บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

“เมียพี่ขี้แงจัง” คำแซวของภามยิ่งทำให้รุ้งไพลินอยากร้องไห้ เพราะถึงวันเดินทางจริงๆ แบบนี้แล้วเธอก็รู้สึกหวิวๆ อย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ยังดีที่มีภามอยู่ใกล้ๆ ทั้งสี่เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงโรมของอิตาลี โดยใช้เวลาเดินทางสิบกว่าชั่วโมงบนเครื่องบินกระทั่งถึงสนามบินโรม ฟูมิซิโน โดยมีโทมัสโซ่มารอรับเจ้านายโดยไม่รู้เลยว่าภัสสรจะมาด้วย

“สวัสดีครับเจ้านาย สวัสดีครับคุณรุ้ง” โทมัสโซ่เอ่ยทักขึ้นก่อนพร้อมทั้งเอื้อมมือไปรับกระเป๋าจากภามมาถือไว้ ส่วนลูกน้องอีกคนเข้าไปเข็นรถขนกระเป๋าแทนเจ้านายอย่างรู้งาน

“สบายดีไหมโทมัส” ผู้เป็นนายเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“สบายดีครับ”

“ได้ข่าวว่าวันนั้นมีคนบึ่งรถจากหัวหินมาส่งนายที่สนามบิน”

“ครับ” โทมัสโซ่เอ่ยรับตรงๆ เพราะภามต้องรู้อยู่แล้ว ก่อนจะถามถึงบุษบา “คุณบุษบาไม่ได้กลับมาพร้อมเจ้านายเหรอครับ”

“มาสิ...นู้นไง” พูดจบภามกับรุ้งไพลินก็ขยับหลีกทางให้ โทมัสโซ่มองตรงไป เขาเห็นบุษบาแล้ว แต่สายตากลับจับจ้องไปที่คนข้างๆ ซึ่งกำลังพยุงบุษบาอยู่ตอนนี้อย่างไม่วางตา เขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม

“คุณน้ำ!” กระเป๋าของภามที่โทมัสโซ่ถืออยู่ในมือร่วงลงพื้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาคนรัก เพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นเธอที่นี่ ตอนนี้และเวลานี้

“อ้าวๆ พอเห็นคนรักนี่ทิ้งกระเป๋าเจ้านายกันทันทีเลยใช่ไหมโทมัส”

“พี่ภามละก็” รุ้งไพลินเอ็ดสามีเบาๆ ลูกน้องอีกคนที่ทำหน้าที่เข็นรถขนกระเป๋าอยู่ก่อนรีบเดินเข้ามาหยิบกระเป๋าของภามที่ร่วงลงจากมือของโทมัสโซ่เมื่อครู่ทันที บุษบาเดินมาหาลูกชายและลูกสะใภ้ เพราะอยากให้หนุ่มสาวอย่างโทมัสโซ่และภัสสรอยู่กันตามลำพัง เพราะรู้จากภามว่าคู่นี้กำลังคบหากันอยู่ ภาม รุ้งไพลินและบุษบาจึงกลับออกไปจากสนามบินก่อน ปล่อยให้คนมีความรักเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

โลกทั้งใบคล้ายกำลังหยุดหมุนไปชั่วขณะ โทมัสโซ่ยืนสบตาภัสสรกลางสนามบินและท่ามกลางสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่ไม่เข้าใจว่าทั้งสองกำลังทำอะไรกัน ชายหนุ่มค่อยๆ ยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอประหนึ่งกลัวว่านี่จะเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น เพียงแค่ได้สัมผัสผิวแก้มนวลเนียนเบาๆ สติของโทมัสโซ่ก็กลับมาเต็มร้อย

“คุณน้ำ!” แต่ถึงอย่างนั้นโทมัสโซ่ก็ยังเอ่ยเรียกภัสสรอีกครั้ง ก่อนจะรั้งมือเล็กๆ ทั้งสองข้างของเธอมากุมไว้

“น้ำเองค่ะ” รอยยิ้มหวานๆ ของภัสสรเกิดขึ้น คุ้มแล้วที่ตัดสินใจบินมาหาโทมัสโซ่ถึงที่นี่ เพราะเขาดูมีความสุขมาก รวมถึงเธอเองก็ด้วย

“มาได้ยังไงครับ”

“นั่งเครื่องมาค่ะ” คนอยากแกล้งเอ่ยตอบหน้าตาย

“ไม่ใช่ ผมหมายถึงทำไมถึงมาที่นี่ได้”

“ยายรุ้งชวนน่ะค่ะ พอดีว่าง น้ำก็เลยมา” ภัสสรเอ่ยชื่อรุ้งไพลินมาเป็นข้ออ้าง เพราะไม่ยอมบอกโทมัสโซ่ว่าเธอตัดสินใจมาที่นี่เอง

“ถ้าคุณรุ้งไม่ชวน คุณจะมาหาผมไหม”

“ไม่”

“ใจร้าย” สีหน้าและแววตาของโทมัสโซ่นั้นดูจะผิดหวัง ภัสสรจึงไม่อยากแกล้งให้เขาใจแป้วมากไปกว่านี้

“ล้อเล่นนะคะ บอกให้ก็ได้ว่า น้ำคิดถึงคนแถวนี้ก็เลยมาหา” สิ่งที่ได้ยินจากภัสสรทำให้โทมัสโซ่ยิ้มกว้าง ก่อนจะเรียกชื่อเธอแล้วอุ้มตัวขึ้นหมุนไปมารอบๆ

“คุณน้ำ”

“นี่คุณ...ปล่อยน้ำนะคะ อายเขา” ภัสสรคล้องแขนเกี่ยวรัดรอบลำคอโทมัสโซ่แน่น เพราะกลัวจะตก ปากก็บอกให้เขาปล่อย

“คนที่นี่เขาแสดงความรักเปิดเผยครับ”

“ไม่เอา น้ำอาย” คนพูดอายจริงๆ เพราะใบหน้าหวานตอนนี้ร้อนผ่าวไปหมดแล้ว โทมัสโซ่ยอมปล่อยภัสสรลง ก่อนจะหอมแก้มแดงๆ ของเธอไปฟอดใหญ่อย่างคิดถึง และทำโทษที่มาหาแล้วไม่ยอมบอกล่วงหน้า ภัสสรก็ฟ้อนเล็บหยิกชายหนุ่มไปสุดแรงที่ทำให้เธออายกลางสนามบิน ก่อนที่ทั้งคู่จะจูงมือกลับออกไปจากสนามบิน

เมื่อมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลอันเนซิโอ ภัสสรรู้ได้ทันทีว่ารุ้งไพลินจะอยู่ที่นี่อย่างสุขสบายไม่แพ้ที่เมืองไทยอย่างแน่นอน รุ้งไพลินยังให้คนจัดห้องรับรองแขกไว้ให้เพื่อนสาวได้พัก เมื่อเห็นภามอยู่ตามลำพังโทมัสโซ่จึงเข้าไปคุยธุระ

“เจ้านายครับ ผมขอลาพักร้อนสักหนึ่งอาทิตย์นะครับ” เหตุผลของการลาพักร้อนในครั้งนี้ เพราะโทมัสโซ่อยากใช้เวลาอยู่กับภัสสรนั่นเอง

“ไม่อนุมัติ”

“เจ้านาย” สีหน้าของโทมัสโซ่ดูผิดหวัง แต่ภามกลับยิ้มชอบใจ

“นี่ผิดหวังมากขนาดนั้นเลยเหรอที่ฉันไม่ให้ลาพักร้อน” ถามไปแต่ภามก็ไม่ได้คำตอบใดๆ เพราะโทมัสโซ่ยืนนิ่งอยู่

“ฉันอำแกเล่นนะโทมัส ใครจะไปใจดำไม่ให้แกลาได้ ขืนทำแบบนั้นเมียฉันโกรธกันพอดี จริงไหม”

“จริงครับ”

“ทีอย่างนี้พูดได้เชียวนะ” ภามยืนเท้าสะเอวมองหน้าลูกน้องคนสนิท

“ขอบคุณนะครับเจ้านายที่ให้ผมลาพักร้อน” โทมัสโซ่รีบเอ่ยรับทันทีเพราะกลัวภามจะเปลี่ยนใจ เจ้านายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าให้กับความกะล่อนไม่แพ้ใครของลูกน้อง ที่เป็นทั้งลูกน้อง ทั้งเพื่อน ภายนอกดูเคร่งขรึม แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วโทมัสโซ่เป็นผู้ชายขี้เล่นแค่ไหน แต่ถ้าได้บทโหดก็โหดชนิดลูกน้องพากันเกรงไปเป็นแถวๆ

คืนนั้นโทมัสโซ่อยู่ร่วมโต๊ะกับทุกคนที่คฤหาสน์ของตระกูลอันเนซิโอ แต่พอทานอาหารเย็นเสร็จชายหนุ่มก็พาภัสสรไปเดินเล่นในตัวเมืองที่ยังคงมีกลิ่นอายของยุคโรมันหลงเหลืออยู่ทั่วทุกมุม ความอบอุ่นของเมืองเก่าผสมกับอุณหภูมิที่ตอนนี้เริ่มเย็น เพราะใกล้จะเข้าฤดูหนาวยิ่งทำให้ทุกอย่างรอบตัวโรแมนติกยิ่งขึ้น คู่รักหนุ่มสาวหลายต่อหลายคู่เดินชมเมืองและหนึ่งในนั้นคือคู่ของโทมัสโซ่กับภัสสร

“พรุ่งนี้น้ำไปพบแม่ผมนะครับ”

“พบแม่คุณ จะดีเหรอคะ” สีหน้าของภัสสรดูตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เธอยังไม่พร้อมพบกับแม่ของโทมัสโซ่ตอนนี้ ยังไม่พร้อมด้วยประการทั้งปวง

“ทำไมจะไม่ดี น้ำจะได้รู้ว่าผมจริงใจ”

“แต่น้ำกลัวว่าท่านจะไม่ชอบน้ำ” นี่คือสิ่งที่ภัสสรกลัวที่สุด แต่โทมัสโซ่กลับยิ้มให้

“ไม่ไปแล้วจะรู้ได้ยังไงครับว่าแม่ผมจะไม่ชอบฮันนี่”

“ฮันนี่?” แววตากลมโตเอ่ยทวนสิ่งที่ได้ยิน อันที่จริงเคยได้ยิน โทมัสโซ่พูดแบบนี้หลายครั้งแล้วตอนคุยโทรศัพท์กัน แต่พอมาได้ยินชัดๆ กับตัวแบบนี้ก็เล่นเอาเธอเขิน แต่โทมัสโซ่กลับตีความหมายไปอีกทางคิดว่าเธอไม่ชอบสรรพนามที่เขาใช้เรียก

“ใช่...ฮันนี่ ไม่ชอบเหรอครับที่ผมเรียกคุณแบบนี้ งั้นผมเปลี่ยนเป็นดาร์ลิ้ง มายเดียร์ มายเลิฟ”

“พอๆ แล้วค่ะ ฮันนี่ก็พอ”

“แล้วน้ำไม่คิดจะเรียกผมแบบนี้บ้างเหรอ” แววตาเจ้าเล่ห์เอ่ยถาม ภัสสรส่ายหน้านำไปก่อนทันที

“ไม่ค่ะ เขิน เรียกคุณว่าโทมัสน่ะดีแล้ว” สาวเจ้าบอกปัด เพราะเธอไม่มีทางเรียกโทมัสโซ่ด้วยศัพท์แบบนี้เด็ดขาด

“แต่คำว่าฮันนี่นี่ใช้เรียกตอนอยู่กันสองคนได้ไหมคะ คือน้ำอาย ถ้าคุณเรียกต่อหน้าคนเยอะๆ”

“อืมม์...ผมขอคิดก่อน”

“บ้า” คนขี้อายส่งค้อนให้โทมัสโซ่ไปวงใหญ่ ก่อนจะแอบกลุ้มใจเรื่องที่ต้องไปพบแม่ชายหนุ่มวันพรุ่งนี้ เพราะคิดว่าเร็วไปนั่นเอง

“คุณโทมัส คือพรุ่งนี้”

“ไปเถอะครับ ไม่มีอะไรน่าห่วง” ขณะพูดโทมัสโซ่ก็กระชับมือที่กุมมือของภัสสรให้แน่นขึ้น

“ค่ะ...น้ำเชื่อใจคุณ” รอยยิ้มหวานๆ จากภัสสรถูกส่งมาให้คนรัก แต่ลึกๆ ก็ยังหวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะประสบการณ์เรื่องความรักแบบงูๆ ปลาๆ ที่ผ่านมาแทบจะไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าพอที่จะชวนเธอไปพบคนในครอบครัวพวกเขาเลย มีแต่จะบ่ายเบี่ยงด้วยซ้ำไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel