บทที่ 8
ลุงเกิบกับลูกชายกำมะลอยืนมองท้องฟ้าสีดำทะมึนทุกทิศทางด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทั้งคู่รู้ดีว่าอีกไม่นานพายุฝนต้องโหมกระหน่ำลงมาแน่ๆ เรือหาปลาลำน้อยเข้ามาเทียบท่าเพื่อหลบฝนทันเวลา
“ดีนะที่เราเข้าฝั่งทัน” ปราณัฐ หรือกล้าพูดขึ้น
“เออ ข้าก็ว่าอย่างนั้น แล้วป่านนี้นางหนูสาวกับไอ้แก้วมันจะเป็นยังไงวะ” นายเกิบบ่นกับลูกชายกำมะลอ
“เย็นนี้ฉันจะไปบ้านผู้ใหญ่ พ่อจะไปด้วยไหมจ๊ะ?”
“ไปสิวะ”
“แล้วเรือที่พ่อซ่อนไว้ที่เกาะร้างล่ะจ๊ะ?” เขาถามขึ้นเมื่อนึกถึงเรืออีกลำ ที่นายเกิบแอบซ่อนเอาไว้ และตั้งใจจะไปเอา แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจ
“ข้าใส่ล้อเข็นไปไว้ในถ้ำไว้นานแล้ว รอให้อากาศมันดีกว่านี้ก่อน แล้วค่อยไปเอาก็ได้”
“จ๊ะ”
“เข้าบ้านกันเถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเอง” นายเกิบบอก แล้วเดินเข้าไปก่อน เพราะฝนเริ่มเทลงมา
“เรื่องอะไรครับลุง?” ปราณัฐถามขึ้น
“ข้าได้ยินว่าพรุ่งนี้ไอ้แวนมันจะไปแถวเกาะงู อยู่ไม่ไกลจากเกาะร้าง มันอาจจะซ่อนเรือสินค้าไว้ที่นั้นก็ได้ ไอ้แฝดเอ็งมันบอกไม่ใช่เหรอ ว่าเรือไม่ทราบสัญชาติยังคงอยู่ในน่านน้ำไทย”
“ครับ แล้วพวกมันจะรู้ไหมครับ ว่าเราซ่อนเรือไว้”
“ถ้ามีคนเอาออกมาใช้ มันต้องรู้แน่ๆว่าเป็นเรือของข้า” นายเกิบคิดไม่ตก
“งั้นพรุ่งนี้เรารีบไปกันดี ถ้ามีใครมาเห็นก่อน ลุงจะเดือดร้อน”
“พรุ่งนี้ตอนเช้ามืดข้าจะขอติดเรือชาวบ้านออกไป”
“อย่าดีกว่า ฉันไปเอง” ปราณัฐอาสา
“จะไปไหนกันเหรอสองพ่อลูก?” ชายฉกรรจ์ใส่ทองหยองที่คอเส้นใหญ่ที่เข้ามาตอนไหนไม่รู้ พูดทักทายขึ้นอย่างเสียมารยาท
สายตาของลุงเกิบแอบฉายแววกังวลเล็กน้อยก่อนจะหายไป แล้วหันไปส่งยิ้มให้กับอาชญากรค้าอาวุธ และยาเสพติดรายใหญ่ตรงหน้าอย่างเป็นมิตร แม้ในใจอยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายตามภรรยาและลูกชายที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“พอดีไม่คิดว่าฝนมันจะตกน่ะครับ ดันหว่านแหดักปลาไว้”
“อ่อ บ้านน่าอยู่ดีนะนายเกิบ เสียอย่างเดียวโล่งไปหน่อย ถ้าเมียนายเกิบยังอยู่คงจะดีกว่านี้ ^^” ฆาตกรโหดพูดแทงใจดำเข้าอย่างจัง ทำเอาคนฟังแทบสติแตก
“นายหัวมาหลบฝนเหรอจ๊ะ” ปราณัฐแทรกขึ้น ก่อนที่สถานการณ์จะยิ่งแย่
“ใช่ ...ลูกชายนายเกิบนี่หน้าตาดีนะ คงจะหน้าเหมือนแม่”
“ครับ” ชายชราพูดขึ้นอย่างพยายามข่มความโกรธเอาไว้
“งั้นเชิญนายหัวไปนั่งหน้าบ้านเลยจ้ะ เดี๋ยวฉันเอาน้ำไปให้ เมื่อกี้ฟ้าผ่าไฟคงดับ ร้อนน่าดู” ชายหนุ่มหนึ่งเดียวในนั้นพูดขึ้น แล้วผายมือเชิญออกไปอย่างนอบน้อม
“ขอบใจนะเจ้ากล้า ^^”
“จ้ะ”
อุรัสมากับรพีฉายวิ่งเข้าไปหลบฝนในถ้ำอยู่พักใหญ่ แต่ก็ดูเหมือนฝนจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ แถมในถ้ำยังมืดมากจนแทบมองไม่เห็นอะไร มือหนาที่เย็นเฉียบเอื้อมมือจับมือของเธอไว้ หญิงสาวจะชักมือกลับ แต่มือหนาก็ไม่ยอมปล่อย แถมยังจับแน่นขึ้นกว่าเดิม
“จับมือกันไว้เถอะ ในนี้มืดจะตาย” เขาพูดขึ้นเบาๆ แต่เสียงกลับสะท้อนไปทั่ว
“กลัวความมืดหรือไงยะ” หญิงสาวโวย แล้วพยายามสะบัดมือออกจากการเกาะกุม
“เปล่า ผมกลัวคุณหลงต่างหาก” เขาพูดด้วยความหวังดี แต่คนตัวเล็กกว่ากลับดื้อด้านจะสะบัดมืออกท่าเดียว “อย่าดื้อ”
“นี่ฉันไม่ใช่เด็กๆของคุณนะ !!!”
“เด็กๆ?” เขาขมวดคิ้วงง
“ปล่อยได้แล้ว ปล่อยสิ” อุรัสมาแกะมือหนาออก แต่เขาจับแรงกว่าเดิม “โอ๊ย !”
“ขอโทษ...” ชายหนุ่มคลายมือออกเล็กน้อย
“กองไว้นั้นแหละ !!!” หญิงสาวหน้าหงิกงอบูดบึ้งอยู่ในความมืด พลางคิดหงุดหงิดคนข้างๆไปด้วย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครทำให้โมโหได้ชนาดนี้มาก่อน ฮึ้ยยย
“ผมว่าเราเงียบๆก่อนดีกว่า ไม่เคยมาสำรวจถ้ำนี้ด้วย บางทีมันอาจจะมีงูก็ได้” รพีฉายขู่
“ไม่มีหรอกน่า” แม้จะปฏิเสธ แต่เขารู้สึกได้ว่ามือเล็กๆกลับจับเขาแน่นขึ้น
“ใครจะไปรู้ล่ะคุณ อากาศในถ้ำยิ่งชื้นๆแบบนี้แหล่งรวมสัตว์เลื้อนคลานชัดๆ” พอรู้จุดอ่อนของเธอ เขาก็ยิ่งแกล้งไปกันใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาแบบยิ้มอย่างพอใจ
“อย่าพูดสิ” อุรัสมาโอด แล้วเกาะแขนเขาเอาไว้แน่น
“กลัวหรือไง ฮ่าๆๆ” เขาถาม แล้วหัวเราะชอบใจ
“ไม่ได้กลัว!!” ร่างบางปฏิเสธเสียงแข็ง แล้วรีบปล่อยมือ และก้าวถอยหลังอย่างไม่ทันระวัง
ตุ๊บ !!!
“คุณ!!” รพีฉายหันมาดูข้างหลัง สายตามองผ่านความมืดไม่ค่อยถนัดนัก
“โอ๊ยย!! ช่วยฉันด้วย ตรงนี้มันมีหลุม ฉันตกลงมาทั้งตัวเหลือแต่หัวเนี่ย อย่าถอยมานะ” เสียงหญิงสาวพูดขึ้น และสั่งเขา
“กลัวผมเหยียบหัวคุณหรือไง?” เขาถามขำๆ ขนาดเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานยายตัวแสบก็ยังขี้วีนเหมือนเดิม
“ฮือๆๆ ฮือๆๆ” เสียงสะอื้นดังขึ้น
“คุณได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า?” รพีฉายถามขึ้น เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นเบาๆ
“ช่วยด้วย อะไรมันเลื้อยอยู่ที่เท้าฉันก็ไม่รู้ ฮืออ” หญิงสาวปล่อยโฮออกมาทันที สิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิตเธอก็คือสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิด และตอนนี้มันก็เลื้อยไปมาที่เท้าของเธอ
“เอ่อ ...ว่าละ”
คนตกหลุมสะอื้นไห้ไม่หยุดเหมือนเด็กๆ แต่ไม่ขยับตัวไปไหน เขาชื่นชมเธอที่ยังมีสติอยู่บ้าง บางคนตกอยู่ในสถานการณ์นี้คงกระโดดเหย่งๆ โดนงูกัดตายไปแล้ว
“ที่เลื้อยอยู่นี่ งูหรือตะขาบ” เขาถามขึ้น
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้” อุรัสมาร้องไห้โฮตอบ
“ตั้งสติหน่อยสิ มันเลื้อยแบบยั้วเยี้ย หรือแบบเลื้อยวนไปมา มันพันตอบคุณหรือเปล่า?” เขาถามอย่างใจเย็น ทำเอาคนฟังนึกภาพตาม แล้วสบถด่าเขาเสียงดังลั่น
“ฮ่าๆ ต้องการความช่วยเหลือจากผม แล้วยังมาด่าผมอีก ช่วยดีไหมเนี่ย”
“นายมันบ้าที่สุดเลย ฮือออ”
“ตอบมาสิ มันเป็นแบบไหน?” เขาถามย้ำ เพราะจะได้คิดวิธีช่วยเหลือถูก
“มันเลื้อยผ่านไปทางซ้าย งูตัวใหญ่มาก ยาวมากด้วย ฮือออ” หญิงสาวตรงหน้ากลายร่างจากแม่เสือสาวเป็นเด็กน้อยไปทันที
“ข้างล่างนี่คงเป็นที่อยู่ของงูล่ะมั้ง”
“พูดมากอีกด้วย ต้องรอให้ฉันตายก่อนหรือไง ถึงจะพอใจ” เขายิ้มเยาะกับความปากเก่งของเธอขำๆ ถ้าเขาเป็นศัตรูเธอมาตั้งแต่ชาติปางไหน คงจะปล่อยให้งูฉกตายไปแล้ว
“เชื่อใจผมไหม?” เขาถามขึ้น ด้วยความกังวลนิดๆ
“มันใช่เวลามาถามไหม?”
“นี่ อย่ากวนได้ไหม ผมกำลังหาทางช่วยคุณอยู่นะ” เขาบ่นเคืองๆ “หลุมนี่พอดีกับตัวคุณ หรือใหญ่กว่า ?”
“ใหญ่กว่า...” หญิงสาวตอบเสียงเบา เพราะเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก
“ใหญ่กว่าขนาดไหน?”
“ลงมาได้สองคน” เสียงตอบแผ่วเบา เหมือนคนหมดแรง
“เชื่อใจผมหรือเปล่า?” เขาถามขึ้นอีกครั้ง เพราะวิธีของเขามันค่อนข้างเสี่ยง และเป็นอันตรายกับเธอ
“ค่ะ”
“อือ” รพีฉายรับคำ แล้วเดินอ้อมไปข้างหลังหลุม
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ เขาสัมผัสได้ทันทีว่าเธอกำลังเกร็งขนตัวแข็งทื่อ คงเป็นโชคดีของเธอที่เขาตัวใหญ่กว่าหลายเท่า
รพีฉายออกแรงทั้งหมดไปที่แขนของตัวเอง เหมือนกำลังพยายามยกดรัมเบล แล้วยกตัวหญิงสาวขึ้นมาเร็วๆ แต่มันง่ายดายกว่าที่คิด เพราะหญิงสาวตรงหน้าเขาตัวเบาหวิวราวกับหมอนนิ่มๆ ...
“คุณ...” เขาเรียกขึ้น เมื่อดึงหญิงสาวออกมาจากหลุมได้ แถมตอนนี้เขากำลังโอบกอดเธอจากด้านหลัง แต่ไร้สัญญาณตอบรับ “คุณ” เขาเรียกซ้ำ
เขาช้อนร่างบางขึ้น แล้วอุ้มออกมาที่ปากถ้ำเพื่อหาแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องมา...
“ฮึก ฮึก” เสียงกลั้นสะอื้นดังขึ้นจากคนในอ้อมแขนแข็งแกร่ง
“คุณไม่เป็นไรแล้ว อย่าร้องนะ” เขาปลอบเธอ แต่ก็ก้มมองแขนของตัวเองที่เพิ่งโดนยิงมาด้วย
“ฮึก ฮึก” เขายิ้มอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นท่าทางของเธอ
“หยุดร้องได้แล้วอัน มาทำแผลให้พี่พีดีกว่า แผลที่แขนพี่พีคงจะฉีกแล้วแน่ๆ” เขาพูดกวนๆ แต่หญิงสาวกลับมองหน้าเขานิดๆ แล้วปล่อยโฮออกมาอีก “เอ้า ! ร้องทำไม เป็นห่วงพี่เหรอ?”
“...”
“เลิกกลัวได้แล้ว ดูสิ ... อันไม่เป็นไรแล้ว ไม่มีงูแล้ว” เขาปลอบ แล้วค่อยๆวางร่างบางลง แต่หญิงสาวกอดคอเขาไว้แน่น “นี่อย่าบอกนะจะยั่วพี่อะ?” คำถามกวนโอ๊ยหลุดออกมาจากปากเขา
“จะบ้าหรือไง ฉันกลัวจะตกลงไปอีกต่างหาก” อุรัสมาแหวใส่
“โอเค งั้นพี่จะนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย” เขาพูด แล้วนั่งลงข้างๆเธอ ก่อนจะแอบแต๊ะอั๋งจับมือเธอไว้ตลอด
“จับทำไมฮะ ?”
“ก็เดี๋ยวตกลงไปอีกไง” เขาอ้าง
“อือ” ความกลัวเมื่อสักครู่ ทำให้เธอปล่อยให้เขาจับมือเธอเอาไว้อยู่อย่างนั้น
“ครับ” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มหน้าชื่นตาบานอย่างไม่ปิดบัง
“เราจะไปจากที่นี่เมื่อไหร่?” เธอถามขึ้นเบาๆ
“ฝนหยุดตกเมื่อไหร่ เราจะออกจากที่นี่ทันที” เขารับปาก แล้วกุมมือเล็กเอาไว้เบาๆ
“อือ ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบ แล้วเอนตัวผิงผนังถ้ำ
“อือ”
“ฝันดีนะ” เขาบอก เพราะตากำลังจะปิดลงเพราะความง่วง
“ยังจะหลับลงอีกเหรอ?” เสียงเล็กเอ่ยตัดพ้อ
“ฮ่าๆ ผมเพิ่งยกคุณออกมาจากหลุม แถมอุ้มมาถึงนี่ อยากจะบอกว่าหนักกว่ากระสอบข้าวสารอีกแน่ะ” เขายั่วโมโห แล้วปิดตาลง
“ย่ะ” หญิงสาวบอก แล้วหันไปมองสายฝนที่เทลงมาไม่หยุด
