บทที่ 7
รพีฉายนั่งหอบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อย่างอารมณ์ดีราวกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวข้างตัวเขากำลังเอาเศษผ้ามาปิดปากแผลให้เขาเพื่อห้ามเลือดที่ไหลไม่หยุด เริ่มรู้สึกเกร็งขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมา
“มองขนาดนั้น เดี๋ยวตาก็หลุดออกมาหรอก ฉันไม่ทำให้นายตายหรอกน่ะ” อุรัสมาพูดขึ้น ทำให้เขารีบละสายตาไปทางอื่นเก้อๆ
บรรยากาศรอบตัวตกอยู่ในความเงียบ เพราะต่างคนต่างคิดหาวิธีที่จะกลับไปที่เกาะลิงลม โดยที่ไม่ใช้เรือ และดูเหมือนว่าทางออกแทบจะเป็นศูนย์ แต่รพีฉายกลับลุกขึ้นยืนปุ๊ปปั๊ป แล้วเดินออกไป
“จะไปไหนน่ะ?” หญิงสาวถามขึ้น
“หาทางกลับ” เขาตอบสั้นๆ
“พูดอย่างกับว่ามันมีงั้นแหละ นายคิดออกแล้วเหรอว่าจะกลับยังไง?”
“ก็พอมีทาง หรือถ้าคุณอยากนอนกับผมสองคนที่นี่ก็ได้นะ” เขาพูด แล้วเดินเข้ามาหาหญิงสาว
“จะบ้าเหรอ ใครจะไปอยากนอนกับนาย” คนตัวเล็กกว่าผลักอกเขาแรงๆ จนเซเล็กน้อย
“งั้นก็ช่วยกันหาทาง” เขาพูด แล้วคว้ามือเธอไปจับเอาไว้หลวมๆ
“ปล่อยสิ จะมาจับทำไมเนี่ย” อุรัสมาสะบัดออก แล้วบ่นกระปอดกระแปด
รพีฉายส่ายหัวเล็กน้อย แล้วยิ้มให้กับความเด็กน้อยของคนตรงหน้า เขาห่างจากเธอไม่กี่ปี แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองแก่ไปเยอะ แบดบอยหนุ่มกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วกลับหลังเดินนำหน้าไป
อีกด้านหนึ่งที่กำลังวุ่นวายสุดๆ เมื่อผู้ใหญ่จงกับเขมิกาตื่นมา แล้วรู้ว่าอุรัสมากับผู้กองหนุ่มหายตัวไปกระทันหัน แถมหญิงสาวยังไม่ได้เอาเครื่องมือสื่อสารไปด้วยอีกต่างหาก และที่ทำให้ตกใจจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร เพราะพ่อค้ายาและอาวุธเถื่อนรายใหญ่ประกาศล่าหัวคนที่บุกรุกเข้าไปบริเวณบ้าน ซึ่งเขมิกาพอจะรู้ว่าต้องเป็นเพื่อนรักกับผัวจำเป็นแน่ๆ
“เราจะทำยังไงกันดีจ๊ะพ่อ?” เขมิกาปรึกษาชายชราตรงหน้าอย่างร้อนรน
“ใจเย็นๆก่อนนางสวย อย่าแสดงพิรุธเด็ดขาด ถ้าใครถามหานางสาวกับผัวมัน ก็โกหกไปซะ”
“เราจะโกหกว่ายังไงล่ะผู้ใหญ่” ปราณัฐที่นั่งอยู่ด้วยถามขึ้น
“โกหกว่าไอ้แก้วมันป่วย แล้วนางสาวดูแลอยู่บ้านไปก็แล้วกัน” ชายชราบอก
“ได้จ้ะ งั้นฉันออกไปหาปลาก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวจะผิดสังเกตุ” ปราณัฐบอก แล้วออกไปทันที เพราะกลัวผิดสังเกตุเอา
“แล้วเรื่องเรือที่หายไป ถ้าพวกมันถามจะยังไงดีล่ะจ๊ะพ่อ” เขมิกานึกได้จึงถามขึ้น
“ปัญหานี้ข้าเองก็ยังคิดไม่ตกเลยว่ะ ได้แต่หวังว่าพวกมันจะกลับมาทันนะ”
“...” เขมิกาที่เป็นห่วงเพื่อนรักรู้สึกกระวนกระวาย จนต้องส่งสัญญาณหาศิรานนท์
“โหลพี่นนท์ใช่ไหม?” เขมิกาถามขึ้น
(อ่าฮะ ใช่) เขาตอบรับเบาๆ เหมือนกับแอบคุยกับกิ๊ก แล้วกลัวแฟนจับได้
“ผู้กองกับอันหายตัวไป พวกมิสเตอร์แวนกำลังตามหาตัวให้วุ่น แถมมีเบาะแสเรือชาวบ้านหายไปอีกด้วย”
(เดี๋ยวพี่ตรวจสอบแผนที่เกาะต่างๆ กับความน่าจะเป็นก่อนนะ แล้วจะติดต่อไปอีกที)
“รีบๆนะ” เขมิกากำชับ เพราะรู้สึกไม่สบายใจ
(ช่วงนี้อย่าเพิ่งวิทยุมาจนกว่าพี่จะติดต่อไปเอง พวกเรามีเครื่องตรวจจับสัญญาณ พวกมันก็มี)
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ แล้วกดปิดไปทันที เพราะกลัวจะถูกดักฟัง
ปัง ! ปัง ! ปัง !
เสียงดังขึ้นสามนัดเรียกสติเขมิกาให้หันไปทันที ผู้ใหญ่จงใบหน้าฉายแววโกธรเคืองอย่างไม่ปิดบัง
“พวกมันยิงใครจ๊ะ?” หญิงสาวถามขึ้นอย่างกังวล
“คนเลวระยำอย่างพวกมันก็ยิงชาวบ้านตาดำๆ ระบายอารมณ์ไงล่ะ หึ”
“ไอ้ชั่วเอ๊ย” เขมิกาสบถออกมาอย่างโมโห แล้วเปิดประตูออกมาดูเหตุการณ์
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือชายฉกรรจ์สามคนกำลังแบกร่างไร้วิญญาณไปทิ้งลงทะเลเหมือนผักปลา ใบหน้าฆาตกรประดับด้วยรอยยิ้มชอบอกชอบใจอย่างเลือดเย็น พร้อมกับแผดเสียงหัวเราะออกมา และประกาศเสียงดัง
“ใครที่มันขัดหูขัดตา ฉันจะยิงทิ้งให้หมด” พูดจบก็ยิงปืนขึ้นฟ้า ทำให้ชาวบ้านที่ยืนอยู่ใกล้เคียงวิ่งกระเซอะกระเซิงหนี
“ข้ามันอ่อนแอ ปกป้องใครไม่ได้สักคน” ชายชราพูดขึ้น
“...”
“ข้ามัวแต่รักตัวกลัวตาย จนทำให้หลายชีวิตต้องตายไปอย่างไร้ค่า ข้าก็คงไม่ต่างจากพวกมันหรอก เหมือนกับข้ากำลังฆ่าชาวบ้านทางอ้อมเสียมากกว่า” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเงียบ ชายชราจึงพูดขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเจ็บปวดใจ
“เชื่อมั่น และศรัทธาด้วยจิตวิญญาณสิจ๊ะ ตราบใดที่ยึดมั่นในความดี ถึงตัวจะตาย... แต่ทุกการเสียสละมักจะมีความหมายเสมอ” เขมิกาปลอบใจ
“ต่อไปนี้ข้าจะสู้ เพื่อรักษาชีวิตของทุกคน” ผู้ใหญ่จงฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำปลอบใจจากหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่มีความห้าวหาญเกินหญิงไปสักนิด
อุรัสมากับรพีฉายเดินหาไม้มากมายมากองเรียงรายเพื่อทำแพมาทั้งวันจนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า แต่ไม้ที่หามาได้ก็ยังไม่พอที่จะใช้ทำแพ
“เหนื่อยหรือเปล่า?” ชายหนุ่มถามขึ้น
“ก็ไม่เท่าไหร่” หญิงสาวข้างตัวตอบเขา แล้วนั่งลงข้างๆ
“ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณต้องมาติดอยู่ในเกาะร้างนี้ไปด้วย” เขาพูดขึ้น แต่ถูกสวนกลับจนหน้าชา
“ก็คุณมันบ้าไง นี่คิดจะฟังกันบ้างไหมฮะ ฉันอุตส่าห์บอกแล้วว่าฉันเป็นใคร แล้วคุณจะคึกคะนองขับเรือออกมาทำไม คุณนี่มันสุดๆไปเลย”
“อะไรสุดๆ?” เขาถามกวน
“อะไรก็ช่างมันเถอะน่ะ”
“จะบอกว่า ‘หล่อ’ สุดๆล่ะสิ” รพีฉายพูดจากวนเบื้องล่างอย่างยียวน
“หล่อกับผีน่ะสิ ถ้าบอกว่าขี้เหร่เหมือนเล็บขบก็คงใช่” คำพูดเจ็บแสบกระแทกเข้าหน้าเขาอย่างจัง ทำเอาคนฟังอ้าปากค้างพะงาบๆ
“โหยยย คุณนี่ปากเก่งจริงๆเลยนะ อยู่เกาะร้างกันแค่สองคน ไม่กลัวผมโมโหแล้วปล้ำคุณบ้างเหรอ”
“เรือ-เอก-ระ-พี-ฉาย”
“ครับ ?”
“ฉัฐ-ฐะ-วะ-รา-รักษ์” อุรัสมาพูดชื่อเต็มของเขาทีละคำชัดเจน
“อยากจะจำชื่อผมได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่”
“หลงเสน่ห์ผมแล้วล่ะสิ” เขาล้อเลียน
“อือ จะได้ตามฆ่าถูกคน” ประโยคที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มแทบหงายหลัง เขาไม่เคยได้ยินประโยคเชือดเฉือนแบบนี้บ่อยๆนัก แถมคนตรงหน้ายังเด็กกว่าเขาตั้งหลายปีซะด้วย
“บ้านสิงหโยธินนี่โหดกันทั้งบ้านเลยหรอ?” เขาเริ่มกวนประสาทคืน
“คงงั้น”
“งั้นก็น่าลองสักหน่อย ^^” เขาพูด แล้วยิ้มกวน
“ลองอะไร?”
“ลองกระตุกหนวดเสือ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วยืนหน้ามาใกล้ๆเธอ
“จะทำอะไร”
“หึ ^^” เขาหัวเราะในลำคอ แล้วขยับตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“ถอยไป!” อุรัสมาพูดเสียงแข็ง
“ทำให้ผมถอยสิ ^^” เขายิ้ม แล้วขยับตัวเข้ามาประชิด
“อ่อ ^^” หญิงสาวยิ้ม แล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับที่ใบหน้าของเขา
พลั๊กกก !!!
รพีฉายถอยออกไปอัตโนมัติเมื่อถูกถีบเข้าที่จุดสำคัญ ร่างสูงหน้าเขียวทันที
“สมน้ำหน้า ^^”
“หืมมม....” เขามองอย่างอาฆาต
‘ฝากไว้ก่อนเธอยายตัวดี’ รพีฉายคิดในใจ แล้วมองตามร่างบางที่กำลังเดินออกไปตรงชายหาด
