ข้าอยากปลูกผักผลไม้ เผื่อว่าจะได้มีผลไม้เอาไว้ขายได้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง” นางบอกถึงเหตุผลให้เขาฟัง

“เจ้าไม่มีเงินแล้วหรือ…” ตอนแยกบ้านเขาเห็นว่านางได้เงินจากท่านแม่มาหลายตำลึงเงิน

“เงินแค่นั้นจะเพียงพอให้ข้าและท่านที่เป็นคนป่วยใช้พอหรือ แต่เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจัดการได้ ท่านแค่ดูแลตัวเองให้แข็งแรงเร็ว ๆ ก็พอแล้ว” นางตอบเขาออกไปและเริ่มกลับมาสนใจขุดดินของนางต่อ

หลี่เซิงที่มองใบหน้าด้านข้างของหยางฉิง หน้าของนางแดงตัดกับดวงอาทิตย์กลมโตที่ใกล้จะตกดิน พอนางไม่ได้แต่งหน้าขาวแก้มแดงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นางก็หน้าตาดีเหมือนกัน เขามองลงไปที่รูปร่างของหยางฉิง นางเป็นหญิงสาวที่รักสวยรักงาม หุ่นของนางจึงเหมาะที่จะเป็นแม่พันธุ์ชั้นดี ‘นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่กันเนี่ย’ เขาลบภาพในสมองของเขาออกไปทันทีเมื่อเขาเริ่มคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้

เขานึกถึงวันที่แต่งงานกับหยางฉิง เวลานั้นนางเป็นหญิงสาวเอาแต่ใจ นางชอบเขามากจึงทำทุกวิถีทางได้เขามา หลังจากที่เขาแต่งงานกับนาง เขาต้องออกไปเป็นทหารต่ออีกสามปี จนบาดเจ็บกลับมาจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เข้าหอกับนางเลยเสียครั้งเดียว เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านางมีมุมที่ดีแบบนี้ด้วย เมื่อก่อนถ้านางทำดีกับเขาเหมือนเดิม ไม่รังเกียจที่เขากลายเป็นคนพิการ เขาก็อาจจะรักนางไปแล้วก็ได้

การดูแลเอาใจใส่ของหยางฉิงที่มีต่อเขาตลอดสองวันมานี้ทำให้เขารู้สึกดีกับนางมากขึ้น เขาเลิกมองนางและกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง นางเอาหมอนอันใหญ่มาให้เขาหนุ่นนอนอันใหม่ หมอนที่นางนำมาช่างนุ่มยิ่งนัก และนางยังเอาหมอนอีกอันที่มีรูปทรงแปลกตา นางสอนเขาว่า ให้เขาเอาหมอนลูกยาวดันไว้ที่หลังของเขา เวลาเขานอนให้พลิกตัวไปมา ไม่อย่างนั้นก้นของเขาอาจจะเป็นแผลได้ ‘เขาแปลกใจ นางทำไมรู้เรื่องพวกนี้ได้’

ถึงหลี่เซิงจะแปลกใจแต่เขาก็ทำตามคำแนะนำที่นางบอก ถ้ามันเป็นประโยชน์ต่อเขา เขาก็จะทำตาม

หยางฉิงมองเห็นตะวันใกล้ลับขอบฟ้า ความมืดมิดเริ่มคืบคลานเข้ามา นางวางจอบไว้ตรงด้านหลังบ้าน ‘พรุ่งนี้นางค่อยมาทำต่อก็แล้วกัน’ นางเดินกลับเข้ามาในบ้าน เข้าไปในคอนโดและเอาอาหารที่ทำไว้ เอาออกมาให้หลี่เซิง นางจะรอเขากินให้เสร็จก่อน จึงค่อยกลับมากินที่หลัง ตอนนี้นางเริ่มปรับตัวเข้ากับการอยู่ในยุคนี้ได้บ้างแล้ว

หยางฉิงเอาอาหารไปให้เขาในห้อง นางเอาของเสียนำออกไปทิ้ง และล้างให้สะอาดนำกลับมาวางไว้ในห้องเขาเหมือนเดิน เมื่อเช้าเธอทำแผลให้เขาไปแล้ว นางต้องรอสักสองถึงสามวันเพื่อให้แผลของเขาติดกันดีเสียก่อน นางจึงจะเริ่มทำแผลให้เขาอีกครั้ง

หลังจากที่นางดูแลหลี่เซิงให้ยาเขากินเรียบร้อย ก็กลับไปคอนโดเพื่ออาบน้ำ นางนอนแช่ในอ่างน้ำเพื่อผ่อนคลาย และจุดกลิ่นอโรมาเพื่อให้บรรเทาความเมื่อยล้าที่พบเจอมาตลอดทั้งวัน นางไม่ลืมที่จะมาสก์หน้าและทาครีมกันแดดทุกครั้งที่อยู่ที่นั้น นางก็ไม่ต่างจากหยางฉิงคนเดิมตรงที่ ก็เป็นคนรักสวยรักงามเหมือนกัน

กลางดึกหยางฉิงเดินออกไปดูหลี่เซิงอีกครั้ง นางกลัวว่าเขาจะมีไข้ขึ้นอีก พอเดินเข้ามาในห้องของหลี่เซิง นางมองเห็นเขานอนหมอนที่นางให้และใช้หมอนข้างตามวิธีที่สอน เธอเอามือแตะตรงหน้าผากของเขาเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ ‘ตอนนี้ตัวของเขาไม่ได้ร้อนแล้ว นางเอาน้ำดื่มวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงและเดินออกจากห้องเขาไป

หลังเสียงประตูปิดลงหลี่เซิงก็ลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด นัยน์ตาของเขามีประกายบางอย่างที่มีชีวิตชีวา เขายิ้มกับตัวเองและนอนหลับไปอีกครั้งด้วยฤทธิ์ยาที่กินไป

เสียงนาฬิกาปลุกส่งเสียงร้องเพื่อปลุกหยางฉิงที่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนให้ลืมตาตื่นขึ้น หยางฉิงไม่ลืมที่นางตั้งใจเอาไว้ วันนี้นางจะเริ่มออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายของนางแข็งแรงขึ้น นางเปลี่ยนไปใส่ชุดออกกำลังกาย เป็นกางเกงวอร์มขายาวกับเสื้อแขนยาว นางไม่มีชุดที่เป็นกางเกง จึงต้องใส่ชุดที่มีไปวิ่งแทนเสียก่อน นางล้างหน้าแปรงฟันและกลับมาที่บ้านหลี่เซิง

หยางฉิงมองเห็นท้องฟ้าด้านนอกยังมืดแต่ก็ยังมีแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องแสงลงมา ทำให้มองเห็นทางพื้นที่ด้านหลังไม่มืดมากนักและเริ่มก้าวเท้าวิ่งอยู่บนพื้นที่สองไร้ด้านหลังบ้าน ถึงจะมีหญ้าขึ้นรกแต่หญ้าเหล่านั้นก็เป็นหญ้าที่ตายแล้ว ความสูงของมันก็ไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ ยังพอให้วิ่งได้ นางวิ่งวนไปมาอยู่ห้ารอบ จึงได้หยุดวิ่งเป็นเวลาที่แสงแดดของวันใหม่สาดส่องมาที่นางพอดี จึงรีบกลับไปในบ้านเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นแบบเดิม นางกลัวว่าชาวบ้านจะมองเห็นนางในชุดแปลกตา

ในระหว่างที่หยางฉิงตื่นมาวิ่งตั้งแต่เช้า ก็มีสายตาคู่หนึ่งคอยมองจ้องนางอยู่ตลอดเวลา

หลี่เซิงตื่นเช้าเป็นประจำเพราะเขาเคยเป็นทหารมาก่อน เขาต้องตื่นไปฝึกร่างกายของเขาอยู่เสมอ ตื่นขึ้นมาเขาก็ได้ยินเสียงคนวิ่งไปมาอยู่หลังบ้าน เขาเพ่งสายตามองก็เห็นว่าคนที่วิ่งนั้นเป็นหยางฉิง นางแต่งชุดแปลกตาผมของนางมัดขึ้นสูงเผยให้เห็นลำคอเพียวยาวรับกับใบหน้าเรียวเล็กแต่มีแก้ม ตาของนางกลมโตหวานเห็นเด่นชัดมาแต่ไกล เขานอนมองดูนางวิ่งไปมาจนเสร็จ นางก็หายไปจากสายตาของเขา พอนางหายไป เขาก็รู้สึกเหมือนขาดหายอะไรบางอย่างขึ้นมาในใจ

หลังจากที่หยางฉิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย นางก็เตรียมของทุกอย่างให้หลี่เซิงเหมือนเช่นทุกวัน เดี๋ยวนี้เธอทำเรื่องเหล่านี้จนชินเสียแล้ว นางทำทุกอย่างเสร็จก็ไปขุดดินที่ด้านหลังบ้านต่อ นางใช้เวลาขุดดินอยู่ครึ่งวันโดยมีสายตาของหลี่เซิงมองดูเธอทำงานอยู่ตลอด นางมองเห็นชาวบ้าน เดินผ่านนอกรั้วบ้านไปมาต่างทักทายนางด้วยท่าทางที่ดีขึ้น หยางฉิ่งมองดูพื้นที่ครึ่งไร่ที่ขุดจนเสร็จด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ‘ขุดเสร็จแล้วต้องทำอย่างไรต่อละ’นางยังไม่มีเมล็ดพันธุ์ของผลไม้สักอย่างเดียวเลย

นางเดินเข้าไปตรงหน้าต่างที่หลี่เซิงนอนอยู่ “ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้าจะซื้อเมล็ดพันธุ์ได้ที่ไหนบ้าง” นางค้นหาในความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไม่พบเจอสิ่งใด

หลี่เซิงนอนมองนางอยู่ จึงเห็นนางเดินเข้ามาหาเขา “เจ้าอยากปลูกสิ่งใด?”

“ข้าอยากปลูกแตงโมนะ ที่นี่มีเมล็ดแตงโมหรือไม่” พูดถึงผลแตงโมแล้วก็รู้สึกอยากกินขึ้นมา

“ถ้าเจ้าอยากได้เมล็ดผลไม้ชนิดนั้นต้องเข้าไปซื้อในเมือง ที่เราอยู่ไม่ค่อยมีใครได้ปลูกผลไม้ชนิดนี้กัน เพราะมันปลูกยาก มีแค่คนมีเงินเท่านั้นถึงจะได้กินพวกมัน ข้าก็ยังไม่เคยได้กินเลยสักครั้งเดียว

‘ที่นี่เมล็ดแตงโมหายากขนาดนี้เลยหรือ’ “ข้าจะเข้าไปในเมืองได้เช่นไรกัน ข้ายังต้องดูแลท่านอยู่ ข้าไม่กล้าไปคนเดียวหรอกนะ” นางก็อยากเข้าไปดูตลาดในเมืองหลวงอยู่เหมือนกันแต่ก็ยังเป็นห่วงหลี่เซิง

หมู่บ้านที่นางอยู่นี้ชื่อหมู่บ้านอันเหอ เป็นหมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างไกลจากเมืองหลวงเท่าไหร่นัก จึงสามารถเดินทางเอาของไปขายในเมืองหลวงได้ แต่การเดินทางนั้นต้องใช้รถเกวียนวัวหรือเกวียนม้าเท่านั้น บางคนใช้ลาลากแทนก็มี

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าไปถามที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะมีของที่เจ้าอยากได้ ลูกชายของผู้ใหญ่บ้านเขาขายของเดินทางไปหลายพื้นที่ ถ้าโชคดีอาจได้พบสิ่งของแปลก ๆ ที่เขานำมาจากที่อื่นก็ได้”

นางได้ฟังที่หลี่เซิงพูดก็ตาลุกวาว นางอยากไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเสียแล้วสิ

“ข้าไปบ้านผู้ใหญ่แล้ว ท่านอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม แต่ข้าสัญญาว่าจะไปไม่นานแน่นอน ข้าจะไปบ้านของท่านหมอหลี่เทา เพื่อเอาเงินไปให้เขาด้วย” นางลืมไปเลยว่ายังติดค่ายาจากท่านหมอหลี่เทาอยู่

เขาเห็นว่านางดูท่าทางอยากไปมากเสียจริง เขาก็ไม่อยากขัดขวางสิ่งที่นางอยากทำ “ข้าอยู่คนเดียวได้ เจ้าไปเถอะ ข้าดูเป็นคนอ่อนแอถึงขนาดต้องให้เจ้ามาเป็นห่วงข้าอยู่ตลอดเวลาเลยหรือไร” ตอนนี้เขาแข็งแรงขึ้นมากแล้วจากเมื่อก่อน

“ถ้าอย่างนั้นข้าเอาอาหารให้ท่านเสร็จแล้ว ข้าไปเลยก็แล้วกัน” หยางฉิงยิ้มกว้างจนตากลมโตปิดลงเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีดด้วยความดีใจ

หลี่เซิงมองรอยยิ้มของหยางฉิงด้วยใจที่เหม่อลอย นี่เขาเป็นอะไร ทำไมเขาต้องหลบสายตาของนางด้วย…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel