บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

อาชวินกำลังนั่งตรวจเอกสารอยู่โต๊ะอย่างใจเย็นเพราะวันนี้เขาเข้าเวรกลางคืน หางตามองไปเห็นเงาเดินวนไปมาอยู่หน้าห้อง หมอทหารหนุ่มแอบมองด้วยหางตาอยู่พักใหญ่ จึงทักขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ ใครล่ะจะรู้ว่าหมอหนุ่มก็แอบกลัวสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้เหมือนกัน แถมกลัวมากซะด้วยสิ

“ใครน่ะ” เขาทักขึ้น และเงียบไปสักพัก แต่ไร้เสียงตอบรับ

“ใครยืนอยู่หน้าห้อง?” เขาตะโกนถามขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ยังเงียบเหมือนเดิม

อาชวินขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วตัดสินใจลุกขึ้นมาปิดประตู และคิดว่าคงกลัวหลอนไปเอง เขาตัดสินใจลุกขึ้น แล้วเดินตรงไปจับบานประตูจะปิด แต่ถูกมือเล็กคว้ามือเอาไว้

“เฮ้ยยย !!!” เขาอุทานเสียงดังลั่น

“หมอคะ เบาๆค่ะ” พศิกาบอกหน้าซีด

“เอ่อ...พิ้งค์เองเหรอ โธ่” เขาถอนหายใจพรืด แล้วบ่นเสียงเบาลง

“แหะๆ ขอโทษนะคะที่ทำให้ตกใจ” พศิกาหันซ้ายแลขวา แล้วรีบเดินเข้าไปในห้อง

“พิ้งค์มีอะไรหรือเปล่า ?” เขาถามงงๆกับท่าทางของพยาบาลสาว

“เอ่อ...หมออ้ายยยย” พศิกาดึงประตูปิด แล้วตะโกนขึ้น

“ห้ะ !!!???” อาชวินทั้งงงทั้งตกใจ

“ฉันเห็นวิญญาณของคุณป้าที่เสียไปเมื่อวาน” หญิงสาวตรงหน้าพูดขึ้น แล้วปล่อยโฮออกมาทันที ใบหน้าสวยที่แต้มเครื่องสำอางค์อ่อนๆ เลอะเทอะไปหมด เขาได้ยืนอึ้งเพราะตัวเองก็กลัวเหมือนกัน

“พิ้งค์ไม่ได้บ้านะหมอ พิ้งค์เห็นจริงๆ” คนตัวเล็กพูดซ้ำ

“ผมว่าพิ้งค์ใจเย็นๆก่อนนะ อาจจะภาพหลอนก็ได้” เขาปลอบ

“แต่พิ้งค์เห็นเต็มสองตาเลยนะคะ โอ๊ยยย พูดแล้วก็ขนลุก” พศิกาพูด แล้วลูบแขนตัวเองไปมา

ก๊อก ! ก๊อก !

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ทำให้ทั้งคู่หันไปมองประตูเร็วๆ อาชวินเดินไปเปิดประตูด้วยตนเอง แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หญิงสาว แต่ผลลับหลังประตูคือ...

พ๊างงงงง !!!!

ชายหนุ่มร่างสูงถอยกรูดมาอย่างไวด้วยความกลัว

“หมอคะ” พศิกาเรียกขึ้น เมื่อเขาถอยหลังมาเหยียบเท้าเธอ

“คะ ครับ” ชายหนุ่มเสียงสั่น อย่างเห็นได้ชัด

“เอ่อ หมอเหยียบเท้าพิ้งค์” คำตอบของหญิงสาวข้างหลัง ทำให้ความกลัวหายไปจนหมด แล้วรีบยกเท้าออกทันที

“ผมขอโทษ” เขารีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

พลั่กกก !!

หญิงสาวห้ามไว้เพราะไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย แต่มือดันไปปัดโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อร่วง

“เฮ้ย” อาชวินก้มเก็บให้ หน้าจอสว่างแวบ แม้จะมีรอยแตกเป็นแนวยาว แต่ก็พอจะดูออกว่ารูปหน้าจอโทรศัพท์นั้นคือใคร “ผู้กองรพีฉาย” เขาพึมพำเบาๆ

“โห แตกเยอะเลย” พศิการับไปดู

“ผมไม่รู้เลยนะเนี่ย ว่าคุณกำลังคบกับผู้กองพี” เขาแซวขึ้น

“อ่อ ปะ เปล่าค่ะ เราไม่ได้คบกัน” คนตัวเล็กปฏิเสธเก้อๆ

“อ้าว... ก็...” เขาชี้มือไปมา แล้วเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้

“พิ้งค์แอบชอบผู้กองน่ะค่ะ” หญิงสาวสารภาพ เพราะอาชวินเป็นเสมือนเพื่อนสนิทคนนึง เขาและเธอรู้จักกันตั้งแต่ตอนที่เขาเรียนวิทยาลัยแพทย์พระมงกุฏ และเธอเรียนอยู่วิทยาลัยพยาบาลทหารเรือ ทั้งคู่มีโอกาสพบเจอกันบางโอกาส และพอได้มาทำงานร่วมกันก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น

“อ่อ...ผู้กองพีน่ะเจ้าชู้นะ ^^” เขาเตือนยิ้มๆ เพราะเคยได้ยินชื่อเสียของรพีฉายเยอะเหลือเกิน และที่บ่อยสุดคือเด็กนักเรียนท้าตบเพราะผู้กองรูปหล่อ

“ฮ่าๆ จริงๆเขาแค่อัธยาศัยดีน่ะค่ะ” พศิกาแก้

“ผมก็ไม่รู้สิ แต่ผมคนนึงล่ะที่จะกันท่า ฮ่าๆ ถ้าเขามาจีบน้องผม ผมคงไล่ต่อยแน่ๆ” อาชวินพูดติดตลก

“ไม่ใช่แค่ผู้กองหรอกค่ะ ต่อให้เป็นคนอื่นหมอก็ต่อยเขาอยู่ดี” พศิกาแซวเรื่องความหวงน้องสาวสุดชีวิตของเขา

“โถ่ ฮ่าๆ” เขายอมรับแต่โดยดี

“ขอบคุณมากนะคะหมอ พิ้งค์คนนึงล่ะ ที่กลัวผีมาก” พศิกาบอกเขา แม้มันจะเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ก็หวังว่าเขาจะเข้าใจ

“บอกตรงๆว่าก็กลัว ขนาดผมเป็นหมอ...” เขาสารภาพเหมือนกัน

ทั้งคู่มองหน้ากัน แล้วยิ้มออกมาอย่างสบายใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนที่คอยรับฟัง แถมยังเข้าใจความรู้สึกของกันและกันอีกด้วย

“นี่ผู้กอง... หัวคุณใส่ก้อนหินเข้าไว้หรือไง” อุรัสมาบ่น แล้วเอื้อมมือขึ้นมาขยับหัวเขาให้กลับไปผิงผนังถ้ำข้างหลังตามเดิม แต่หัวเจ้ากรรมก็เอนมาซบที่ใหล่หญิงสาวตามเดิม

“ฉันปวดไหล่หมดแล้วนะ” หญิงสาวบ่น แล้วผลักหัวเขาแรงอย่างหงุดหงิด โดยไม่รู้เลยว่ารพีฉายหลับ

“คร็อกกกก !!!” เขาแกล้งทำเสียงกรน

“จิ๊ ! หนวกหูจริง” พอได้ยินเสียงคนข้างๆตัวบ่น เขาก็กระตุกยิ้มชอบอกชอบใจ

“คร็อกกกก คร็อกกกก”

