บทที่ 5
แม้จะเพิ่งคบหากับโทมัสโซ่ แต่ภัสสรกลับไว้ใจเขามากกว่าทุกคนที่เคยคบมา นั่นเพราะความจริงใจและเปิดเผยนี้ก็เป็นได้ ถึงจะเร็วไปจนตั้งรับไม่ทัน แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เวลาในการคบหาเสียเปล่าแล้วอยู่กับการคาดเดาสถานะความสัมพันธ์
ใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าแม่ของโทมัสโซ่จะเป็นคนยังไง จะดุหรือเปล่า ถ้าเกิดแม่ชายหนุ่มไม่ชอบเธอแล้วบอกให้เลิกกันโทมัสโซ่จะเลิกตามที่แม่เขาบอกไหม แต่พอรู้ว่าเธอคิดเองเออเองเป็นละครหลังข่าวก็ส่ายหัวให้เลิกคิดทันที หมอกเริ่มลงหนาโทมัสโซ่จึงกลับมาส่งภัสสรที่คฤหาสน์ของตระกูลอันเนซิโอ ก่อนกลับจึงจุมพิตหน้าผากมนหวังจะเลยไปยังริมฝีปากอิ่มเพื่อกล่าวราตรีสวัสดิ์ให้หายคิดถึง แต่กลับถูกภัสสรเอี้ยวตัวหลบซะนี่
“ทะลึ่ง...กลับบ้านไปได้แล้วค่ะ”
“คิสก่อนนอนไงครับ วันนั้นที่สนามบินเรายังจูบกันได้เลย” ขณะพูดโทมัสโซ่ก็แกล้งรั้งตัวภัสสรมาจูบ ซึ่งเธอก็ยื้อตัวเองไว้เต็มที่เหมือนกัน
“นั่นมันสถานการณ์บังคับ”
“ตอนนี้ก็บังคับ”
“ตรงไหน ดึกแล้วขับรถกลับบ้านดีๆ นะคะ” ภัสสรเอ่ยตัดบทเปลี่ยนเรื่องอย่างเร็ว ส่วนคนชอบแกล้งก็ยิ้มกริ่ม เพราะรู้ว่าเขาไม่มีทางชนะแน่ถ้าภัสสรไม่ยอมร่วมมือด้วย ที่สำคัญเขาไม่อยากให้เธอโกรธด้วย
“ครับ...พรุ่งนี้ผมจะมารับ แต่งตัวสวยๆ ไว้รอได้เลย”
“ถ้าไม่สวยล่ะคะ”
“ผมรู้ว่าน้ำใส่อะไรก็สวย” คำชมของโทมัสโซ่ทำให้คนฟังอมยิ้ม
“ชิส์...ปากหวาน ผู้ชายเจ้าชู้”
“เปล่า...ผมรักเดียวใจเดียว น้ำก็รู้”
“ไม่รู้ไม่ชี้ กลับได้แล้วค่ะ” ภัสสรหมุนตัวโทมัสโซ่ไปยังหน้าบ้าน ก่อนจะผลักแผ่นหลังของเขาให้เดินไปด้านหน้า
“ครับผม” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ก่อนจะขโมยหอมแก้มภัสสรไปฟอดใหญ่ จากนั้นก็รีบเดินไปยังรถที่จอดอยู่ ภัสสรยืนจับแก้มฝั่งที่ถูกขโมยหอมไป ก่อนจะแยกเขี้ยวให้ชายหนุ่มแล้วโบกมือลาให้โทมัสโซ่ตรงบันได
การพบกันของภัสสรและโทมัสโซ่ที่อิตาลีรอบนี้ ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุขที่เอ่อล้นจนคนรอบข้างรับรู้ได้ ความรักได้เบ่งบานขึ้นกลางหัวใจของคนที่คิดว่าจะไม่รักใครอีก ภัสสรเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมองความรักทำให้เธอยิ้มและหัวเราะได้ทั้งวัน โทมัสโซ่เองก็จริงจังกับรักครั้งนี้มาก เมื่อเห็นเขาขับรถออกไปแล้วจึงหมุนตัวกลับเข้าบ้าน แต่ต้องหยุดกึกเมื่อสบตารุ้งไพลินที่ยืนอมยิ้มตรงหน้า
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะเพื่อน”
“เปล่าสักหน่อย” คนมีความรักเฉไฉ แต่มีหรือจะรอดพ้นสายตาของรุ้งไพลินไปได้
“เหรอ”
“แก...พรุ่งนี้โทมัสเขาจะพาฉันไปเจอแม่เขา ทำไงดี” น้ำเสียงของภัสสรจริงจังมาก เพราะแค่คิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปพบใครอาการประหม่าก็เล่นงานจนมือไม้เย็นเฉียบ
“ก็ไปสิ”
“นี่ไม่คิดจะห้ามเพื่อนบ้างเหรอยะ ว่าที่คุณแม่”
“ไม่...แม่โทมัสต้องน่ารักเหมือนลูกชายเขานั่นแหละ แกจะกลัวทำไม” รุ้งไพลินอดขำท่าทางกังวลของภัสสรไม่ได้ จะว่าไปเธอก็เคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้วเหมือนกัน ตอนที่ภามแนะนำเธอให้พบกับบุษบาแม่ของชายหนุ่ม จำได้ว่าวันนั้นเธอทำตัวไม่ถูกไปพักใหญ่เหมือนกัน ก่อนจะค่อยๆ ปรับตัวได้
“ก็ไม่เคยไปเจอพ่อแม่ผู้ชายมาก่อนนี่นา กลัวทำตัวไม่ถูก”
“เป็นตัวแกเองน่ะดีแล้ว เท่าที่รู้จากพี่ภาม โทมัสเขาอยู่กับแม่แค่สองคน ถ้าไม่คิดจริงจังกับแก โทมัสคงไม่พาไปเจอแม่เขาหรอก”
“คุยอะไรกันครับสองสาว” เสียงของภามดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง เพราะเห็นรุ้งไพลินกับภัสสรยืนคุยกันอยู่นาน สีหน้าเพื่อนภรรยาก็ดูจะกังวลจึงเข้ามาถามไถ่ และคนที่หันไปตอบสามีคือภรรยานั่นเอง
“พรุ่งนี้โทมัสจะพาน้ำไปพบแม่น่ะค่ะ”
“ยายรุ้ง แกจะรีบบอกสามีไปถึงไหน” ยิ่งภามรู้ภัสสรก็ยิ่งอายมากขึ้น อายแบบไม่รู้สาเหตุด้วย พักนี้ไม่รู้เป็นอะไรเธอกลายเป็นคนขี้อาย ขัดเขินง่ายเหลือเกิน
“ก็ดีใจไง เพื่อนรักจะได้ออกเรือนสักที”
“บ้า!” คำแซวของรุ้งไพลินทำเอาใบหน้าของภัสสรร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“แม่โทมัสน่ารักครับ ชื่อป้าวิเวียน ทำสปาเก็ตตี้อร่อยมาก” ภามการันตีด้วยการยกนิ้วโป้งชมฝีมือการทำอาหารของวิเวียนแม่โทมัสโซ่
“รายนี้ของกินไม่ว่าอะไรก็อร่อยหมดแหละน้ำ” รุ้งไพลินหันมาแยกเขี้ยวเอ่ยล้อสามี ก่อนจะหันไปคุยกับภัสสรต่อ “ดึกแล้ว แกรีบขึ้นไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่สวย” ภัสสรส่ายหน้าให้รุ้งไพลิน ก่อนจะแยกตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อน ปล่อยให้สองสามีภรรยาพะเน้าพะนอออดอ้อนกันไป ภามลูบท้องที่ตอนนี้เริ่มนูนออกมานิดหน่อยของรุ้งไพลินอย่างรักใคร่
“ลูกพ่อก็ง่วงแล้วใช่ไหม งั้นเราสามคนไปนอนกันครับ” พูดจบก็ประคองรุ้งไพลินขึ้นไปพักผ่อนเช่นกัน ตั้งแต่รู้ว่าเธอตั้งท้องภามแทบไม่ให้รุ้งไพลินทำอะไรเลย งานที่นี่ทั้งงานเก่า งานใหม่ที่ร่วมทุนกับบริษัทเธอ เขาเข้าดูแลแทนทั้งหมด รุ้งไพลินมีหน้าที่เดียวคือพักผ่อนและดูแลตัวเองให้ดี เพราะกำลังตั้งครรภ์
เสียงผิวปากที่ดังก้องเข้ามาภายในบ้าน ทำให้วิเวียน จิลาร์ดิเย่ วัย 48 ปี มารดาของโทมัสโซ่หันไปมองก่อนจะยิ้มให้ลูกชายที่วันนี้ดูมีความสุขเป็นพิเศษจนอดไม่ได้ที่จะถาม
“มีข่าวดีอะไร ลูกแม่ถึงได้อารมณ์ดีแบบนี้”
“ข่าวดีที่สุด ดีมากๆ ครับแม่”
“พูดแบบนี้แม่ชักอยากจะรู้แล้วนะ” วิเวียนมองหน้าลูกชายอย่างเฝ้ารอคำตอบ เธอคือผู้หญิงอิตาลีที่แยกทางกับสามีและเลี้ยงลูกชายเพียงลำพัง ตั้งแต่แยกทางกับสามีจนถึงตอนนี้ วิเวียนก็ไม่ข้องแวะกับฝ่ายนั้นอีกเลย เพราะไม่อยากให้ลูกชายรับรู้ว่าผู้เป็นพ่อนั้นคือใคร แต่ก็ไม่รู้ว่าความลับนี้จะปิดได้อีกนานแค่ไหน
“วันนี้เจ้านายกับคุณรุ้งแล้วก็คุณบุษบากลับมาจากเมืองไทยแล้วครับ”
“จริงเหรอ แต่แน่ใจนะว่านี่คือข่าวดีที่สุด ดีมากๆ ที่ลูกว่า”
“ไม่ครับ เอ่อ...แม่ครับ แม่รังเกียจผู้หญิงไทยไหม” น้ำเสียงของโทมัสโซ่ที่เอ่ยถามวิเวียนแฝงความไม่มั่นใจอยู่ในที เพราะเขาไม่เคยคบผู้หญิงเอเชียมาก่อน ภัสสรคือคนแรก
“ถามแม่แบบนี้แสดงว่าลูกกำลังคบกับผู้หญิงไทยอยู่ใช่ไหม”
“ครับ...เธอชื่อน้ำ พรุ่งนี้ผมจะพาเธอมาพบแม่”
“แม่รักลูกนะโทมัส ลูกรักใครแม่ย่อมรักด้วย ไม่ว่าเธอคนนั้นจะเป็นคนเชื้อชาติไหนก็ตาม” คำตอบของวิเวียนทำให้โทมัสโซ่โล่งอกเหมือนยกภูเขาออกไป แม้จะเดินผิวปากเข้าบ้านอย่างคนอารมณ์ดี แต่ลึกๆ เขาก็กังวลเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย
“ผมดีใจที่ได้ยินแม่พูดแบบนี้”
“พรุ่งนี้แม่จะเตรียมเมนูพิเศษๆ อะไรไว้ต้อนรับคู่รักของลูกดีนะ” นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่โทมัสโซ่จะแนะนำผู้หญิงให้เธอได้รู้จักอย่างจริงจัง เพราะก่อนหน้านี้ถึงจะคบหากับใครอยู่ แต่ลูกชายแทบไม่เคยบอกให้ วิเวียนรู้เลย เธอรู้แค่สองสถานะ คือ คบกับเลิกเท่านั้น
“ไม่ต้องหรอกครับแม่ เพราะแค่แม่เปิดใจรับคุณน้ำ นั่นก็คือของขวัญที่พิเศษสำหรับผมแล้ว” คำตอบของโทมัสโซ่ทำให้คนเป็นแม่ยิ้ม จะว่าไปลูกชายคนนี้ไม่เหมือนลูกชายบ้านอื่นที่โตแล้วจะแยกย้ายไปอยู่ตามลำพัง โทมัสโซ่ยังอยู่กับแม่และคิดจะอยู่ด้วยไปตลอด แม้อนาคตเขาจะมีครอบครัวก็ตามที สิ่งนี้คงได้รับอิทธิพลมาจากภามโดยตรงก็เป็นได้ เพราะเจ้านายเขาก็ดูแลแม่อย่างดีเช่นกัน
“นี่แสดงว่าลูกจริงจังกับเธอมากใช่ไหม”
