บทที่ 3
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เดี๋ยวไม่สบาย”
“ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมจะไม่ค่อยสบายจริงๆ” พูดจบก็ยกมือขึ้นวางทาบหน้าผากตัวเอง แต่ภัสสรก็ยังรู้ทัน
“อะไร เมื่อกี้ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะไม่สบายเลย”
“หัวใจผมเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะ อยากให้น้ำมาดูแล” ขณะพูดโทมัสโซ่ก็ออดอ้อนด้วยหน้าตาที่พยายามทำให้น่าสงสารเข้าไว้ พร้อมกับยกมืออีกข้างขึ้นมากุมหัวใจตัวเองอีกต่างหาก
“น่าสงสารจริงๆ” ภัสสรส่ายหน้าให้ชายหนุ่มที่เล่นละครแกล้งป่วยได้สมจริงเสียเหลือเกิน
“ใช่...ผมน่าสงสาร”
“ยื่นหน้ามาใกล้ๆ โทรศัพท์สิคะ” โทมัสโซ่ทำตามที่คนรักบอก ภัสสรจึงจูบชายหนุ่มผ่านโทรศัพท์ไป แค่จูบผ่านโทรศัพท์ไม่ได้จูบตรงๆ กับเจ้าตัวก็ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวแดงซ่านขึ้นมาในทันที หัวใจเต้นรัวประหนึ่งจูบโทมัสโซ่ตัวเป็นๆ ก็ว่าได้
“ขอของจริงได้ไหมครับ” ชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน อ้อนภัสสรไปก็เขินตัวเองไป เพราะโตป่านนี้ยังทำเหมือนเด็กๆ ร้องขอความรัก แต่ใจนั้นกลับมีความสุข
“ส่งประตูข้ามมิติมาสิ เดี๋ยวน้ำไปหา”
“ส่งไปหาแล้วครับ” สิ่งที่โทมัสโซ่ส่งมาให้ภัสสรไม่ใช่ประตูข้ามมิติ แต่คือจูบจากชายหนุ่มนั่นเอง ทำเอาหญิงสาวขัดเขินเข้าไปใหญ่ที่ต่างฝ่ายก็ต่างผลัดกันจูบไปมาผ่านโทรศัพท์แบบนี้ คุยไปมือก็บีบหมอนอิงแก้เขินไป สงสัยเธอคงห่างเหินความรักมานานถึงได้ออกอาการมากมายได้ขนาดนี้ ก่อนที่ภัสสรจะตั้งสติเอ่ยเปลี่ยนเรื่องซะเลย ไม่งั้นเธอไม่เป็นอันได้ทำอะไรแน่
“อยากได้อะไรที่เมืองไทยไหมคะ น้ำจะได้ฝากคุณภามไปให้”
“คุณ” น้ำเสียงและแววตาของโทมัสโซ่นั้นจริงจังมาก เพราะเขาอยากเห็นภัสสรมาที่อิตาลีพร้อมเจ้านายจริงๆ แต่ถ้าเขาขอให้เธอมาตรงๆ ก็กลัวหญิงสาวจะปฏิเสธจึงไม่กล้า เพราะรู้ว่าเธอมีภาระหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง เขาจะเอาเรื่องส่วนตัวไปกวนใจเธอก็ใช่ที่ เขาเองก็ไม่ว่าง ทั้งๆ ที่อยากบินไปสบตาหวานๆ คู่สวยใจจะขาด
“ทะลึ่ง! น้ำไม่คุยด้วยแล้ว” คำตอบของโทมัสโซ่ยิ่งทำให้ภัสสรอายเข้าไปใหญ่
“คิดถึงนะครับ”
“คิดถึงเหมือนกัน ดูแลตัวเองนะคะ แล้วก็อย่าลืมโกนหนวดด้วย”
“ครับ...ฮันนี่” โทมัสโซ่เอ่ยรับ แต่ประโยคตอบรับของชายหนุ่มก็ทำเอาภัสสรเขินอีกจนได้ ทั้งคู่คุยกันอีกเป็นชั่วโมงๆ ก่อนที่ภัสสรจะหลับทั้งๆ ที่ไม่ได้กดวางสาย เพราะเวลาที่ไทยกับอิตาลีห่างกันอยู่หลายชั่วโมง เวลาที่ไทยตอนนี้น่าจะตีสองกว่าๆ ซึ่งที่อิตาลีเพิ่งจะสองทุ่ม โทมัสโซ่นั่งมองภาพใบหน้าของภัสสรยามที่เธอหลับใหล ก่อนจะจูบเธอผ่านโทรศัพท์ “ราตรีสวัสดิ์ ฮันนี่ของผม” จากนั้นจึงกดวางสายไป
วันรุ่งขึ้นรุ้งไพลินไปหาภัสสรที่บริษัทของเพื่อนสาวอีกครั้ง ซึ่งตั้งใจมาให้ตรงกับเวลาพักเที่ยงจะได้มีข้ออ้างชวนเพื่อนไปข้างนอก จะได้ไม่กวนเวลางานของภัสสร และเมนูวันนี้ก็เป็นเมนูเช่นเดียวกับเมื่อวาน
“ตกลงแกจะกินให้มันหายอยากไปเลยใช่ไหมเนี่ย”
“ใช่” รุ้งไพลินยิ้มรับ ก่อนจะเข้าประเด็นของวันนี้ “น้ำ...แกไปอิตาลีพร้อมฉันไหม”
“ขอคิดดูก่อน”
“ทำไมต้องคิด แกไม่อยากเจอโทมัสเหรอ”
“ก็พักนี้ยุ่งๆ กับงาน” ใช่ว่าภัสสรไม่อยากไป เธอคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไปอิตาลีพร้อมกับรุ้งไพลินและภาม แต่วันนี้เพื่อนรักชิงถามซะก่อนจึงแกล้งเฉไฉไปอย่างนั้นเอง
“รีบเคลียร์สิจ๊ะเพื่อน จะได้ไปพร้อมกันนะ ถือซะว่าไปพักผ่อน ป๊ากับม๊าแกไม่ว่าหรอก นานๆ ลูกสาวจะไปเที่ยวพักสมอง”
“แต่ว่า...” ภัสสรจะแกล้งค้าน แต่รุ้งไพลินที่กลัวเพื่อนไม่ไปก็เอ่ยขอ
“แค่อาทิตย์เดียวก็ยังดี ฉันกับพี่ภามอยากให้แกไปด้วยจริงๆ นะ โทมัสเองก็คงอยากเจอแกม๊ากมากแน่” ว่าที่คุณแม่ส่งแววตาวิงวอนแบบสุดๆ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ภัสสรอยากแกล้ง
“ขอคิดดูก่อน แต่ระหว่างที่ฉันคิด แกห้ามบอกเรื่องนี้กับโทมัสนะ”
“ทำไมล่ะ”
“เผื่อฉันไปไม่ได้ เขาจะได้ไม่ต้องรอเก้อ”
“ซะงั้น” สีหน้าของรุ้งไพลินออกแนวผิดหวังที่ชวนภัสสรไม่สำเร็จ
“กินค่ะเพื่อน กินไปเยอะๆ” ขณะพูดภัสสรก็ตักอาหารใส่จานให้รุ้งไพลินจนพูนจาน เพื่อไม่ให้เพื่อนซักไซ้ในเรื่องนี้ต่อ เพราะใจเธอนั้นก็คิดที่จะเดินทางไปอิตาลีพร้อมกับรุ้งไพลินอยู่แล้ว เพียงแค่ยังไม่ได้บอก รอให้ใกล้วันเดินทางค่อยพูด
ช่วงนี้จึงอยู่เคลียร์งานดึกๆ ดื่นๆ ทุกวัน เพราะรักจึงคิดถึง นั่นทำให้เธออยากไปพบโทมัสโซ่ ยิ่งคิดว่าใกล้วันที่จะได้พบหน้าชายหนุ่มยิ่งทำให้เธอมีพลังทำนั่นทำนี่ได้ตั้งหลายอย่าง หัวใจพองโตจนอิ่มเอมใจ มองโลกเป็นสีชมพูไปเสียหมด รักที่ตัวอยู่ไกลกันแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ เพราะนั่นทำให้มีแต่คิดถึงและมีเรื่องนั่นนี่มาคุย มาเล่าสู่กันฟังได้อย่างไม่รู้เบื่อ
ทั้งภามและรุ้งไพลินต่างลุ้นตัวโก่งว่าภัสสรจะตัดสินใจไปอิตาลีพร้อมทั้งคู่หรือไม่ไป เพราะนี่ก็ใกล้วันเดินทางมาทุกขณะ แต่ภัสสรก็ยังนิ่งไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ทำเอาว่าที่คุณแม่กระวนกระวายจนนั่งไม่ติดที่ ภามต้องเดินไปรั้งตัวรุ้งไพลินให้นั่งบนเก้าอี้ เพราะเกรงเธอจะเดินมากไป
“ใจเย็นๆ สิที่รัก ช่วงนี้คุณน้ำอาจยุ่งอยู่กับงานจนไม่ได้คิดเรื่องนี้ อีกอย่างต่อให้ไม่ไปพร้อมเราวันมะรืนแต่คุณน้ำก็บินไปอิตาลีคนเดียวได้”
“แต่รุ้งอยากให้น้ำไปพร้อมเรานี่คะ”
“พี่รู้แต่ถ้าคุณน้ำไม่สะดวกจริงๆ ก็ต้องรอ”
“ค่ะๆ รอก็รอ” รุ้งไพลินเอ่ยรับ แต่สองสามีภรรยาคุยกันไม่เท่าไหร่ภัสสรก็มาหาคนทั้งคู่ พร้อมกับบอกข่าวที่รุ้งไพลินอยากฟังว่าเธอจะไปอิตาลีด้วย แต่กว่าจะยอมบอกภัสสรก็เล่นตัวให้เพื่อนรักลุ้นอยู่ตั้งหลายวัน ก่อนจะกำชับห้ามไม่ให้ภามและรุ้งไพลินบอกเรื่องนี้ให้โทมัสโซ่รู้ ซึ่งทั้งสองก็รับปากเป็นอย่างดี
กระทั่งถึงวันเดินทาง รุ้งไพลินมีรณรุตพี่ชาย ดลยาพี่สะใภ้และหลานชายตัวน้อยที่อายุได้สามเดือนเศษมาส่งที่สนามบิน รณรุตไม่จำเป็นต้องเอ่ยฝากฝังภามให้ดูแลน้องสาวแบบนั้นแบบนี้ให้มากมายนัก เพราะเพียงแค่มองตาก็รู้ว่าภามนั้นสามารถดูแลรุ้งไพลินได้ด้วยชีวิต แม้จะไม่อยากให้รุ้งไพลินไปอยู่ไกลตา แต่นี่คือชีวิตที่น้องสาวได้ตัดสินใจเลือกเดิน รณรุตเองก็เคารพในการตัดสินใจนั้น แม้จะอยู่ห่างกัน แต่ไปมาหาสู่เมื่อไหร่ก็ได้ถ้าต้องการ
ดลยาบอกให้น้องสามีดูแลตัวเองดีๆ แม้ก่อนหน้านี้ทั้งคู่จะไม่ค่อยถูกกัน เพราะตั้งแต่ท้องดลยาก็มีอารมณ์ที่แปรปรวน เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงจนรุ้งไพลินเข้าหน้าไม่ติด และเป็นคนขอให้รุ้งไพลินไปทำงานที่อิตาลีแทนรณรุตสามี แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่ว่านั้นได้จางหายไปหมดแล้ว จะว่าไปถ้าไม่มี ดลยา รุ้งไพลินอาจไม่ได้พบกับภามจนได้รักและแต่งงานกับชายหนุ่มจนมีครอบครัวที่น่ารักและสมบูรณ์แบบอย่างทุกวันนี้ก็เป็นได้ เธอต้องขอบคุณดลยาถึงจะถูก รุ้งไพลินกับรณรุตยืนกอดกันเพื่อลา ก่อนที่คนเป็นน้องจะผละออกจากอ้อมกอดพี่ชายแล้วเอ่ยขึ้น
“ถึงแล้วรุ้งจะโทร.หานะคะพี่รุต”
“ได้...เดินทางปลอดภัยนะ”
“อาไปก่อนนะคะน้องเบส โตไวๆ นะคะหลานรัก” พูดจบก็โน้มตัวลงไปหอมแก้มยุ้ยๆ ของหลานชายที่ตอนนี้หลับปุ๋ยในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่
“ดูแลตัวเองดีๆ นะคะน้องรุ้ง” ดลยาเอ่ยขึ้นเช่นกัน เพราะกว่าจะได้พบกันอีกครั้งคงตอนที่รุ้งไพลินคลอดลูก
“ค่ะ...พี่เอมก็ดูแลตัวเองดีๆ ดูแลลูก และรุ้งฝากพี่รุตด้วยนะคะ”
“ได้จ้ะ” พี่สะใภ้กับน้องสามียิ้มให้กัน เมื่อใกล้ได้เวลาเข้าไปยังอาคารผู้โดยสารขาออก ภัสสรเดินจูงมือเข้าไปก่อนพร้อมบุษบาแม่ของภาม รุ้งไพลินเข้าไปสวมกอดรณรุตอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปด้านในพร้อมภามแต่ก็ไม่วายหันกลับมามองพี่ชาย พี่สะใภ้ และหลานอยู่บ่อยครั้ง แอบปาดน้ำตาปอยๆ ภามกระชับอ้อมกอดภรรยาพร้อมส่งยิ้มให้
