บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ไปให้พ้นคนใจร้าย (1)

“ไง ไอ้ตัวแสบ แอบหนีตามสาวมาก็ไม่บอกกันสักคำเลยนะ”

“พ่อ!” เด็กชายสะดุ้งโหยง หน้าแดงจนถึงใบหู

“ก็พ่อน่ะสิ” คนพูดแกล้งตีหน้าเข้ม ก่อนส่งยิ้มอ่อนโยนให้เด็กหญิง “ไงจ๊ะ หนูทรายเจ็บตรงไหนบ้างลูก”

“ไม่เจ็บแล้วค่ะ”

“ยังไงก็ไปให้คุณหมอดูอาการหน่อยดีกว่า เดี๋ยวลุงจะโทรไปบอกคุณลุงไกรก่อน จะได้ไม่เป็นห่วงนะคะ” คนตัวเล็กตัวสั่นทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ ทำให้คนที่เฝ้ามองอยู่ต้องเอื้อมมาจับมือไว้อย่างให้กำลังใจ

เวลาต่อมาคุณพงศ์เอกก็พาศุภิสรามาที่คลินิกของคนรู้จักของเขา โดยมีลูกชายที่ทำตัวเป็นเงาตามเด็กหญิงตัวน้อยไม่ห่าง ทนายใหญ่ทั้งฉุนปนหมั่นไส้เจ้าลูกชายตัวแสบของตน เริ่มตั้งแต่ก้าวขึ้นรถแทนที่จะนั่งข้างหน้า คนจอมยุ่งกลับเลือกจะเบียดไปนั่งเคียงข้างคนเจ็บเสียนี่ ทำให้ทนายใหญ่ต้องเปลี่ยนอาชีพมาเป็นคนขับรถจำเป็นแทน

หากอีกใจหนึ่ง คุณพงศ์เอกก็นึกแปลกใจ โทรินทร์คนที่ไม่เอาไหนดีแต่ซนไปวันๆ ไม่เคยสนใจใคร ชอบแกล้งแหย่จนทุกคนในบ้านเอือมระอาปนเข็ดขยาด คนที่ทั้งบ้านพากันขนานนามว่า ‘ทโมนไพร’ แต่กับเด็กคนนี้ทำไมนะ?

“ฉีดผมแทนได้ไหมครับคุณหมอ”

“เจ้าโท!” คุณพงศ์เอกรีบเอ็ด คนที่เสนอหน้ายื่นแขนแทรกเข้ามาระหว่างเข็มฉีดยากับแขนเรียวเล็ก “เอาแขนออกไปเดี๋ยวนี้”

คนเป็นพ่อต้องคว้าแขนลูกชายลากหัวซุนออกไปพ้นรัศมีคนไข้ที่มองตามตาปอย แถมตอนพาคนเจ็บมาส่งบ้าน เจ้าลูกชายตัวดีก็ทำงอแงไม่ยอมปล่อยให้ลงจากรถอีก

“จะกลับเข้าไปจริงๆ เหรอ” เด็กชายรีบฉวยข้อมือน้อยไว้ “ไปอยู่กับพี่ที่บ้านยังดีกว่าอีก”

“เจ้าโท” คุณพงศ์เอกแหกปากเสียงหลง

“จริงๆ นา ถ้าให้อยู่บ้านนี้ต่อ แล้วเกิดเขาทำร้ายอีกล่ะ ใครจะช่วย”

“น้อยๆ หน่อยไอ้ตัวแสบ จะพาสาวไปอยู่บ้าน ถามผู้ปกครองเขาหรือยัง หา”

“เขาก็ดีใจน่ะสิ ถามได้ โอ้ย!” คนพูดร้องลั่นเพราะมะเหงกคนเป็นพ่อที่ประเคนใส่หัวดังโป้ก

“เพ้อเจ้อน่า นั่นคุณลุงไกรวิ่งมานู่น แกอย่าพูดมากเชียว” คนเป็นพ่อชี้หน้าคาดโทษ เด็กชายแอบเบ้ปาก แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้คุณไกรภพอุ้มคนตัวเล็กลงจากรถไปอย่างขัดเคืองใจ

“โถ... เจ็บมากไหมลูก” คุณไกรภพมองหน้าฟกช้ำของเด็กน้อยอย่างสงสารจับใจ “ลุงขอโทษนะลูก ลุงขอโทษ”

“ไม่เจ็บแล้วค่ะ” ศุภิสราเอ่ย พลางเหลือบตามองคนที่เดินลงจากรถมายืนตาขวางข้างๆ

“ผมขอบคุณมากนะครับคุณเอกที่เป็นธุระให้”

“ไม่เป็นไรครับ งั้นลุงไปก่อนนะคะหนูทราย หายเร็วๆ นะลูก” คุณพงศ์เอกรีบตัดบท ก่อนรุนหลังลูกชายขึ้นรถ เด็กชายก็เหลียวกลับไปมองด้านหลังอย่างเข่นเขี้ยว

“คอยดูนะ ถ้าน้องทรายต้องเจ็บตัวอีกล่ะก็...ผมจะไปดักตีหัวคนทำ”

“หา! ว่าไงนะ” คนฟังตาเหลือก “เจริญล่ะไอ้ตัวแสบ หาเรื่องให้ฉันปวดหัวอีกแล้ว”

“แล้วโตขึ้นผมจะไม่เป็นทนายเหมือนพ่อละนะ”

“อ้าว... แล้วแกจะเป็นอะไร ฮึ เจ้าโท” คนเป็นพ่อถามยิ้มๆ อารมณ์ดี

“ผมจะเป็นหมอ!” เด็กชายยึดอกประกาศอย่างภาคภูมิ

“หา!” ทนายใหญ่อ้าปากค้าง “หมออะไร หมอดู หรือว่าปลาหมอ หา”

“ไม่เชื่อพ่อก็คอยดู” เด็กชายฮึดฮัดหันกลับไปมองประตูรั้วของบ้านที่เพิ่งจากมาอย่างหมายมาด คอยดูนะ เขาจะต้องเป็นหมอให้ได้ จะได้ปกป้องยัยลูกแมวตัวมอมนั่นไม่ให้ใครมารังแกได้อีก

“เออ...หมอก็หมอ ดีเหมือนกัน พ่อเป็นหมอความ ลูกเป็นหมอคน งั้นคราวนี้พ่อหวังว่าแกคงจะขยันเรียนไม่ให้ตกเหมือนชาวบ้านเขาได้สักทีนะ เจ้าโทรินทร์ เฮ้อ...” คนเป็นพ่อถอนหายใจปลงๆ เห็นอนาคตอันยุ่งเหยิงขึ้นมารำไร

ดวงตาโศกมองตามรถสองพ่อลูกอย่างละห้อย ความสุขเพียงชั่วครู่ที่ได้รับ ไม่อาจทำให้หัวใจหายบอบช้ำ สุดท้ายเธอก็ต้องกลับมาที่บ้านนี้อีกจนได้

“เข้าบ้านเรากันเถอะนะลูก” เพียงได้ยินเด็กหญิงก็เริ่มผวาและขืนตัวไม่ยอมเดินตาม ชายวัยกลางคนมองอาการนั้นอย่างสงสารปนเวทนา ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ฤทธิ์ภรรยาตัวเอง

“โกรธคุณป้าพราวมากหรือคะ” เพียงได้ยินชื่อคนฟังก็สะดุ้ง

“ลุงรู้ว่าคุณป้ากับพี่เพชรทำไม่ถูก แต่ลุงอยากจะขอให้หนูยกโทษ และให้อภัยพวกเขาได้ไหมลูก” คำขอร้องนั้นทำให้คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมอง “คนที่ปล่อยให้ความโกรธเกลียดครอบงำแบบนั้น มันไม่มีความสุขหรอกนะลูก เคยได้ยินคำนี้ไหมคะ โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า แล้วหนูอยากโง่หรือบ้าเหรอคะ หืม?” ศุภิสรานิ่งคิดเพียงชั่วครู่ก่อนส่ายหน้า

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องรู้จักปล่อยวางมันซะ ความทุกข์กับความสุขมันก็อยู่ที่เราเลือกเองนะ ถ้าหนูอยากมีความสุขก็ต้องรู้จักปล่อยวาง จำที่ลุงเคยบอกตั้งแต่วันแรกที่หนูมาอยู่บ้านนี้ได้ไหมลูก”

“แต่...หนูกลัวนี่คะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel