ep 12
“หมายความว่ากระไร” นางสร้อย ถึงรู้แต่ก็ถามเพื่อให้แน่ใจ
“ถ้าแม่สร้อยอยากได้ ฉันกำนัลของชิ้นนี้ให้แม่สร้อย รับไว้เถิด มิหนักหนาดอก รอเมื่อฉันขอความช่วยเหลือ แม่สร้อยจักได้มีเมตตา”
นางสร้อยหัวเราะร่า ถูกใจวาจาของเพชรแรกนักหนา จึงเรียกบ่าวไพร่ที่ติดตามมาให้ไปจัดสำรับกับข้าวที่บนเรือ จักได้ชวนเพชรแรกไปทานอาหารเสียด้วยกัน เพชรแรกยิ้มรับ ชายตามองมณีที่กำลังเลือกดูสร้อยลูกปัดจากเมืองไกล ลูกปัดแก้วหลากสีที่เมืองทางใต้ผลิตอยู่เล็กน้อย อีกมินานจักเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของคนที่นี่ แต่ลูกปัดที่เขานำมานี้ มาจากชมพูทวีปและเมืองอันไกลโพ้น จึงแปลกตาและน่าสนใจกว่า ลูกปัดดินเผา กระดูกสัตว์ และเปลือกหอยที่คุ้นเคยกันอยู่
“แม่มณี เลือกของพี่เขาเสร็จหรือยัง อย่าพิรี้พิร่ำนัก ถึงเวลากินข้าวแล้ว”
เสียงของแม่สร้อยเตือนลูกสาว ทำให้มณีหันกลับมายิ้มให้กับแม่ สายตาบ่งบอกถึงความพอใจในลูกปัดสีสวย
“แม่เชิญ ท่านเพชรแรกไปเสียก่อนเถิด ฉันจะขอดูสร้อยเหล่านี้สักครู่ สีสันแปลกตาเสียนักจนอยากจะได้เสียทั้งหมด”
“ตายแล้วแม่มณี ของซื้อของขาย พี่เขาให้เจ้าเป็นสินน้ำใจ มิได้ให้เจ้าทั้งหมด เอาแต่พอควรเถิด” นางสร้อยก้าวเข้าไปกระซิบเบาๆ พลางเอื้อมมือหยิกที่ต้นแขน
“โอ๊ยแม่ ฉันเจ็บ” เจ้าตัวโอด ยกมือลูบเบาๆ ที่ต้นแขน นางสร้อยหันไปยิ้มกับเพชรแรกที่จับตามองอยู่
“น้องยังเด็ก มิเคยเห็นลูกปัดสีสวย ก็ธรรมดาของแม่หญิงที่ชอบของสวยงาม” แม่สร้อยแก้ตัวแทนลูกสาว หากแต่เพชรแรก ยิ้มเฉย มิได้มีท่าทีมิพอใจ
“ท่านเพชรแรก ฉันขอซื้อสร้อยลูกปัดได้หรือไม่” เสียงมณีแทรกเข้ามา นัยน์ตาคาดหวังว่า เพชรแรกจะค้าขายกับนาง
“เจ้าอยากได้สักกี่เส้น”
“หลายเส้นอยู่ ท่านคิดเป็นเงินตราเท่าใดหรือจักแลกกับสินค้าใด” มณีต่อรอง
“เจ้ามีสิ่งใดมาแลกเปลี่ยนกับลูกปัดพวกนี้ฤๅ”
“ฉันมีเครื่องเทศ ครั่ง และข้าว หรือท่านจะขายเป็นเงินตราฉันก็มี”
เพชรแรกหันมามองนางสร้อยที่ยืนทำหน้ามิถูกอยู่ข้าง ๆ ก็อดขำในท่าทีอยากได้ลูกปัดของมณีมิได้ จึงกล่าวด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ พลางบอกว่า แลกกับข้าวสักสองสามมื้อก็พอ
นางสร้อย รู้ทันหนุ่มตรงหน้า ว่ามีท่าทีจักติดใจในตัวบุตรสาว จึงเปิดทางให้เต็มที่ เพราะรู้ว่าเพชรแรกมีน้ำใจและไมตรี อีกทั้งค้าขายเจรจาคล่อง มิเหนียวหนืดเหมือนพวกจีนที่จักผ่อนปรนให้บ้างก็ยังยาก
“มักน้อยจริง หรือลูกปัดนี้มิได้มีราคาสมกับความสวยงามของมัน” มณีย่อมรู้ หากแต่อดที่จะประชดมิได้
“ไมตรีนั้นมากค่า สินค้าใดก็มิอาจเทียบ”
“เช่นนั้นก็ตามมาเถิด ฉันจะทำกับข้าวเลี้ยงท่านสักมื้อ” มณียอมรับข้อตกลง
“มิได้ ข้าบอกสักสองสามมื้อ มิใช่สักมื้อ” เพชรแรกแย้ง มิยอมแพ้
“ฉันรู้ดอก จักกี่มือถ้าฉันเจอท่าน ฉันจักเลี้ยงท่านให้ครบ สองหรือสามมื้อดังท่านต้องการ”
มณีตอบรับ มือกำสร้อยลูกปัดหลากสีหลายเส้นแล้วเดินนำหน้าแม่สร้อย บ่าวไพร่ และเพชรแรกออกไป
นางสร้อยยิ้มกับเพชรแรก พลางเล่ากับเพชรแรกฟังว่า มณีลูกสาวนั้นมิใคร่ได้เข้าครัวทำกับข้าวสักเท่าใด นางชอบเจรจาค้าขาย เหมือนกับพี่ชายของนาง เพชรแรกนับเป็นชายคนแรกที่นางยอมเข้าครัวทำกับข้าวให้ทาน เจ้านกหลากสีที่เกาะอยู่บนบ่า พยักหน้าคอย่น
“ขอข้าวกินหน่อย ขอข้าวกินหน่อย ขอข้าวกินหน่อย”
“ฮ่า ๆ ๆ สุชัย เก็บสินค้าขึ้นเรือ แล้วรีบตามเรามาทานข้าวกับแม่สร้อยผู้ใจดีเถิด”
“ขอรับนายท่าน” สุชัยยิ้มแป้น นาน ๆ จักเห็นนายท่านอารมณ์ดี แลเห็นนกหลากสีเงียบเสียงฟังการเจรจาและยังจักได้ทานอาหารฝีมือสาวงามอีกด้วย วันนี้ช่างโชคดีนัก
เพิงพักริมท่ามุงด้วยแฝกมีโต๊ะไม้กระดานไว้นั่งพัก เป็นที่ประจำของเรือนางสร้อย หากเดินทางมาที่ท่านี้ นางเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มและลูกน้องนั่งรอสักครู่ มิต้องขึ้นไปบนเรือ นั่งอยู่ริมท่าที่เย็นสบายจักง่ายกว่า มินานแม่มณีคงให้บ่าวไพร่จัดสำรับลงมา ด้วยบนเรือนั้นเป็นเรือใหญ่มีครัวอยู่ท้ายเรือ
“พ่อเพชรแรก จักอยู่ที่อู่ทองนานหรือไม่”
“ฉันก็ยังมิรู้ว่า จักนานเพียงใด เพราะมีเทวสถานของพระศิวะที่เชิงเขา ฉันอยากเข้าไปบำบวงที่นั่นสักที ไปอู่ทองมาหลายครั้ง หากแต่มิเคยได้เข้าไป”
“ศิวะเทวาลัย ของพราหมณ์ผู้กระทำพิธีอย่างนั้นรึ”
“ถูกแล้วแม่สร้อย นอกจากส่งสินค้าให้กับวัง ฉันจักไปที่นั่น เพื่อบำบวงพระศิวะ”
นางสร้อยนิ่งเงียบไปชั่วครู่ อยากรู้ว่า ผู้ใดที่เพชรแรกไปหา แต่จะละลาบละล้วงมากไปก็มิดี เพราะครอบครัวของนางเองก็ทำการค้ามาช้านาน ผิว่าเพชรแรก ทำการค้ากับเครือข่ายที่นางรู้จักก็ดี นางรู้ว่าเพชรแรก ชื่อเพชรแรก หากแต่มิรู้ว่า มีความเป็นมาอย่างใด แต่ถ้ามิใช่ ประเดี๋ยวคนอีกฟากจักหาว่านางแย่งลูกค้า จึงมิได้ไต่ถาม รอสนิทกว่านี้เสียก่อนเถิด แต่ที่รู้ เพชรแรกจักไปเทวาลัยบนภูที่อู่ทอง นางสร้อยเห็นว่า คนชมพูทวีปที่เข้ามา มีไม่น้อยที่นับถือสมณโคดม เรือของเพชรแรกบ่งบอกว่ามาจากเมืองปัทมะที่นับถือพุทธะที่ต่างไปจากนครไชยศรี เพชรแรกคงเป็นชาวชมพูทวีปสายอารยันที่ยังคงนับถือมหาเทพอยู่เป็นแน่ น่าเสียดายนัก
“พวกเรานับถือพุทธะ แต่ก็ยังนับถือผี ฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจพราหมณ์ เพราะพวกเขากระทำพิธีบางอย่างภายในวัง เรามิรู้ดอก หากแต่เป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าเมืองท่านนับถืออยู่ด้วยกัน”
