บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ถ้าเธอเลว ฉันจะร้าย | เด็กบ้านนอก

ว่าด้วยเรื่องการไปกรุงเทพของอีดาว ใคร ๆ ก็รู้ว่าตั้งแต่เกิดจนกระทั่งโตเรียนจบมอหกมา ฉันไม่เคยได้ไปไหนไกลเลย อยู่บ้านเลี้ยงวัวเลี้ยงควายช่วยพ่อแม่ รับจ้างทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามหมู่บ้านที่เขาจ้างให้ฉันทำ

ฉันเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อแม่ พวกท่านก็ทำสีหน้าเป็นกังวล แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อไม่มีทางเลือก ฉันอยากจะไปหาเงินให้ได้อย่างเพื่อน แสนดีไปทำงานแค่ 3-4 เดือนเอง มีเงินกลับมาซื้อที่ซื้อนาให้พ่อแม่ ฉันอยากจะทำให้ได้แบบนั้นบ้าง ฉันอยากจะเอาเงินมาฟาดหน้าไอ้ผู้ใหญ่เฮงซวย ที่มันชอบขูดรีดชาวบ้าน

ฉันได้แต่ภาวนาในใจว่าพอฉันไปแล้วขอให้ฉันได้เงินเยอะ ๆ มีงานทำมั่นคง ฉันไม่ได้รู้เรื่องแคดดี้ที่สนามกอล์ฟอะไรมากมายหรอกนะ แต่ว่าถ้าเกิดว่าฉันเรียนรู้ ตั้งใจทำงาน ฉันคิดว่าฉันทำได้แน่นอน

"ไปอยู่ไกลแบบนั้น พ่อแม่ห่วงเอ็งจริงๆเลยดาว"

"ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ แสนดีมันเคยทำงานอยู่ก่อนแล้ว พ่อกับแม่รู้ไหมว่ามันมีเงินมาซื้อที่ซื้อทาง ซื้อที่นาให้พ่อกับแม่มัน ทั้งที่มันไปทำงานได้ 3-4 เดือนเอง เสื้อผ้าที่มันสวมใส่ก็แบรนด์เนมทั้งตัว ดาวอยากจะทำให้ได้แบบมัน"

"แต่พ่อกลัวว่าดาวจะโดนหลอกน่ะสิ คนเมืองกรุงไว้ใจไม่ได้นะ พ่อกลัวว่าเขาจะมาหลอกเอ็งมากกว่า" พอของฉันเอ่ยด้วยสีหน้าท่าทางเป็นกังวล แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกกังวลเลยสักนิด ใครมันจะมาหลอกฉันได้ล่ะฉันกะโหลกกะเหลกรู้ทันคนขนาดนี้ มีแต่ฉันนี่แหละที่จะไปหลอกมันเอาเงินมันมา หึ!

"พ่อไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาหลอกดาวหรอกจ้ะ ดาวจะไปใช้ชีวิตอย่างมีสติที่กรุงเทพฯ รับรองว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรดาวร้ายแน่นอน"

"แต่พ่อว่า..."

"เราช้าไม่ได้แล้วจ้ะ ถ้าช้ากว่านี้ผู้ใหญ่เส็งเคร็ง มันต้องมายึดบ้านยึดที่หน้าเราแน่ ดาวจะไม่ยอมให้มันไม่ยึดสมบัติของเรา มายึดสิ่งที่บรรพบุรุษของเราให้มาหรอกจ้ะ"

"อืม"

"เดี๋ยวแม่จะไปเตรียมสีข้าวสักสามกระสอบ พร้อมกับหาอาหารแห้งไว้ให้" ห้ะ ข้าวตั้งสามกระสอบ แบกหลังหักก็คราวนี้แหละกรูววว

"จ้า" ฉันพยักหน้า ไม่เอาไม่ได้แม่กลัวฉันอดตาย เอาวะ! ก่อนสู้งานก็สู้กับของกินก่อน ชีวิตคนเรามันต้องสู้ต่อไป

"ดาว ดาวอยู่ไหม?" เสียงตะโกนดังขึ้นทำให้ฉันต้องหันไปมอง แสนดีอยู่ในชุดแต่งกายโคตรจะดูดี เธอสวยมาก สวยตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เอิ่ม เรียนด้วยกันโตด้วยกัน แต่ความก้าวหน้าเขาก้าวนำฉันไปไกลมาก

"อยู่" ฉันขานรับแข่งกับเสียงหมาไอ้ขวดกับอีแก้วที่มันเห่าดังลั่นอยู่ใต้ถุนบ้าน เสียงนี่เกรียวกราวบ้านฉันไม่เหงาก็เพราะบรรดาหมา ๆ นี่แหละ

"ลงมานี่ก่อน"

"อื้อ" ฉันรีบวิ่งลงบันไดไม้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโดดข้ามราวบันไดไปอีกทาง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อย อย่าถามหาความอ่อนโยนจากฉัน เพราะฉันไม่มี

"เตรียมตัวไปกรุงเทพฯพร้อมกูตอนนี้ทันไหม?"

"ไม่ทันแน่ ๆ เสื้อผ้ากูยังไม่ได้คัดเอาตัวดี ๆ ไปเลย แม่บอกว่าจะสีข้าวให้กูไปกินที่กรุงเทพฯด้วย อีกอย่างกูต้องเตรียมเงินเอาไปใช้จ่าย ถ้าไปตอนนี้กูเตรียมตัวไม่ทันแน่"

"อืม อะนี่" แสนดียื่นกระดาษให้ฉัน "นี่ที่อยู่ของกู จะไปก็ไปตามที่อยู่ กูจะรีบไปกรุงเทพก่อนมีธุระด่วน"

"อื้อ" ฉันรีบรับมาแล้วอ่านที่อยู่คร่าว ๆ

"มึงไปถูกนะ"

"ระดับกู ไปถูกแน่นอน" คุยโว้ไว้ก่อนแหละ ที่จริงไม่ได้รู้ห่าเหวอะไรหรอก ถ้าไปก็ถามเขาเอา

หลังจากนั้นพ่อก็ขนข้าวสารสามกระสอบไปโรงสี แต่เขาก็จะสีรวมกันแล้วใส่ข้าวสารเป็นกระสอบเดียว และกระสอบที่รวมกันนั้นมันเป็นกระสอบปุ๋ยยูเรียห้าสิบกว่าโล ฉันไม่ตายวันไหนหรอก ตายตอนไปกรุงเทพฯนี่แหละ หลังหักเพราะหนักกระสอบข้าว

ส่วนแม่แพ็คปลาแห้ง หมูแห้ง เนื้อแห้ง ปลาร้าสับ ปลาร้าต่อน และที่สำคัญมีหนังควายแห้ง พริก ขิงข่าตะไคร้ ใบมะกรูด ทุกอย่างที่ฉันต้องกินใส่ลัง ฉันยังคิดอยู่ว่าจะขนไปยังไงหมด แต่ไม่อยากจะเสียน้ำใจ แต่คนเป็นลูกอย่างฉันยกเป็นนักกล้ามแน่นอน

"อย่าลืมเอาไปนะ นั่งรถตอนกลางคืน ไปถึงกรุงเทพฯจะได้เช้าพอดี ไปก็ต้องระมัดระวังตัวคนทุกวันนี้ไว้ใจไม่ได้ เงินเก็บให้ดี มิจฉาชีพยิ่งเยอะทุกวันนี้"

"ค่ะ" ฉันพยักหน้าแล้วยิ้มให้พ่อกับแม่ "อีเดือนเสร็จยังกูหิว"

"เสร็จแล้วๆ" วาดเดือนถือแกงอ่อมมาวางไว้ให้พร้อมกระติ๊บข้าว แกงอ่อมนี่กลิ่นมันหอมยั่วน้ำลายดีจริงๆ พ่อกับแม่มานั่งล้อมวง วันนี้เป็นวันที่จะได้ล้อมวงทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา

"อร่อยว่ะ"

"ถ้าพี่กลับมาจากทำงาน เดือนจะทำให้กินอีก"

"อื้อ" ฉันพยักหน้าแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารอย่างเงียบๆ พอหนึ่งทุ่มก็ถึงเวลาที่ฉันต้องจากแดนอิสานบ้านเกิดเมืองนอน ไปเล่นละครบทชีวิตหนักแล้ว พ่วนน่ะ มาเป็นเพลง ฉันอาบน้ำแต่งตัวสวยกราบเท้าพ่อแม่ร่ำลา

"ฉันไปแล้วนะพ่อแม่" ฉันเสียงสั่นเครือพยายามฝืนน้ำตาไว้สุดฤทธิ์ คนแก่นแก้วกะโหลกกะลาอย่างฉัน ถึงจะเข้มแข็งมากเพียงใด แต่พอรู้ว่าจะได้จากผู้ให้กำเนิดทั้งสองแล้ว มันก็ทำให้ฉันอดหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้อยู่ดี

"ไปทำงาน ตั้งใจเก็บเงินเก็บทอง กลับมาบ้านนะลูก ขอให้ปลอดภัยชีวิตมีแต่ความเจริญ" พ่อเอ่ยอวยพรฉัน ส่วนแม่หยิบดินขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเอาใส่ที่หัวให้

"ขอให้แม่ธรณีคุ้มครอง ปกป้องลูกหล่าของแม่ให้ปลอดภัยแคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง"

"เดินทางปลอดภัยนะพี่ เดือนจะดูแลพ่อแม่แทนพี่เอง"

"อื้อ" เรากอดกันกลมรถก็มาพอดี ฉันขนของขึ้นรถอย่างทุลักทุเล ของที่พ่อแม่เตรียมให้ ได้ยกจนเป็นนักกล้ามแน่ หรือไม่ก็หลังหักตายก่อนทำงาน ฉันขึ้นรถโบกไม้โบกมือลาทุกคน พอรถแล่นออกไปฉันก็ยกมือขึ้นปิดหน้าเพื่อปาดน้ำตาของตัวเอง

กลับมาที่ปัจจุบัน

แหละนั่นคือชีวิตอีดาวลูกสาวกกจบชั้นมอหกโรงเรียนโคกอีเกิ้งอย่างฉัน หึ่ม ตอนนี้ฉันลงจากรถกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วหยิบกระดาษที่แสนดีเขียนให้ แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไร รถหรูก็ขับเบียดกันมาอย่างรวดเร็ว เหยียบน้ำที่ขังอยู่ข้างทางพุ่งเข้าฉันเต็ม

"ไอ้เวรเอ้ย!" ฉันสบถออกมาอย่างโมโห แต่ก็ทำได้เพียงแค่ก่นด่าแล้วมองทะเบียนรถมัน คราวหลังถ้าเจออีก ฉันด่ายันโคตรเลย ไอ้เวรตะไลเอ้ย!

+++++

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel