บทที่ 5 เด็กเลี้ยงของบุรินทร์
-บ้านของบุรินทร์-
ตึกตัก…เสียงของฝีเท้านับสิบดังขึ้นอย่างรีบร้อน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักภายในคฤหาสน์ของลูกชาย
“เดมี่อยู่ไหน” บุรินทร์ภัทรถามลูกน้องคนสนิทอย่างร้อนใจ พอมีคนของบุรินทร์โทรบอกว่าเจอเดมี่ก็รีบขับรถมาหาในทันที
“คุณเดมี่อยู่ในห้องครับนายใหญ่”
“เดมี่เป็นยังไงบ้าง”
“มีอาการขาดน้ำและอ่อนเพลียครับ”
แกร๊ก…บานประตูห้องพักถูกเปิดออก บุรินทร์ภัทรค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปหาหลานสาวที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงด้วยความระมัดระวัง
ตามเนื้อตัวของเดมี่มีแต่ร่องรอยฟกช้ำแถมเสื้อผ้าก็ยังดูเก่าเปรอะเปื้อนน่าสงสาร
“เดมี่…เดมี่ได้ยินอาไหม”
“คุณอาเหรอคะ” หญิงสาวลืมตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“ใช่! อาแฟรงก์เอง เดมี่จำอาได้ไหม”
“…..” หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ พลางจ้องมองใบหน้าของคนที่เพิ่งมาใหม่ ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“ฮึก…คุณอา”
“เล่าให้อาฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ฮึก…แด๊ดดี้กับหม่ามี้ตายแล้วค่ะ”
“หลานไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”
“จดหมายจากแด๊ดดี้ฝากให้คุณอาค่ะ” เดมี่สะอึกสะอื้นยื่นจดหมายฉบับสุดท้ายที่พ่อฝากไว้ให้ก่อนตายส่งถึงมือเพื่อนคนที่ไว้ใจที่สุด
“…..”
เขารับมันมาด้วยมือสั่นเทา บรรยากาศรอบตัวเงียบวังเวง จะมีก็แค่เพียงเสียงร้องไห้ของบุรินทร์ภัทรที่ดังเล็ดลอดพอให้ได้ยิน
บุรินทร์ภัทรทรุดเข่านั่งลงบนพื้นด้วยแขนขาอ่อนแรง ยกมือสั่นเทาขึ้นปิดใบหน้า น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อในวันนี้ไอ้เจย์เดนมันไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่จำความไม่ได้ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่จู่ๆ มันกลับทิ้งเขาไปไม่ลาสักคำ แทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือความจริง
“เวรเอ้ย! มันเกิดอะไรขึ้น” บุรินทร์ภัทรบอกด้วยความคับแค้นภายในใจ ยังไงเพื่อนต้องไม่ตายฟรี ใครที่มีส่วนรู้เห็นในครั้งนี้ เขาจะลากมันลงนรกพร้อมกันให้หมด
“ระ…รถแด๊ดดี้โดนตัดสายเบรกค่ะ”
‘ไอ้แฟรงก์…ถ้ากูไม่อยู่ ฝากมึงดูแลเดมี่ด้วยนะ’
‘ลูกมึง มึงก็เลี้ยงเองดิ’
‘มึงก็รู้งานที่กูทำมันเสี่ยงแค่ไหน’
‘…..’
‘กูจะตายวันไหนก็ไม่รู้ ถ้ากูตายไปมึงเลี้ยงลูกให้กูด้วยนะ มึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่กูไว้ใจมากที่สุด นอกจากมึงแล้วกูไม่ไว้ใจใคร’
‘เออ! จะตายก็รีบตาย ส่วนลูกมึงเดี๋ยวกูเลี้ยงให้เอง’
‘มึงรับปากกับกูแล้วนะห้ามผิดสัญญา’
‘เออ! กูบอกว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยง ถ้ามึงตายเมื่อไหร่กูจะดูแลลูกมึงให้อย่างดี’
“นับจากนี้ไป…อาจะเป็นคนดูแลมี่เองนะ” บุรินทร์ภัทรออกปากรับ ลูบศีรษะของหลานสาวเพื่อปลอบใจ ตอนมีชีวิตอยู่ก็มีแต่ไอ้เจย์เดนที่อยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือกันมา
เดมี่คือสิ่งเดียวที่มันรัก เขาจึงอยากดูแลชีวิตน้อยๆ ที่เหลือต่อจากนี้
“อารับปากกับพ่อของหลานไว้แล้ว ก็แค่หลานคนเดียวทำไมอาจะเลี้ยงไม่ได้”
“…..”
…
-เวลาต่อมา-
“มีเวลาว่างให้ป๊าสักหน่อยไหม พอดีป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
บุรินทร์ภัทรเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารสำคัญอยู่บนโต๊ะทำงานภายในห้องขนาดใหญ่ ข้างกายของบุรินทร์มีลูกน้องคนสนิทคอยยืนเฝ้าไม่ห่างไปไหน
เขามองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวอย่างเกรงใจ เฟยเป็นคนนิ่งเงียบ หัวรุนแรงจนบางทีก็ดูน่ากลัว และหวงความเป็นส่วนตัว ชอบเก็บตัวลึกลับไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
“มีอะไรก็พูดมา”
“เรื่องเดมี่”
เฟยหยุดชะงัก วางมือจากงานที่ทำ เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อหลังจากได้ยินชื่อนั้น ‘เดมี่’ ยัยเด็กตัวอ้วนจอมวุ่นวายเขาจำได้ดี “อืม…แล้วยังไง?”
“อาเจย์เดนเสียแล้ว ตอนนี้เดมี่ไม่เหลือใคร ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน”
“…..”
“ป๊ารับปากกับอาเจย์เดนไว้ว่าจะดูแลน้อง ป๊าไม่อยากผิดคำพูดกับคนที่ตายไปแล้ว” เดมี่อ่านภาษาไทยไม่ออก เขียนไม่ได้ ถ้าปล่อยให้ไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวตัวคนเดียว มันก็จะดูโหดร้ายเกินไป
“เดี๋ยวผมดูแลเด็กนี่ให้เอง”
“แต่ป๊าไม่อยากให้เฮียลำบาก ลำพังงานของเฮียก็เยอะมากอยู่แล้ว” บุรินทร์ภัทรพูดเสียงอ่อน พยายามหว่านล้อมเพื่อให้ลูกชายเปลี่ยนใจ
แค่มองตาก็เข้าใจว่าเฟยกำลังคิดจะทำอะไรอยู่
“กลัวผมทำอะไรเด็กนั่นเหรอ” เงยหน้าขึ้นสบตากับผู้เป็นพ่ออย่างรู้ทันความคิดไม่ต่างกัน กระตุกยิ้มร้ายเมื่อเห็นท่าทางหนักใจของคนตรงหน้า
“ป๊าขอนะเฮีย เว้นเดมี่ไว้สักคนได้มั้ย อย่าทำอะไรน้อง”
“…..” เขาได้แต่พยายามข่มใจตัวเองไว้ไม่ให้เจอหน้าเธอในตอนนี้ แต่คงคิดว่าอีกไม่นานที่ความอดทนบ้าๆ นี่จะหมดลง
“ถ้าเฮียอยากได้คนใหม่ป๊าจะหามาให้เดี๋ยวนี้ ส่วนเดมี่ป๊าขอเอาไปดูแลเอง”
“เอาไว้ถ้าเบื่อมันเมื่อไหร่จะโยนทิ้งให้แล้วกัน”
“…..”
“แต่ไม่รับประกันนะ ว่าในท้องของยัยเด็กนั่นจะมีหลานป๊าติดไปด้วยหรือเปล่า”
