บทที่ 4 เดมี่หายไปไหน
พลั่ก! หญิงสาวเสียหลักล้มลงไปนอนกองที่พื้นเมื่อถูกชายฉกรรจ์ฉุดกระชากหิ้วปีกมาทิ้งข้างทาง คนมากมายที่เห็นเหตุการณ์ต่างไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเหลือเพราะรู้ดีว่าชายชุดดำกลุ่มนั้นเป็นคนของใคร
“ปล่อยฉันนะ!”
“ถ้าไม่อยากตาย อย่ากลับมาที่นี่อีก”
เดมี่พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนทั้งน้ำตา ได้แต่มองตามอย่างสิ้นหวัง แสงสุดท้ายที่เหลือในชีวิตค่อยๆ ดับมืดสนิทมองไม่เห็นหนทางที่จะใช้ชีวิตต่อ
-เช้าวันต่อมา-
“เฮ้ย…ตื่น! ตื่นได้แล้ว”
หญิงสาวปรือตามองด้วยความงัวเงีย ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความทุลักทุเล
ทันทีที่ขยับเพียงนิดก็รู้สึกปวดร้าวระบมเหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไอความร้อนที่แผ่กระจายผ่านลมหายใจบ่งบอกได้ว่าเธอกำลังป่วยหลังจากที่นอนตากน้ำค้างอยู่ข้างทางมาตลอดทั้งคืน
“นี่แกอีกแล้วเหรอ” ชายชุดดำยืนเท้าเอวมองหญิงสาวอย่างรำคาญใจ นังเด็กคนนี้มันดื้อด้านเกินใคร ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป
“ฉันอยากเจอคุณอา”
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไง
“แต่ฉันไม่มีที่ไปจริงๆ พี่พาฉันไปหาคุณอาเถอะนะ ได้โปรด” เดมี่พนมมืออ้อนวอนขอร้องทั้งน้ำตา ยังไงก็ต้องเจอคุณอาให้ได้ เขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายเพื่อให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อ
“เอาไงดีวะ พามันไปหานายดีไหม” ชายอีกคนเริ่มมีท่าทางชั่งใจ หรือบางทีนังเด็กนี่อาจจะเป็นคนรู้จักของเจ้านายจริงๆ
ถ้าเกิดว่าเป็นแขกของเจ้านาย มีหวังหัวได้หลุดออกจากบ่า แค่คิดก็ขนหัวลุกไปหมด
“นายบอกแล้วว่าไม่รู้จัก ขืนพาไปหา เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีกหรอก”
“งั้นมึงจะทำอะไรก็รีบทำ เดี๋ยวนายน้อยมาเห็นแล้วจะซวยกันหมด”
คนทั้งสองมองไปทางหญิงสาวอย่างพิจารณา คิดจะกำจัดเด็กนี่ให้พ้นทางก่อนที่เจ้านายของพวกเขาจะมา
“เออๆ งั้นตามมาทางนี้ เดี๋ยวจะพาไปหานาย”
“…..” เดมี่ยิ้มกว้างอีกครั้งเริ่มกลับมามีความหวัง รีบหอบกระเป๋าวิ่งตามชายฉกรรจ์มายังโกดังติดกับแม่น้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ทางด้านหลัง
ตึกตัก… เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างระมัดระวัง ดวงตาคู่สวยวาดสายตามองด้วยความสงสัย เมื่อวานไม่ได้มาทางนี้
“จะพาฉันไปไหน”
“ไปหานายไง”
“…..” บรรยากาศเงียบสงัดจนทำให้ใจไม่ดี มองไปทางไหนก็พบเจอแต่ตู้คอนเทนเนอร์นับร้อยนับพันวางเรียงรายกว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา มีความคิดเสี้ยววินาทีว่าให้รีบหนีออกไปจากที่นี่
“อยากเจอนายไม่ใช่เหรอ”
“พวกคุณไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม”
“นายน้อยกำลังเช็คงานอยู่ท่าเรือ เดินตามมาเงียบๆ อย่าส่งเสียงดัง”
หญิงสาวทำตามคำสั่ง เอาแต่เดินก้มหน้าตามหลังอย่างไม่มีทางเลือก จนมาหยุดอยู่ที่หน้าเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่
“ขึ้นไปบนเรือ นายน้อยรออยู่”
“ให้ฉันไปคนเดียวเหรอ”
“ก็เออน่ะสิ รีบขึ้นไป เดี๋ยวนายน้อยรอนาน”
“…..”
…
-หลายชั่วโมงผ่านไป-
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” บุรินทร์หันไปถามลูกน้องคนสนิท ในอ้อมแขนมีตุ๊กตาตัวโปรดที่ติดตัวอยู่ไม่ห่าง
ดวงตาเฉี่ยวคมทอดสายตามองไปยังผืนแม่น้ำกว้างใหญ่ที่มีเรือขนส่งสินค้าของเขามากมายขับเคลื่อนไปมา
“ไม่มีปัญหาครับนายไว้ใจพวกผมได้เลย”
“…..” ชายหนุ่มพยักหน้ารับไอ้ครามคือลูกน้องคนสนิทที่ไว้ใจมาก เปรียบเสมือนตัวตายตัวแทนที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี ไม่มีใครเป็นมือเป็นเท้า รองรับอารมณ์ได้ดีเท่ามันอีกแล้ว
เรียกได้ว่าแค่มองตาก็รู้ใจ…
ลูกน้องคนสนิทยืนเฝ้าผู้เป็นนายที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำบางสิ่งบางอย่างด้วยความมุ่งมั่น
“ที่หน้าผากของหนูเป็นแผลอีกแล้ว เดี๋ยวป๊าทำแผลให้นะ” บุรินทร์บรรจงจูบดูแลอย่างอ่อนโยน สายตาของชายหนุ่มเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความตั้งใจ
ภาพคุ้นเคยที่พวกลูกน้องมักจะได้เห็นอยู่เป็นประจำ นั่นก็คือภาพที่บุรินทร์นั่งเย็บตุ๊กตาด้วยตัวเอง นอกจากผู้เป็นนายแล้วไม่มีใครได้แตะต้องตุ๊กตาตัวนี้
“แล้วพวกมึงสองตัวมายืนทำอะไรตรงนี้”
“เอาของมาส่งครับ”
“ของอะไร”
“พวกผมเห็นเด็กฝรั่งคนนึง ผิวขาวจวั๊ะเลยนะนาย ท่าทางมันดูซื่อๆ อ่านหนังสือก็ไม่ออกแถมยังหลอกง่ายด้วย ทางฝั่งเจ๊ใหญ่มาเลน่าจะชอบครับ คงขายได้ราคาดี”
“…..” มาเฟียหนุ่มไม่ได้คิดใส่ใจ ค่อยๆ หยิบเข็มขึ้นมานั่งเย็บตุ๊กตาตัวเก่าที่เต็มไปด้วยรอยปะติดปะต่อ
“มันมาถามหานายใหญ่สองวันแล้ว สงสัยจะเป็นพวกมิจฉาชีพ แต่ไม่ต้องห่วง ผมจัดการมันให้นายเรียบร้อย”
“…..”
“ส่วนนี่เป็นพาสปอร์ตของมันครับนาย ชื่อแปลกพิลึก…คนอะไรชื่อวนิลา”
สองมือที่เคยแน่นิ่งค่อยๆ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสั่นเทาหลังจากได้ยินชื่อที่คุ้นเคย เขาหยิบพาสปอร์ตที่ลูกน้องยื่นให้ ก่อนจะเปิดอ่านแล้วเห็นภาพถ่ายใครบางคน
“วนิลา เวสลี่” ใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้มมุมปาก สบถหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเรียกชื่อเธอซ้ำๆ “เดมี่…เดมี่…เดมี่”
จนลูกน้องพากันเลิ่กลั่ก ทำงานด้วยกันมานานหลายปี ยังไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้านายเลยสักครั้ง
“ใช่เลยนาย มันบอกว่าชื่อเดมี่”
“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน”
“ผมจัดการให้แล้วครับนาย”
“กูถามว่าเดมี่อยู่ไหน!”
“ยะ…อยู่บนเรือครับ”
“บนเรือ?”
“ใช่ครับ ผมให้มันไปอยู่บนเรือที่จะส่งไปมาเล”
“พวกเวร! สั่งให้เรือวนกลับมาเดี๋ยวนี้”
“ทำไมครับ มีอะไรผิดพลาด”
“เอาเดมี่กลับมา”
“ถ้าทำแบบนั้น เราจะส่งของไม่ทัน เสียหายหลายล้านเลยนะครับนาย” ลูกน้องคนสนิทเลิ่กลั่กหลังจากได้ยินคำสั่งเด็ดขาด ไม่ใช่แค่หลักล้าน แต่มูลค่าความเสียหายที่ต้องโดนปรับอาจจะมากถึงสิบล้าน
“จะเสียเท่าไหร่ช่างหัวมัน พาเธอกลับมาหากูเดี๋ยวนี้”
“รับทราบครับนายน้อย”
“ถ้าเธอเป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว กูจะเป่าหัวพวกมึงเรียงตัว”
