บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ชีวิตอันแสนโดดเดี่ยวของเดมี่

-สนามบินประเทศไทย-

“ฮึก…” ริมฝีปากบางเปล่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น หยดน้ำตารินไหลอาบแก้มทั้งสองข้างครั้งแล้วครั้งเล่า

ดวงตากลมโตวาดสายตามองอย่างหวาดระแวงพลางกอดกระเป๋าเสื้อผ้าไว้แน่น มองไปทางไหนก็เจอแต่สถานที่แปลกตาไม่คุ้นเคย

สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือนั่งก้มหน้าร้องไห้อย่างหมดหนทาง

เดมี่เติบโตที่ต่างประเทศ เธออ่านภาษาไทยไม่ออก เขียนหนังสือก็ไม่ได้ ทำได้เพียงสื่อสารและพูดคุยให้พอเข้าใจบ้างนิดหน่อย

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”

“เฮือก!” เดมี่สะดุ้งด้วยความตกใจและตื่นกลัวเมื่อเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบินเดินเข้ามาทัก

“ไม่ต้องกลัวครับ ผมเป็นพนักงานของที่นี่” เป็นเพราะเห็นเธอนั่งร้องไห้มานานหลายชั่วโมง จึงอยากอาสาเข้ามาช่วย

“ฉันอยากไปที่นี่ค่ะ” หญิงสาวพูดเสียงสั่นพลางยื่นนามบัตรให้

‘SBD Casino’ ก่อนที่พ่อจะตายท่านได้ให้นามบัตรนี่ไว้กับเธอพร้อมกับจดหมายลายมืออีกหนึ่งฉบับ

อยู่ที่ต่างประเทศไม่มีญาติพี่น้อง พ่อและแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อหลายเดือนก่อน เลยต้องอาศัยอยู่ตามลำพัง

ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากเหตุฆาตกรรมไม่ใช่อุบัติทั่วไป เนื่องจากศัตรูของพ่อมีอิทธิพลมาก เด็กไร้เดียงสาอย่างเธอคงทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้ายอมรับชะตากรรมอย่างหมดหนทางสู้

ทรัพย์สมบัติของพ่อที่มีก็ถูกโกงไปจนหมดสิ้น บ้านที่เคยอยู่ก็ถูกยึดทำให้เธอกลายเป็นคนเร่ร่อนและถูกไล่ล่าจากคู่อริของพ่อ

เดมี่ตัดสินใจนำเงินก้อนสุดท้ายที่มีมาซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทยตามคำสั่งสุดท้ายของพ่อ

พ่อและแม่สั่งเสียเอาไว้ก่อนที่ท่านจะตายว่าให้ไปหาคนที่อยู่ในนามบัตร ‘บุรินทร์ภัทร วรางกูร’ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนในนามบัตรนี้จะเป็นคนช่วยเหลือเธอ

“แน่ใจเหรอว่าจะไปที่นี่ มันอันตรายนะคุณ” คนในละแวกนั้นต่างรู้ดีว่า ‘SBD Casino’ คือสถานบันเทิงอโคจรขนาดใหญ่ มีผู้คนมากหน้าหลายตาพลุกพล่านวันละหลายพันคน

นอกจากกาสิโนหลายสิบชั้นแล้วภายในยังเป็นห้องพักระดับห้าดาว มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน มีสปอร์ตเลานจ์ รวมถึงไนต์คลับชั้นใต้ดิน

“แน่ใจค่ะ ฉันจะไปที่นี่”

.

เวลาต่อมา…

เดมี่ก้าวขาลงจากรถประจำทาง หันมองซ้ายขวาด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะเดินเข้ามาในตรอกคับแคบที่ดูเปล่าเปลี่ยว

บรรยากาศสองข้างทางเงียบสงัด สายลมพัดผ่านให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก มีเพียงเสียงแมลงที่พอจะเป็นเพื่อนร่วมทาง พระอาทิตย์เริ่มจะลาลับขอบฟ้า เหลือแค่เพียงแสงไฟสลัวจากข้างทางที่พอจะส่องแสงให้เห็นเลือนลาง

สองมือกอดกระเป๋าไว้แน่นราวกับหวงแหนนักหนา มันเป็นเถ้ากระดูกของพ่อกับแม่และเป็นทรัพย์สมบัติเพียงอย่างเดียวที่หลงเหลืออยู่

“มาหาใคร”

ชายฉกรรจ์เดินเข้ามาทัก เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวที่ยืนลับๆ ล่อๆ เกาะประตูรั้วชะเง้อคอมองคนที่เดินผ่านไปมา

“มาหาคุณอา” เดมี่ยื่นนามบัตรเพื่อเป็นหลักฐาน มองไปยังตึกสูงมโหฬารที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อมองเห็นป้ายชื่อตัวโตว่า ‘SBD Casino’ ในที่สุดเธอก็มาถูกทางแล้ว

“ได้นัดไว้หรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ ไม่ได้นัด”

“ถ้าไม่ได้นัดก็เข้าพบนายไม่ได้”

“แต่ฉันเดือดร้อนจริงๆ ฉันต้องการพบคุณอา”

“ที่นี่ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ จะไปขอทานที่ไหนก็ไป!” สภาพของหญิงสาวตัวอ้วนดูอิดโรยซ่อมซ่อ ไม่เหมือนกับแขกของเจ้านายเลยสักนิด

“แต่ฉันไม่ใช่ขอทานนะ”

“สภาพแบบนี้น่ะเหรอที่เป็นแขกนาย”

“ฉันมาหาอาแฟรงก์ ฉันเป็นลูกสาวของคุณเจย์เดน”

“ไปเล่นไกลๆ อีหนู ถ้านายมาเจอเดี๋ยวได้ซวยกันหมด” นายใหญ่ว่าดุมากแล้ว แต่นายน้อยโหดเหี้ยมและน่าเกรงขามมากกว่าหลายเท่า

“ฉันขอพบคุณอาหน่อยนะคะ ฉันรู้จักคุณอาจริงๆ”

“วันนี้นายใหญ่กลับไปแล้ว ตอนนี้อยู่แต่นายน้อย”

“นายน้อย?” คิ้วเรียวคิ้วขมวดปมเข้าหากันอย่างหนึ่งสงสัย นายน้อยคือใครเธอไม่รู้จัก

“คุณบุรินทร์ ลูกชายของนายใหญ่”

“เฮียเฟยเหรอ ฉันขอเจอเฮียเฟยก็ได้”

“…..” ชายฉกรรจ์ชุดดำหยุดชะงักมองสำรวจคนที่เพิ่งมาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างถี่ถ้วน ถ้ารู้จักชื่อเล่นของเจ้านายได้นั่นแปลว่าไม่ใช่แขกธรรมดา

“เอาน่าลูกพี่ เผื่อบางทีนายน้อยอยากจะลองของแปลก” ชายฉกรรจ์อีกคนกระซิบข้างหูออกความเห็น “แต่จะว่าไปผิวพรรณนังเด็กคนนี้ก็ดีนะ ขาวจั๊วะเลย”

“…..”

“งั้นตามมาทางนี้ จะพาไปหานายน้อย”

“…..” หญิงสาวออกอาการดีใจนอกหน้านอกตา รีบเดินตามชายฉกรรจ์เข้ามาในตัวอาคารโดยไม่ทันคิดระแวง

“นั่งรอตรงนี้! อย่าคิดเดินเพ่นพ่าน ต้องรอให้นายน้อยนวดตัวและทำสปาเสร็จถึงจะเข้าพบได้”

“อีกนานไหมคะ”

“สองชั่วโมงหรือถ้ารอไม่ได้ก็กลับไป”

“รอได้ค่ะ”

สองชั่วโมงผ่านไป

“ขออนุญาตครับนาย” ลูกน้องคนสนิทรีบเดินเข้าไปรายงานผู้เป็นเจ้านายที่กำลังนั่งนอนคว่ำหน้าเปลือยกายอยู่บนเตียงโดยมีพนักงานสาวสวยคู่ใจยืนประกบคอยนวดตัวให้เหมือนอย่างเช่นทุกวัน

“มีอะไร” บุรินทร์ปรือตามองเพียงนิดหลังจากถูกขัดจังหวะ ก่อนจะหยุดการกระทำอย่างหัวเสีย

“มีคนมาขอพบนายครับ”

“ไม่เห็นหรือไงว่ากูทำอะไรอยู่” พอได้ยินน้ำเสียงเรียบนิ่งของผู้เป็นนายบริเวณโดยรอบก็เงียบสงัดลงในทันทีราวกับว่าไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น

ถึงแม้ว่าเจ้านายจะไม่ได้ตะคอกหรือส่งเสียงดัง แต่ก็สามารถทำให้คนที่ได้ยินต้องเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก

“แต่เธอบอกมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับนายใหญ่ด้วยครับ”

“ใคร?”

“เห็นบอกว่าชื่อรามิครับ” ลูกน้องคนสนิทต่างมองหน้ากัน ก่อนจะยกมือเกาหัวอย่างงุนงง “เอ่อ…ไม่ใช่ครับนาย เธอบอกว่าชื่อเรย์มี่ครับ”

“เรย์มี่?” บุรินทร์ค่อยหลับตาลงช้าๆ พลางคิดทบทวน แต่ไม่คุ้นเคย

“ใช่ครับ เธอบอกว่าชื่อเรย์มี่”

“ไล่มันออกไป!”

“…..”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel