บทที่ 6
รพีฉายแอบปีนออกทางหน้าต่างเพื่อสำรวจเส้นทางรอบเกาะตั้งแต่เช้ามืด ตามทางเดินมืดสนิทไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ให้ได้ยิน เสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นระยะๆ เขาเลือกที่จะเดินอยู่ในเงามืดไปเรื่อยๆอย่างระวังตัว ดวงตาคมเรียวฉายแววดุดันเป็นอีกด้านนึงที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก เขาจ้องมองบ้านหลังหนึ่งด้วยความสงสัย เพราะเป็นบ้านหลังเดียวที่ใหญ่ที่สุดในเกาะ แถมยังมีคนเดินเข้าเดินออกตลอดเวลา ชายหนุ่มครุ่นคิดวิธีที่จะเข้าไปในบ้านหลังคิดเสร็จก็ทำตามแผนทันที
เขาแอบเข้าไปประชิดตัวชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง และตีท้ายทอยให้สลบ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นดึกดำบรรพ์มาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ ก่อนจะลากร่างกายกำยำตรงหน้าไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้ ใบหน้าหล่อเหลามีหยาดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มไปหมดด้วยความกังวล เพราะท้องฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว
เขากำลังจะก้าวเดินไปที่ต้นมะพร้าวสูงลิ่วที่อยู่ข้างบ้านหลังนั้น แต่ถูกมือนึงกระชากไหล่เขาแรงๆ ชายหนุ่มปัดมือนั้นออก แล้วหันไปตั้งการ์ดใส่ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเธอ
“...เมียจ๋า แหะๆ” รพีฉายรีบปรับท่าที
“มาทำอะไรที่นี่?” อุรัสมาถามขึ้นด้วยความสงสัย หญิงสาวแอบสะกดรอยตามเขามาห่างๆ พอเห็นว่าเขาเข้ามาในบริเวณบ้านของนายหัวแวน เขาก็คาดสายตาไป เพราะเธอต้องรีบหลบลูกน้องของเจ้าของบ้านเป็นระยะๆ
“มาเดินเล่น” รพีฉายตอบหน้าตายสุดๆ
“คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?”
“- _ -“
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะ มาทำอะไรที่นี่” อุรัสมาคาดคั้น
“...” เขาเงียบกริบ
“นี่ !!! คุณไม่ได้ความจำเสื่อมใช่ไหม?” หญิงสาวถามขึ้น
รพีฉายไม่ตอบคำถามอะไร แถมยังเอื้อมแขนแข็งแกร่งมากระชากเธอเข้าไปใกล้ตัวเร็วๆ แล้วอุ้มพาดบ่าทันที หญิงสาวทุบเขาแรงๆไม่ยั้ง
“เบาๆสิ” รพีฉายคาดโทษเสียงเข้ม
“ปล่อยฉันสิ ปล่อย” อุรัสมาแหวดใส่เขา
อั๊ก ! อั๊ก !
มือเล็กทุบหลังเขาอย่างมันมือ แถมยังดิ้นไม่หยุด ทำให้เขาอุ้มเธอเดินไปอย่างทุลักทุเล
“ถ้าไม่อยากโดนข่มขืนตรงนี้ก็อยู่นิ่งๆ” เขาขู่เสียงแข็ง ทำให้คนฟังนิ่งสนิทราวกับโดนปิดสวิตซ์
เขาอุ้มหญิงสาวผ่านความมืดไปตามแนวชายหาดแบบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ถึงที่หมายก่อนที่จะมีใครมาเห็น และหญิงสาวที่เขาจับพาดบ่าก็นิ่งเงียบให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากที่เจอคำขู่ของเขาไป
“นายจะพาฉันไปไหน?” นิ่งได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็ถามขึ้น
“เงียบนะ” เขาพูดเสียงแข็ง
“ก็ฉันอยากรู้นี่”
“จะอยู่เงียบ หรือจะ...”
“ไม่ !!!” หญิงสาวปฏิเสธ แล้วปล่อยให้เขาแบกเธอไปเรื่อยๆอย่างไม่แคร์ เพราะมั่นใจสุดฤทธิ์ว่าเอาตัวรอดได้สบาย แต่มันดันไม่เป็นไปตามคาด เมื่อเขาทิ้งเธอลงแรงๆที่ชายหาด
“โอ๊ยย !!! เจ็บนะ” หญิงสาวโอดครวญขึ้น
เขาไม่สนใจตรงเข้าไปสตาร์ทเรือลำหนึ่ง และตรวจเช็คความพร้อมของเรืออย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหันมามองหญิงสาวที่นั่งคิ้วขมวดอยู่บนหาดทรายสีขาวสะอาด เขาเดินดุ่มๆเข้ามาใกล้ แต่เธอรีบลุกและถอยหลังหนีเขา
“จะหนีทำไมน่ะ?”
“นายอย่าเข้ามานะ” อุรัสมาสั่ง
“เฮ้อ... ไปด้วยกันก่อน” เขาบอกนิ่งๆ
“ไม่” หญิงสาวตอบ แล้ววิ่งออกไปทันที แต่ร่างสูงที่วิ่งเร็วยิ่งกว่าลมกรดวิ่งเข้าไปกอดร่างบางเอาไว้ แล้วยกหญิงสาวขึ้นจากพื้นอย่างง่ายดาย และรีบกลับที่เรือ
“นายจะทำอะไร?”
“อย่าดื้อ” เขาพูด แล้วขับเรือออกจากฝั่งเร็วๆ
“ผู้กองรพีฉาย” หญิงสาวเรียกชื่อจริงๆของเขาขึ้น คนฟังชะงักเล็กน้อย แต่ทำเป็นไม่สนใจ
“คุณไม่ได้ความจำเสื่อมใช่ไหม?” หญิงสาวถามขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ และเวลานี้เธอลืมหยิบเครื่องมือสื่อสารมาด้วย ถ้าเกิดเขาทำอะไรเธอขึ้นมาจะได้ให้คนมาช่วย คนตัวเล็กเริ่มคิด และขยับไปนั่งติดกาบเรืออย่างระวังตัว
“เฮ้อ ฉันเรือตรีหญิงอุรัสมา สิงหโยธิน อยู่หน่วยข่าวกรองพิเศษ” เธอบอกเขาอย่างจำนน เพราะอย่างน้อยก็เห็นว่าเขาคือพวกเดียวกัน แต่ร่างสูงก็ยังเงียบกริบไร้การตอบรับใดๆทั้งสิ้น
“นี่ไม่เชื่อฉันเหรอ?” เธอถามขึ้น
“คุณเปิดเผยตัวตนกับคนอื่นได้ไง ถึงคุณจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับผม แต่อย่าลืมว่าผมไม่ใช่คนในทีมของคุณ” เขาตอบดุๆ ทำเอาคนฟังออกอาการเหวอไปทันที
“สรุปว่านายไม่ได้ความจำเสื่อมใช่ไหม?” หญิงสาวถามเขาอย่างหงุดหงิด เมื่อรู้ตัวแน่นอนแล้วว่าถูกหลอก
“ใช่ สรุปว่าคุณคือใครกันแน่ไหนลองพูดมาใหม่สิ” เขาถามทวนเพื่อความแน่ใจ
“เรือตรีหญิงอุรัสมา สิงหโยธิน” เธอตอบเขาเสียงแข็ง
“ผมจะเชื่อคุณได้ไง?”
“คุณรู้จักนาวาตรีนายแพทย์อาชวิน สิงหโยธินไหม? เขาคือพี่ชายของฉัน
“...แล้วถ้าผมบอกว่าไม่รู้จักล่ะ” รพีฉายถามกลับกวนๆ แม้ตอนได้ยินชื่อนายแพทย์หนุ่มเอาเขาผงะน้อยๆ
“เราเคยเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันขับรถชนรถคุณไง” อุรัสมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน
“การที่เจอกัน ไม่ได้ทำให้ผมเชื่อคุณได้นี่นา”
“เรื่องมากจริง” หญิงสาวบ่นอุบอิบคนเดียว แต่เสียงดัง
“ปากคุณนี่มันน่า...จริงๆ”
“น่าอะไร ?!!!” หญิงสาวถาม แล้วค้อนขวับใส่เขา
“หึ” คนตัวสูงกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ
ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง !
เสียงปืนดังขึ้นมาจากบนหน้าผาที่อยู่ไม่ไกลนักหลายนัด รพีฉายขับเรือหลบลูกกระสุนอย่างเมามันส์สุดชีวิต เขายิ้มสนุกสนานกับเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะพอจะเดาออกว่าใครเป็นคนยิง สายตากวาดมองไปรอบๆ จนพบเข้ากับเรือสินค้าขนาดใหญ่สามลำที่เขาตามหา
“พวกมันซ่อนเรือไว้ที่นี่เหรอ ^^” เขายิ้มร้าย
“อยากตายหรือไงเนี่ย” อุรัสมาแผดขึ้น
“เบาๆหน่อยสิคุณ นี่มันสนุกจะตาย”
“สนุกกับผีอะไรเล่า” คนตัวเล็กชักสีหน้าเคืองๆ
ปัง !!!
กระสุนหนึ่งนัดเฉียดแขนชายหนุ่มไป จนทำให้ที่แขนแข็งแกร่งมีเลือดทะลักออกมา แต่เขาก็ดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร แถมยังขับเรือฉวัดเฉวียนไปเรื่อยๆ
“นายโดนยิง” หญิงสาวทักขึ้น
“แค่นี้สบายมาก” เขาตอบ โดยที่ไม่หันหน้ามา
“ปากดีไปเถอะ อยู่กลางทะเลไม่มีหมอนะ”
เขาไม่ตอบอะไร แต่พุ่งเข้ามาคว้าแขนหญิงสาว แล้วกระโจนลงน้ำไปทันที แรงดึงของเขาทำให้คนตัวเล็กกว่าถูกดึงลงทะเลไปด้วยกันทั้งคู่ อาจจะเป็นข้อดีของทั้งคู่ที่พวกเขาเป็นทหารเรือ ทำให้คุ้นเคยกับดำน้ำลึกหลายเมตร รพีฉายว่ายลึกลงไปเรื่อยๆ และบนผืนน้ำข้างบนก็ระเบิดตูมทันที ทั้งคู่หลบระเบิดได้อย่างหวุดหวิด...
