บท
ตั้งค่า

ep13

เพชรแรกยิ้ม ผู้คนในดินแดนนี้ ล้วนนับถือศาสนาปะปนกัน เป็นอิสรเสรี หากแต่พุทธะเจริญยิ่งนัก วัดวาอารามใหญ่โต จนเบียดบังเทวสถาน เพชรแรกเคยเชื่อว่า ดินแดนแห่งนี้คือ เมืองแห่งพระกฤษณะ หากแต่เหตุใดจึงมีแต่พุทธะอยู่เต็มเมือง กษณะจึงได้อธิบายให้เพชรแรกเข้าใจอย่างถ่องแท้กับความเชื่อ องค์พระกฤษณะคือ อวตารแห่งพระนารายณ์ และสมณโคดม ก็เช่นกัน หากแต่การอธิบายเช่นนี้ มิควรอธิบายให้ผู้ที่นับถือพุทธะได้รับรู้ กษิณะเตือนเพชรแรก ให้ระวัง ศรัทธา อาจสร้างศัตรู

มณีเดินนำบ่าวไพร่ที่ยกสำรับลงจากเรือมาวางไว้ที่โต๊ะไม้กระดาน แย้มยิ้มเชิญชวนเพชรแรกทานอาหาร ปลาย่างหอมกรุ่น เกลือตำละเอียดปรุงรสด้วยใบมะขาม และแกงหน่อไม้หน้าตาน่าทานนัก

“มีเท่านี้ ท่านเพชรแรกกินได้หรือไม่” มณีเอ่ยถาม พลางผลักข้าวนึ่งร้อน ๆ ไว้ตรงหน้าเพชรแรก พร้อมขันน้ำ

“อาหารมีค่าเพียงอิ่ม หากน้ำใจมีไว้ไม่อด”

เพชรแรกยิ้มแล้วเริ่มต้นทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกับสุชัย พร้อมด้วยแม่สร้อยและมณี ส่วนเจ้าแก้ว

นั้นโผขึ้นไปบนยอดไม้จิกกินอาหารของมันมิได้รบกวน

“ขอให้จำเริญเถิดนะแม่มณี เจ้ามีน้ำใจนัก อาหารมื้อนี้รสอร่อยอิ่มท้องข้านัก” เพชรแรกยิ้มให้มณี ก่อนยกมือไหว้แม่สร้อย

“จักเป็นไรไป เรื่องเพียงเท่านี้ดอก” นางสร้อยยิ้มรับ

เพชรแรกเอื้อมมือหยิบถ้วยเคลือบที่บรรจุลูกปัดทองดอกบวบไว้ยื่นให้มณี

“นำไปร้อยเป็นสร้อยก็จักงามเช่นเดิม ข้าให้เจ้า”

มณีนิ่งคิดเพียงครู่ ก่อนยื่นมือรับ

“ข้าจักรับไว้ แต่มิใช่รับไว้เป็นของข้า แต่จักรับไว้ร้อยเป็นสร้อยคืนดังเก่า วันใดเจอท่านข้าจักคืนให้”

.................................

“โอ๊ย แม่สร้อย แม่จะมาตีฉันทำไม ฉันเจ็บนะ” เสียงโอดครวญเล็กๆ ในเรือ ทำเอาบ่าวไพร่อมยิ้มขำกับนายน้อย

“มันน่าจะโดนมากกว่านี้ ดูทีรึ ย่างปลา เกลือป่นใบมะขาม กับแกงหน่อไม้ไปรับแขก มีอย่างที่ไหน” เสียงนางสร้อยเอ็ดลูกสาว นางรู้สึกขายหน้าเมื่อต้องทำกับข้าวพื้นๆ ปานนั้นออกรับแขก

“แขกชมพูทวีป จะได้รู้ไงล่ะแม่ ว่าอาหารพวกนี้ เป็นอาหารของเรา แม่จะให้ฉันนวดแป้งอย่างกับพราหมณ์พิธีหรือไร”

“ยังจะเถียงอีก” นางสร้อยเงื้อฝ่ามือขึ้นจะฟาด หากแต่มณีหลบถอยไปเสียก่อน

“เถอะน่าแม่ เขาก็ดูถูกปากดีมิใช่ฤๅ แม่จักมาเดือดร้อนใจทำไมเล่า”

“กับข้าวกับปลาออกมากมี ขนมรึก็มิขาด เจ้าจัดสำรับแค่เพียงนั้น แม่ละอายนัก”

นางสร้อยหน้าง้ำ บอกถึงความมิชอบใจในสิ่งที่บุตรสาวทำลงไป การดูแขกนับเป็นเรื่องหน้าตาของผู้ชักชวน การเลี้ยงดูแขกอย่างดี ถือเป็นมารยาทอันสูงของหรั่วเซม

“ฉันก็แค่ลองใจเขาเสียก็เท่านั้น หากเขาทำท่ารังเกียจ ก็จักมิต้องคบหา เพราะเห็นแก่ข้าวของที่เรามีอยู่ แต่ถ้าเขาพอใจ เราจักได้รู้ว่าแขกผู้นั้นจักคบหาได้ในกาลต่อไปภายหน้า เมื่อตกต่ำลงไป”

นางสร้อยพิจดูใบหน้าของบุตรสาว คำพูดของมณีนั้น มีเหตุผล แต่เบื้องหลังเหตุผลของนางนั้น ซับซ้อนหลอกล่อให้ตัวเองพ้นผิดจากการตำหนิอยู่บ่อยครั้ง

“โธ่ แม่สร้อยเหตุใดจึงมองฉัน ราวกับฉันมุสา”

“ถ้าเจ้ามิได้มุสา เพชรแรกจึ่งคบหาได้กระมัง” นางสร้อยก็หาได้ยอมวาจาบุตรสาวไม่ ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น

มณีได้ฟังคำแม่ จึ่งรู้ว่าตนเองพลาดในวาจา ครั้นจะหวนกลับไปแก้ตัวว่าแกล้ง ก็จักเสียหน้า จึงได้แต่เงียบ เสไปทำงานอื่นที่คั่งค้างไว้

“นี่ แม่มณี เจ้ายังมิได้ตอบคำแม่” ได้ทีนางสร้อยก็ยังพยายามจักเอาชนะ

“โธ่แม่ แม่ก็เอาผ้าแพรเขามาเสียมากแล้ว ฉันเองก็เอาลูกปัดมาเสียหลายเส้น แม่จักคิดเป็นอื่นฤๅ”

นางมิยอมตอบ หากแต่ทิ้งให้นางสร้อยคิดหาคำตอบเอง

“นั่นสินค้าที่เขาสมาโทษ หากแต่คบหาก็อีกเรื่อง” แม่สร้อยยังมิยอม

“แม่สร้อย ๆ อยู่หรือไม่” เสียงตะโกนเรียกยังท่าน้ำ ทำให้นางละจากการเจรจาหาความกับบุตรสาว ก้าวลงเรือไปหาคนที่รออยู่ด้านล่าง

มณีส่ายหน้ากับท่าทีของนางสร้อย ฉวยถ้วยเคลือบใบสวยที่ใส่ลูกปัดทองดอกบวบไว้มาพินิจดู

“งามแท้ ทั้งลูกปัดและถ้วยเคลือบ ท่านเพชรแรก ท่านมีน้ำใจกับฉันนัก”

“นายน้อย เชือกเส้นเล็กนี่ คงพอร้อยลูกปัดได้กระมัง” บ่าวคนหนึ่งเห็นนางก้มดูลูกปัดที่ยังมิได้ร้อย จึงค้นหาเชือกเส้นน้อยเพื่อร้อยลูกปัดให้ มณีหันไปรับเชือกกะระยะความยาวแล้วใช้มีดบางเล่มเล็กตัดให้พอดี แต่ครั้นพอนึกบางอย่างได้ ก็เรียกบ่าวคนสนิทมากระซิบใช้ให้ไปกระทำโดยเร็ว

........................................

เพชรแรกขึ้นมาบนเรือ เอนกายอยู่ที่ผ้าใบผืนหนาที่สุชัยใช้ช่างไม้ทำโครงผูกวางกับเสาเรือได้ ลมแม่น้ำจระเข้โชยเอื่อย ทำให้หนังท้องที่ตึงเพราะรับอาหารเข้าไปเต็มที่ ส่งผลไปที่เปลือกตาที่ปรือปิดลงและคงหลับสนิท หากมิได้ยินเสียงเรียกเบาๆ จากสุชัย

“นายท่าน ๆ ข้าอยากให้ท่านเห็นอะไรบางอย่าง”

“อันใดรึ” เพชรแรกผงกศีรษะขึ้นมาถามสุชัย ยังเกียจคร้านที่จะลุกไปดู

“ดูเหมือนว่า จะเป็นบ่าวของเรือโน้น มาก้มๆ เงยๆ อยู่ริมฝั่งใกล้เรือของเรา” สุชัย ยังคงแอบมองอยู่ มิได้แลตามว่า นายท่านจะมาดูหรือไม่

“นางคงค้นหาลูกปัดทองดอกบวบที่หล่นหายกระมัง เจ้านั่งดูนางมานานแล้ว เห็นนางเก็บได้บ้างหรือไม่” เพชรแรกผุดลุกขึ้นมายืนอยู่ด้านหลังสุชัย มิทราบแต่เมื่อไหร่ หากแต่รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าที่คมคายนั้น

“โอ๊ะ นายท่านมามิให้สุ้มให้เสียง ได้หลายเม็ดอยู่นายท่าน” สุชัยตอบเสียงเบา กลัวคนด้านล่างจักได้ยิน เพชรแรกแย้มยิ้มพอใจด้วยสิ่งที่มองเห็นนั้น ทำให้นึกไปถึงเจ้าของคำสั่งที่บ่าวไพร่ก้มควานหาลูกปัดอยู่ในเวลานี้ วันหน้าหากได้ใกล้ชิด ผู้คนแถบนี้อาจได้เรียนรู้การทำลูกปัดแก้วจากช่างชาวเปอร์เซียผู้เชี่ยวชาญที่เขาพอจะรู้จักอยู่บ้าง ความนิยมของผู้คนอาจทำให้การผลิตลูกปัดเป็นสินค้าภายในที่สร้างงานให้กับคนที่นี่ได้

“นายท่าน คิดสิ่งใดอยู่หรือ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel