ทวงรักเจ้าพ่อมาเฟีย

96.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
62
บท
9.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ทั้งๆ ที่เธอก็เป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาของเขา เป็นแค่ของเล่นที่ไร้จิตใจ เป็นแค่ของเล่นที่รอวันถูกเขี่ยทิ้งเหมือนชิ้นอื่นๆ แต่ทำไมของเล่นชิ้นนี้ ถึงได้ถูกหยิบมาเป็นของจริง เธอมีอะไรดีกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ อย่างนั้นหรือ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักบอดี้การ์ดประธานมาเฟียพระเอกเก่งฟินๆโรแมนติกรักหวานๆ

บทที่ 1

ใบหน้าหวาน นั่งอมยิ้มยามมองแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย เพราะนี่คือของแทนใจระหว่างเธอ

กับคนรัก แม้จะหลวมแต่เธอก็ยังหาด้ายมาพันกับแหวนจนใส่ได้พอดีนิ้ว เนื่องจากมีพ่อสื่อและแม่สื่อสองสามีภรรยาที่ชื่อภามและรุ้งไพลิน อันเนซิโอ ทำให้ โทมัสโซ่ จิลาร์ดิเย่ หนุ่มอิตาลีผู้หล่อเหลา นัยน์ตาสีฟ้าลูกน้องคนสนิทของภามหลงรักกับสาวไทยเชื้อสายปักษ์ใต้ตาคม ผิวสีน้ำผึ้งอย่างภัสสร ชยานนท์ เพื่อนสนิทของ รุ้งไพลิน

แม้ความรักครั้งนี้จะเริ่มต้นเพราะความลังเลและไม่เชื่อมั่นในคำว่ารักของภัสสรเอง เนื่องจากเธอเจ็บปวดกับความรักที่ไม่สมหวังมาหลายต่อหลายครั้ง จึงปิดประตูหัวใจไม่คิดรับใครเข้ามาอีก ไม่อยากเสียเวลาเริ่มต้นศึกษาใครใหม่ ไม่อยากสร้างภาพเพื่อให้ผู้ชายมารัก และที่สำคัญไม่อยากรักใครจนตัวเองเจ็บช้ำ หากรู้ว่าใครหวังตีสนิทเพื่อคิดจะจีบ ภัสสรจะตั้งกำแพงสูงหลายเมตรปิดกั้นทันที

จนกระทั่งเธอได้พบกับโทมัสโซ่ แม้เริ่มแรกทุกครั้งที่พบหน้า ชายหนุ่มมักจะชวนเธอทะเลาะ หรือไม่ก็ชวนไปทานข้าวเสมอ จนภัสสรคิดว่าเธอเป็นเพื่อนกินของชายหนุ่ม หิวไม่หิวเขาเป็นต้องชวนเธอไปหาอะไรทานด้วยกันตลอด ความเป็นกันเองของโทมัสโซ่คือเสน่ห์ที่ภัสสรไม่เคยพบจากผู้ชายคนไหนมาก่อน ที่สำคัญไม่คิดว่าเขาจะจีบจึงไม่ได้ตั้งกำแพงหัวใจขัดขวางอย่างที่เคยทำ

เธอพลาดเองจึงไม่รู้เลยว่าโทมัสโซ่ค่อยๆ เข้ามากุมหัวใจไว้เสียทุกห้อง แต่ภัสสรก็ยังใจแข็งปฏิเสธความรู้สึกที่ว่านั่นมาตลอด สั่งใจว่าไม่ได้คิดอะไรกับชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าคนนี้ทั้งสิ้น กระทั่งหลังวันแต่งงานของภามและรุ้งไพลิน โทมัสโซ่ตัดสินใจจะกลับอิตาลี วันที่เขาต้องออกเดินทางและไม่รู้ว่าจะได้พบกันเมื่อไหร่ ความรู้สึกว่ารักบีบคั้นหัวใจของภัสสรจนต้องขับรถจากหัวหินไปหาชายหนุ่มที่สนามบิน เพื่อตามหัวใจอีกครึ่งดวงทันที

“ฉันรักคุณได้ยังไงกันนะ” ภัสสรเอ่ยถามตัวเองด้วยรอยยิ้ม รักได้ยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้เธอรักโทมัสโซ่จริงๆ ยังจำได้ถึงวันที่เธอนั้นวิ่งวุ่นหาตัวชายหนุ่มทั่วสนามบินไปหมด เพราะตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะลองเสี่ยงกับความรักครั้งนี้ดูสักตั้ง เป็นไงเป็นกัน แต่รถที่ติดขัดบนท้องถนนก็ทำให้หญิงสาวร้อนใจจนแทบอยากจะวิ่งไปแทน นั่นทำให้เธอเสียเวลามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เมื่อจอดรถได้ก็รีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มในอาคารผู้โดยสารทันที ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามากเสียจนภัสสรไม่รู้ว่าจะไปหาโทมัสโซ่ได้ที่ไหน ความร้อนใจทำให้เธอร้องไห้ออกมา เฝ้าภาวนาให้พบชายหนุ่มอย่างสิ้นหวัง

“โทมัส คุณอยู่ที่ไหน” ภัสสรหันซ้ายหันขวามองหาอย่างไร้หนทางผ่านม่านน้ำตา เพราะคิดว่าจะไม่ได้พบชายหนุ่มอีกแล้ว ก่อนจะตัดสินใจวิ่งหาแทนการเดิน สายตาจับจ้องหาแต่โทมัสโซ่ เวลาเดินทางของชายหนุ่มกระชั้นชิดเข้ามามาก มากจนบีบหัวใจเธอให้เต้นรัว ภัสสรอ่อนแรงถึงขนาดทรุดตัวนั่งร้องไห้กับพื้นสนามบินชนิดไม่อายสายตาใครทั้งนั้น เพราะถอดใจว่าคงไม่ได้พบโทมัสโซ่อีกแล้ว แต่โชคชะตากลับไม่ได้โหดร้ายกับเธอจนเกินไปนัก เมื่อคนที่ภัสสรอยากพบเดินตรงเข้ามาหาคนที่กำลังนั่งร้องไห้

“คุณน้ำ”

“โทมัส...คุณจริงๆ ด้วย” ไม่มีสิ่งใดที่ภัสสรจะดีใจไปมากกว่านี้แล้ว เธอโผลุกขึ้นกอดชายหนุ่มไว้แน่น ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอด

“นี่คุณจริงๆ ใช่ไหม ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”

“ผมจริงๆ” โทมัสโซ่เช็ดน้ำตาให้เธอ คิดไม่ถึงว่าจะเห็นภัสสรมาที่นี่ในตอนนี้ “คุณมาหาผม”

“อื้อ...ฉัน” ภัสสรไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ หญิงสาวเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบโทมัสโซ่แทนคำพูดมากมายของหัวใจ ทำเอาบรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนจากเศร้าเป็นหวานในทันทีทันใด พยานจำเป็นที่มองทั้งคู่อยู่ต่างหน้าแดงซ่านขัดเขินกับฉากจูบที่ได้เห็น เมื่อถอนจูบออกภัสสรจึงเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยโทนเสียงสั่นๆ

“คุณสัญญาว่าต้องกลับมา...ได้ไหม”

“ผมจะกลับมา” เสียงทุ้มๆ ของโทมัสโซ่เอ่ยรับอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาบอกเธอไปแล้วไม่ใช่แค่จะกลับมา เพราะไม่ว่ายังไงเขาต้องกลับมาให้ได้ต่างหาก

“ฉันจะรอคุณที่นี่” รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าของภัสสร

“ผมจะกลับมา ผมจะกลับมาหาดวงใจของผม”

“ฉันจะรอ” นั่นคือคำมั่นที่ภัสสรสามารถเอ่ยได้ในตอนนี้ เป็นคำมั่นสัญญาที่ออกมาจากใจเธอทั้งสิ้น นั่นทำให้หัวใจของโทมัสโซ่พองโต ก่อนจะถอดแหวนวงเกลี้ยงที่สวมติดนิ้วออกมาสวมให้เธอ เขาสัญญาว่าจะให้แหวนที่พอดีนิ้วและมีค่ามากกว่านี้ในครั้งหน้าที่พบกัน

“ผมรักคุณ”

“ฉันก็รักคุณ” เมื่อคนปากแข็งเลิกปากแข็ง จึงได้รับจูบหวานๆ จากโทมัสโซ่เป็นรางวัลอีกครั้ง แต่การจากลาหลังจากได้พบกันก็ทำให้ภัสสรเสียน้ำตาจนได้ ทั้งๆ ที่บอกตัวเองให้เข้มแข็งแล้วแท้ๆ ภัสสรยืนส่งยิ้มให้โทมัสโซ่ เธอจะเฝ้ารอชายหนุ่ม จะลองเชื่อในความรักครั้งนี้ดูอีกสักครั้ง

ด้วยความที่นั่งเหม่อคิดถึงคนรักทำให้ภัสสรไม่รู้ตัวว่ารุ้งไพลินมาหา ว่าที่ผู้บริหารสาวที่ตอนนี้กำลังเรียนรู้งานเพื่อขึ้นเป็นผู้บริหารธุรกิจด้านส่งออกอาหารทะเลของครอบครัวเต็มตัวในอนาคตอันใกล้ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนสนิท

“อะแฮ่ม…นั่งเหม่อคิดถึงโทมัสอยู่หรือจ๊ะเพื่อน”

“อุ๊ย!...ยายรุ้ง ฉันตกใจหมด” ภัสสรเปลี่ยนท่าทีแต่ก็คงไม่ทันเสียแล้ว ก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง

“แวะมาหาถึงที่บริษัทมีอะไรหรือเปล่า”

“แน่ะ...มีเปลี่ยนเรื่อง” แต่คนอย่างรุ้งไพลินก็รู้ทัน

“ไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง ตกลงมีอะไรให้ช่วยจ๊ะว่าที่คุณแม่”

“จะชวนไปหาอะไรกิน”

“อ้าว...แล้วพี่ภามของแกล่ะ” ขณะพูดก็ชะเง้อมองหาคนรักของเพื่อน

“ไม่ว่าง”

“หืม...ไม่ว่างได้ยังไง เห็นตัวติดกับแกเป็นตังเม”

“ก็...ฉันอยากกินส้มตำปูปลาร้ารสแซ่บๆ แต่พี่ภามเขากินของพวกนี้ไม่ได้ อย่างวันก่อนเขาตามใจฉันไปกินด้วยกัน แต่เห็นหน้าสามีแล้วก็สงสารที่ต้องฝืนกินของไม่ชอบ จะกินคนเดียวก็ไม่อร่อยเลยมาชวนแกนี่แหละ ไปกินเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะน้ำ นะ” ว่าที่คุณแม่ส่งแววตาขอร้องไปยังเพื่อนสนิท แต่ถึงรุ้งไพลินไม่ทำแววตาแบบนี้ ภัสสรก็ไปกินเป็นเพื่อนอยู่แล้ว

“ได้สิ”

“เห็นไหมลูก แม่บอกแล้วว่าน้าน้ำใจดีที่สุด” เมื่อได้ยินภัสสรเอ่ยรับปากรุ้งไพลินก็ลูบท้องที่ตอนนี้ยังมองไม่ออกเท่าไหร่ว่าเธอกำลังจะเป็นแม่คนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้วเอ่ยกับลูกที่กำลังโตอย่างเป็นตุเป็นตะ

“ย่ะ...” ภัสสรส่ายหน้าให้ว่าที่คุณแม่ ก่อนจะจูงมือกันออกไปหาอาหารอีสานรสถูกปากทาน ซึ่งรุ้งไพลินก็สั่งมาชนิดเต็มโต๊ะ ล้วนแต่เป็นอาหารรสจัดจ้านที่เธอแสนโปรดปรานทั้งนั้น ยิ่งเห็นท่าทางเอร็ดอร่อยของรุ้งไพลินที่ตักอาหารจานนั้นจานนี้เข้าปาก กินเก่ง ไม่มีอาการแพ้ท้องแบบนี้ ภัสสรก็ยิ้มอย่างมีความสุข

“อร่อย”

“หน้ากับแววตาแกบอกชัดกว่าคำพูดอีก” สิ่งที่ได้ยินทำให้รุ้งไพลินยิ้ม

“ต้องกินให้หายอยาก เพราะไปอยู่ที่นู้นไม่รู้จะได้กินอะไรแซ่บๆ แบบนี้ไหม ขอบอกอาหารไทยที่นั่นไม่ได้ครึ่งของร้านนี้ด้วยซ้ำ”