“ตาบ้า” อุรัสมาพูดใส่เขา เพราะคิดว่าเขาหลับ “นายมันผีทะเล โรคจิต เสแสร้ง มารยา ไร้มนุษยธรรม คนเลือดเย็น รู้ไหมเมื่อกี้ฉันเกือบหัวใจวายตายอยู่แล้ว ก็ไม่ยอมช่วยสักที เอาแต่ถามๆ อยู่นั่นแหละ” หญิงสาวบ่นไปเรื่อยเปื่อยและคาดโทษส่งท้าย “ถ้าฉันตายจะมาหลอกนายให้ตายตามฉันไปเลย”

“คุณนี่ใจร้ายเนอะ แต่สุดท้าย...ผมไม่ใช่เหรอที่ช่วยคุณจนแผลฉีกเลยเนี่ย” เขาพูดขึ้นเบาๆ เพื่อให้เธอรู้

“เอ่อ... นายไม่ได้หลับเหรอ?” ร่างบางเปลี่ยนคำถามทันที

“ถ้าหลับคงไม่ได้ยินที่คุณด่าผมน่ะสิ”

“ฉันไม่ได้ด่านายนะ หูแว่วหรือเปล่าน่ะ” อุรัสมาปฏิเสธเสียงแข็ง

“ตาบ้า นายมันผีทะเล โรคจิต เสแสร้ง มารยา ไร้มนุษยธรรม คนเลือดเย็น รู้ไหมเมื่อกี้ฉันเกือบหัวใจวายตายอยู่แล้ว ฮ่าๆ” เขาแกล้งดัดเสียง แล้วลอกเลียนประโยคเมื่อสักครู่

“ก็มันเรื่องจริงนี่ เริ่มแรกนายแกล้งความจำเสื่อม เมื่อตอนกลางวันจะพาฉันไปตาย”

“ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” รพีฉายยอมรับแต่โดยดี

“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ นายนี่มัน !!!!” อุรัสมาทุบเขาอั๊กๆทันที

“เดี๋ยวๆ ฟังก่อนสิ” เขารีบห้าม ก่อนที่จะกระอักตายเพราะหญิงสาวเล่นทุบเขาเต็มแรง

“ฟังอะไร?”

“จำวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม?” เขาถามขึ้น

“วันที่คุณสลบอยู่ตรงโขดหินเหรอ จำได้สิ”

“ไม่ใช่...” เขามองหน้าคนตรงหน้า อย่างคาดคั้น

“อ่อ... วันนั้นที่ฉันขับรถชนคุณไง” อุรัสมานึกได้ “ค่าซ่อมรถพอหรือเปล่า เดี๋ยวกลับไปแล้วฉันจะคืนตังค์ให้นะ”

“ให้มาแค่นั้นจะพอได้ไงล่ะคุณ แต่...ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ผมหมายถึงเรื่องปืนต่างหาก”

“เรื่องปืนเหรอ? อ่อๆ ทำไมอะ?”

“เพื่อนคุณไปเอาปืนนั่นมาจากไหน?” เขาถาม ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยยิ้มร่าเริง เคร่งเครียดขึ้น

“เฮ้ออ... คุณเก็บลูกกระสุนไปตรวจสอบแล้วใช่ไหม? ฉันก็เอาปืนไปตรวจเหมือนกัน” อุรัสมาบอก แล้วสบตาคนตรงหน้า เพื่อแสดงถึงความจริงใจ

“แล้วผลเป็นยังไงบ้าง?” รพีฉายถามเสียงเข้ม

“มีลายมือคนร้ายอยู่ แต่ไม่มีในประวัติอาชญากร”

“ที่ลูกกระสุนมีตราปั้มรูปพระอาทิตย์...” ชายหนุ่มบอกนิ่งๆ

“เอ่อ !!! ฉันนึกออกแล้ว เพื่อนฉันบอกว่าขโมยปืนนั้นมาจากผู้ชายหน้าเหี้ยมๆ ที่ต้นคอมีรอยสักรูปพระอาทิตย์” อุรัสมาพูดเสียงดังลั่น เมื่อนึกได้

ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างสื่อความหมาย แต่ดวงตาทั้งสองคู่กลับแอบวูบไหวเล็กน้อย เมื่อสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่าง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel