บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ออกเดินทาง

กุลนิษฐ์ก็ทิ้งตัวลงนอนมองพัดลมเพดานที่ทำจากไม้สักทอง แรงของพัดลมเป่ากระทบใบหน้าไม่ได้ทำให้รู้สึกสมองปลอดโปร่งสักเท่าไหร่ เธอยกมือขึ้นมาคลึงหัวตาก่อนจะถอนหายใจออกมา ดวงตาเรียวรีภายใต้แพขนตาเงางามขยับอย่างเชื่องช้า

กลิ่นหอมของอาหารลอยมาให้ได้กลิ่นทันทีที่ประตูห้องรับแขกเปิดออก เธอชี้นิ้วบอกให้แม่บ้านเอาถาดอาหารมาวางยังโต๊ะไม้ตัวเล็กข้างหน้า

“คุณมณีโทรมาหาคุณนิดค่ะ ดิฉันถือวิสาสะรับสายและเรียนว่าคุณนิดอาบน้ำค่ะ” กุลนิษฐ์พยักหน้าและหยิบจานข้าวผัดง่าย ๆ มาวางไว้บนหน้าตักก่อนจะตักอาหารเข้าปากตัวเอง

“อร่อยเหมือนเดิม ขอบคุณ”

คนเป็นแม่บ้านได้แต่ระบายยิ้มด้วยความดีใจที่วันนี้เจ้านายดูเอร็ดอร่อยกับข้าวเย็นเหลือเกิน และเมื่อกุลนิษฐ์เห็นว่าแม่บ้านกิตติมศักดิ์ยังนั่งยอบกายอยู่ที่เดิม เธอก็เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“ดิฉันเก็บเสื้อผ้าให้คุณนิดมีเสื้อเนื้อผ้าสบาย ๆ สีพื้นสองชุด ชุดราตรียาวและสั้นอย่างละสองชุด เครื่อง…” แม่บ้านยังพูดไม่ทันจบกุลนิษฐ์ก็แทรกขึ้นมาพร้อมกับรวมช้อน

“เข้าใจแล้ว ฝากวานไปเอากระเป๋ามาให้นิดหน่อยค่ะ ทานข้าวเสร็จแล้วนิดจะเดินทางเลย” เจ้านายเป็นคนทำอะไรเร็วก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะลุกขึ้นทั้งที่ทานข้าวไปได้แค่ครึ่งจานเท่านั้นเอง

“ขอโทษคุณนิดที่ดิฉันเสียมรรยาทค่ะ แต่เดินทางตอนนี้ไม่ดึกไปหรือคะ ขะ ขอโทษที่ถามค่ะคุณนิด” กุลนิษฐ์ระบายยิ้มฉาบเคลือบก่อนจะหุบยิ้มมองคนถามด้วยสายตาเรียบนิ่ง

ด้วยรู้ว่าแท้จริงแล้วแม่บ้านคนนี้หากไม่โดนปู่เธอสั่งก็คงจะไม่กล้ามายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของเธอหรอก

“ไม่ดึกหรอก ป้ามีอะไรไปทำก็ไปเถอะ โทรศัพท์นิดไว้ในห้องนอนแล้วใช่ไหม?” แม่บ้านพยักหน้ารับทราบก่อนจะขอตัวออกไป

หญิงสาวนั่งแช่อยู่ท่าเดิมสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองภาพถ่ายที่ติดไว้บนฝาผนังของเรือนหลังนี้…

ภาพครอบครัวที่มีพ่อแม่และเธออยู่ในนั้น กุลนิษฐ์ยกยิ้มให้กับพวกท่านเพื่อบอกว่าเธอยังคงโอเคดีอยู่ ขออย่าให้ท่านห่วงอะไร ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเหมือนอย่างเคย

แม้จะจดจำไม่ได้ว่าในตอนเด็กเราพ่อ แม่ ลูก มีความทรงจำที่ดีต่อกันมากแค่ไหน บางครั้งมันก็เป็นภาพสีเทาราง ๆ ที่ชัดบ้าง จางบ้าง แต่ความรู้สึกที่เมื่อนึกถึงพวกท่านทั้งที่จำอะไรไม่ได้ภายในหัวใจก็ปวดร้าวจนไม่อยากจะนึกถึงมันอีก

อาการปวดหัวที่แล่นริ้วจนต้องยกมือขึ้นมากุมศีรษะ กุลนิษฐ์เดินไปหยิบแผงยาแก้ปวดที่สั่งโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแกะมันเข้าปากและดื่มน้ำตามไปอึกใหญ่ เธอทิ้งตัวนอนลงบนเตียงให้อาการปวดบรรเทาลง

คงไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้าหรอกเพราะจะเดินทางตอนไหนก็ไม่ต่างกัน มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้ เธอถอนหายใจอีกครั้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาลังเลอยู่พักหนึ่งว่าจะต่อสายกลับหาคนที่ติดต่อทางไกลมาจากกรุงเทพฯ หรือเปล่าและสุดท้ายก็ไม่...เธอไม่โทรกลับไป

[หนูนิดลูก...ถ้าเหนื่อยก็พักผ่อนนะคะ ป้าเพิ่งได้วอชเชอร์ร้านสปาเปิดใหม่ที่นี่ ป้ารอหนูนิดมาหาอยู่เราจะได้ไปด้วยกัน] 

[มีร้านอาหารเปิดบนดาดฟ้าอีกร้าน ป้ามีไวน์ดีหนูนิดจะต้องชอบแน่ ๆ ค่ะ]

กุลนิษฐ์อ่านข้อความของคุณมณีรัตน์จากแอปพลิเคชันที่ส่งเข้ามาประมาณสองชั่วโมงที่แล้ว และเมื่อเธอเปิดอ่านก็จำเป็นที่จะต้องพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

[ค่ะ นิดจะรีบเคลียร์งานนะคะ ขอตัวพักผ่อนก่อนค่ะ] 

และเมื่อตอบข้อความเสร็จก็รีบกดออกจากหน้าจอนั้น และเพียงไม่กี่วินาทีปลายทางก็ตอบข้อความเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยความไวแสง เช่นเดิมคือเธอไม่ได้เปิดอ่านในทันที หญิงสาวถอนหายใจและกดสลับหน้าจอไปอีกแอ็กเคานต์หนึ่ง

[วิกาจองตั๋วให้หน่อยสิ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ]

[เดี๋ยวส่งพาสสปอร์ตให้…]

และสักพักก็กลายเป็นสายโทรศัพท์ที่ต่อสายตรงเข้ามา กุลนิษฐ์รับสายด้วยความเร็วไม่มีประโยชน์ที่จะดึงเวลาไว้เพราะจะยิ่งทำให้เสียเวลา ปลายสายถามโพล่งตรงประเด็น

“ก็ต้องไปจะได้จบ....” เธอยังพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำแต่ปลายสายกลับไม่ฟังและถามต่อ

“จบนี่คือแกจะยอมรับการแต่งงาน? ยอมโดนคลุมถุงชน? เฮ้ย! นี่มันปี 2022 แล้วนะ!” 

ประโยคยาวเหยียดอีกมากมายตามมา กุลนิษฐ์ไม่คิดจะเสียเวลาอธิบายอะไรกับอังควิกาเพื่อนสนิทของเธอ และบอกปลายสายเพียงว่าให้จองตั๋วเครื่องบินเดินทางไปกรุงเทพฯ คืนนี้แล้วค่อยคุยกันเมื่อเธอถึง

ปลายสายโวยวายตามประสา แต่เมื่อกุลนิษฐ์บอกว่าจะรีบไปอาบน้ำเพราะเดี๋ยวจะเดินทางไม่ทัน ถ้าปลายสายจองตั๋วทันวันนี้เราอาจจะได้ดื่มกัน เท่านั้นบทสนทนาก็จบลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel