บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ไปให้พ้นคนใจร้าย (2)

“แต่...หนูกลัวนี่คะ”

“โถ... คนดี อย่ากลัวไปเลยนะคะ ต่อไปนี้ลุงสัญญาว่าจะคอยปกป้องหนูไม่ให้ใครมาทำร้ายหนูได้อีก!” คุณไกรภพยืนยันเสียงหนักแน่น ทำให้หนูน้อยยอมถูกจูงเข้าบ้านแต่โดยดี

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! อย่าสะเออะเหยียบบ้านฉันแม้แต่ก้าวเดียว”

“คุณพราวพิไล!” ประมุขของบ้านตวาดเสียงแข็ง

“ฮึ ถึงกับขึ้นเสียงใส่ฉัน นี่คุณคงเห็นนังเด็กเหลือขอนี่ดีกว่าลูกเมียตัวเองไปแล้วสินะ เชอะ ลูกเต้าก็ไม่ใช่สักหน่อย ระวังเถอะ สักวันก็คงใฝ่ต่ำทำให้เราขายขี้หน้าแบบแม่มัน”

“ทำไมคุณไม่รู้จักสงบปากสงบคำบ้าง ไม่อายใคร ก็เห็นแก่เด็กตาดำๆ บ้างเถอะ อย่างน้อยเด็กมันจะได้นับถือคุณในฐานะผู้ใหญ่ซะบ้าง ผมขอร้อง” คุณพราวพิไลหน้าชา อยากจะถลันเข้าไปเล่นงานคนพูดให้ย่อยยับคามือ ติดที่คนเป็นลูกชายรู้ทันจึงเอื้อมมือเข้ารั้งผู้เป็นมารดาไว้ก่อน

“ดูนะ ตาเพชร ดูคุณพ่อของลูก เดี๋ยวนี้เห็นขี้ดีกว่าไส้ไปแล้วเห็นไหม” ดวงตาวาวโรจน์เหยียดมองร่างเล็กอย่างชิงชัง

“พอทีเถอะ คุณพราว”

“ไม่พอ จนกว่าคุณจะไล่นังเด็กนี่ไปให้พ้นจากบ้านเรา หรือไม่ก็...หย่ากับฉันซะ!”

“หย่างั้นเหรอ” คุณไกรภพยิ้มเหี้ยม คำว่า...หย่า คงทำให้เขารู้สึกยินดีปรีดามาก หลังจากต้องฝืนทนใช้ชีวิตคู่ที่กระท่อนกระแท่นไร้ความสุขกับหญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยามานาน การแต่งงานที่มีรากฐานมาจากความผิดพลาดของเขา บวกกับความระแวงไม่ไว้ใจของเธอ ฉะนั้นการหย่าร้างก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี ถ้าหากไม่มี... โซ่ทองคล้องใจ

คุณไกรภพปรายตามองลูกชายที่ยืนหน้าซีดเผือด ช็อกกับคำขาดของผู้เป็นแม่ พีรภัทร ลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวที่คล้องใจไม่ให้ขาดสะบั้นกับภรรยาดังที่ใจเขาปรารถนา ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่คุณพราวพิไลรู้ดียิ่ง

“ว่ายังไงล่ะ เลือกเอาถ้ามีฉันกับลูก ก็ต้องไม่มีเด็กคนนี้ในบ้าน” คุณพราวพิไลตวัดเสียงอย่างเป็นต่อ

“งั้นก็ให้เด็กมาอยู่กับฉันแล้วกัน!” เสียงทรงอำนาจแทรกขึ้นท่ามกลางสงครามคุกรุ่น

“คุณพี่” “พี่พรรณ”

“ว่าไงล่ะ ถ้าไม่มีใครต้องการล่ะก็ ฉันจะขอรับเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้เอง ได้ไหมคุณไกร” คุณไกรภพขยับจะปฏิเสธความหวังดีนั้น หากพอมองหน้าคนในคุ้มครองที่สั่นสะท้านอย่างหวาดกลัวต่อเหตุการณ์เบื้องหน้า ก็เกิดความลังเล ถ้าปล่อยให้ศุภิสราอยู่ร่วมบ้านต่อไป คุณพราวพิไลคงจองเวรเด็กน้อยไม่เลิก

“ครับ คุณพี่ ผมไม่ขัดข้อง” ศุภิสรามองคนพูดตาค้าง ตัวชาวาบ มือเล็กกระตุกมือใหญ่อย่างทักท้วง

“งั้นฉันจะขอเด็กคนนี้ไปอยู่ที่เรือนเล็กด้วย เธอคงไม่ขัดข้องนะ แม่พราว” แต่ไหนแต่ไร ความเด็ดขาดและเที่ยงตรงทำให้คุณพรรณรายเป็นที่เคารพยำเกรงของคนเป็นน้องเสมอ คุณพราวพิไลเชิดหน้าขัดอกขัดใจยิ่งนัก

“ก็ตามใจคุณพี่สิคะ แต่อย่าให้มันมาเกะกะที่บ้านใหญ่นี่แล้วกัน”

“ถ้าอย่างนั้นก็เก็บของย้ายไปอยู่ด้วยกันเสียวันนี้เลยเป็นไง หืม” ท้ายประโยคหันไปกึ่งถามกึ่งบอกกล่าวเด็กที่ขยับไปแอบอยู่ด้านหลังคุณไกรภพโดยตรง ศุภิสราสะดุ้ง รีบเงยหน้ามองคุณลุงอย่างขอความเห็นใจ แต่ก็ดูไม่เป็นผล

“งั้นแม่อบช่วยเป็นธุระพาไปเก็บข้าวของทีแล้วกัน” เด็กน้อยจับมือประมุขของบ้านไว้แน่น น้ำตาคลอหน่วย

“ไปอยู่ที่เรือนเล็กนะคะ แล้วลุงสัญญาว่าจะไปหาบ่อยๆ ” นั่นแหละหนูน้อยจึงยอมให้แม่อบพาเลี่ยงออกไปทั้งน้ำตา

เรือนเล็ก คือตึกทรงยุโรปชั้นเดียวทาสีเทาทั้งหลังซ่อนอยู่ในเงาทะมึนของรั้วต้นไม้หนาครึ้มแม้ดูน่ากลัวมากกว่าน่าอยู่ หากทว่าก็ดูร่มรื่น ตั้งอยู่ด้านหลังของตึกใหญ่ ไม่ไกลนักจากแคร่ไม้ที่ศุภิสราชอบแอบมานั่งเล่นคนเดียวอยู่บ่อยๆ ทางเข้าออกมีทางเดียวคือต้องเดินลัดเลาะออกไปทางถนนข้างตึกใหญ่ ซึ่งค่อนข้างไกลสักหน่อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา

“หนู...เอ่อ...” คนพูดเหมือนลังเลกับฐานะของอีกฝ่าย “คุณนั่งรอที่นี่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเรียนคุณท่านก่อน”

“คุณท่าน?”

“ก็คุณพรรณรายพี่สาวคุณพราวพิไลไงคะ” อยู่บ้านใหญ่ก็มี ‘คุณผู้หญิง’ พอจะย้ายไปอยู่เรือนเล็กหลังบ้านก็ยังมี ‘คุณท่าน’ อีก หรือว่าจะหนีเสือประจระเข้กันนะ

เด็กน้อยถอนหายใจ ก่อนมองสำรวจรอบๆ ‘ที่อยู่ใหม่’ อย่างอ้างว้าง ก่อนทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าพิงประตูหน้าบ้าน กี่ครั้งแล้วที่ถูกทิ้งไว้ให้อยู่ตามลำพังแบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดใจ

“แม่ขา...หนูคิดถึงแม่ ฮือ...” ศุภิสราซบหน้าสะอื้นไห้อย่างว้าเหว่ จนเผลอหลับไปในท่านั้น ทำให้คนที่มาใหม่มองอย่างเวทนา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel