บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ไปให้พ้นคนใจร้าย (3)

“น่าสงสารนะคะ คุณท่าน โถ...ตัวนิดเดียวเอง ทำไมโชคร้ายนักก็ไม่รู้”

“นั่นสิ เอาเป็นว่าเราก็ช่วยๆ ดูแลไว้สักคนละกันนะ ถือว่าเอาบุญ”

“ได้สิคะ โถ...ดูท่าคงจะเพลียจัดนะคะ หลับปุ๋ยเชียว”

“ปลุกทีเถอะ จะได้เข้าบ้านพักผ่อนกันสักที เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อ้อ... ตื่นพอดี” คนพูดเอ่ย พลางมองเด็กน้อยที่งัวเงีย เสียงนั้นทำให้ศุภิสราตาสว่างฉับพลัน เมื่อเห็นว่าเป็นใครคนตัวเล็กก็ผุดลุก อุทานเสียงสั่นๆ

“คะ...คุณท่าน!”

“หืม? คุณท่าน?” คนถูกเรียกเลิกคิ้ว พลางหันไปมองคนสนิทแวบหนึ่งอย่างนึกรู้

“เอาๆ คุณท่านก็คุณท่าน ตอนนี้ก็เข้าบ้านกันก่อนเถอะ” คุณพรรณรายตัดบท ก่อนนำเข้าไปในบ้าน โดยมีเด็กน้อยถือห่อผ้าก้าวตามเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

ห้องนั่งเล่นขนาดย่อม ถูกทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง มีชั้นใส่หนังสือสูงท่วมศีรษะ ที่น่าสนใจคือเปียโนสีดำ ที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง ทำให้เด็กน้อยต้องชะเง้อมองอย่างสนอกสนใจ

“ชอบเปียโนหรือจ๊ะ?” คนถูกถามหน้าตาเหรอหรา

“เอ่อ ชะ...ชอบค่ะ แต่แม่ไม่ชอบ”

“หืม อะไรนะ? เข้ามาใกล้ๆ นี่ซิ” เด็กน้อยยืนนิ่ง เสียงเข้มจึงสำทับ

“เข้าไปใกล้ๆ คุณท่านสิคะ” อะไรบางอย่างในตัวหญิงมากวัยบนวีลแชร์ทำให้เด็กหญิงรู้สึกเกรงขามแต่เพราะความสนใจใคร่รู้ จึงเผลอมองเสี้ยวหน้าที่ถูกผ้าคลุมบดบังอยู่หลายนาที จนมีเสียงกระแอมเบาๆ จากแม่อบ นั่นแหละคนตัวเล็กจึงทรุดตัวลงนั่งพับเพียบข้างๆ รถวีลแชร์นั้น

“คล้าย... คล้ายกันเหลือเกิน” ดวงตาดุที่ทอดมองมาแฝงด้วยความปรานี “เธอชื่ออะไร”

“ซะ...ทราย...” ท้ายประโยคมีเสียงกระแอมแทรกขึ้นอีกครั้ง “เอ่อ... ค่ะ”

“ชื่อจริงล่ะ”

“ศุภิสราค่ะ”

“ศุภิสรา... ศศิลดา...” ชื่อหลังที่เอ่ยโดยหญิงสูงวัยกว่าทำให้คนฟังเงยหน้าสบตาคู่นั้นอย่างประหลาดใจ “เอาล่ะ ต่อไปนี้ก็มาอยู่ด้วยกันที่นี่แล้วกันนะ ฉันชื่อพรรณราย ส่วนนั่นแม่อบคนสนิทของฉัน ที่นี่เราอยู่กันแค่สามคน ไม่มีคนใช้ มีอะไรก็ต้องช่วยกันทำ เข้าใจไหม” เด็กน้อยรับคำ

“เปียโนน่ะ ถ้าอยากเรียนวันหลังจะสอนให้ แม่เธอเขาเคยเล่นเก่งทั้งเปียโนแล้วก็ไวโอลิน ลูกสาวก็คงสอนไม่ยากหรอกนะ จริงไหม” เด็กน้อยมองตามร่างบนวีลแชร์ที่แม่อบเข็นเข้าห้องไปอย่างงงๆ

การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเรือนเล็ก ไม่ได้เลวร้ายนัก แม้ว่าต้องตื่นแต่เช้ามาช่วยแม่อบทำงานบ้านทุกอย่าง เด็กน้อยก็ไม่ได้เกี่ยงงอนหรือเกียจคร้านแม้แต่น้อย ผู้ปกครองคนใหม่เองก็ไม่ได้อารมณ์ร้ายเหมือนคนเป็นน้องสาว คุณท่านแม้เงียบขรึมจนบางครั้งดูน่ากลัว แต่ก็ยังใจดีพอที่จะสอนนู่นสอนนี่ให้เด็กในปกครองอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะเปียโนที่คนมากวัยกว่าดูเหมือนจะเชี่ยวชาญมากเป็นพิเศษ จึงถ่ายทอดให้เด็กน้อยอย่างไม่หวงวิชา หรือแม้แต่แม่อบคนสนิทที่ท่าทางจะดูเป็นคนเจ้าระเบียบ ปากร้ายแต่ใจดี และไม่เคยว่ากล่าวหรือทุบตีทำร้ายให้เจ็บช้ำน้ำใจสักครั้ง ชีวิตเล็กๆ จึงสงบขึ้น แม้บางคราวจะเหงาไปบ้างก็เถอะ และทุกวันหน้าที่หลักของศุภิสราก็คือไปรับปิ่นโตจากครัวใหญ่บนตึกสามเวลา ในวันแรกๆ นั้นสมาชิกในครัวต่างคอยพูดจากระทบกระแทกแดกดันและกลั่นแกล้งให้เจ็บช้ำน้ำใจต่างๆ นานา จนเธอต้องแอบไปนั่งร้องไห้ที่เรือนเล็กเป็นประจำ

“อ้าว เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้ตาบวม” คุณพรรณรายทักเด็กในปกครองอย่างแปลกใจ

“จะอะไรล่ะคะ ก็คงถูกพวกที่ตึกใหญ่จิกกัดมาอีกล่ะสิคะ เด็กตัวนิดเดียวก็ยังทำได้ มันน่านักเชียว” แม่อบกระฟัดกระเฟียดตอบแทน คุณพรรณรายถอนหายใจเบาๆ มองคนตัวเล็กอย่างเวทนา

“ไหนเงยหน้าขึ้นซิ เจ็บมากหรือ” คำถามแปลกๆ นั้นทำให้เด็กน้อยงุนงง

“ฉันถามว่าสิ่งที่เขาว่าน่ะทำให้เจ็บมากหรือ” เด็กน้อยเม้มปากนิ่งเงียบ ก่อนส่ายหน้า หากพอนึกขึ้นได้จึงรีบตอบเบาๆ

“ไม่เจ็บค่ะ แต่ไม่ชอบ”

“เมื่อมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ จะบังคับจิตใจให้ใครๆ มาชอบเราทั้งหมดน่ะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ คำพูดของคน ถ้าคำไหนที่ฟังแล้วมันไม่จริง ไม่มีประโยชน์กับชีวิตเรา จะต้องไปสนใจฟังทำไมจริงไหม” คนตัวเล็กนิ่งคิดตาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel