บทที่ 2 เสี่ยบุรินทร์
-สิบปีผ่านไป-
‘ล้อมจับแก๊งค้าอาวุธเถื่อนย่านอรัญประเทศ พบอาวุธสงครามและเครื่องกระสุนเป็นจำนวนมากเตรียมส่งออกมาเล บุกยึดของกลางได้จำนวนไม่ตำกว่าสามร้อยล้านบาท ตำรวจคาดการณ์ทายาทลูกชายตระกูลดังเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง’
พรึ่บ!
บุรินทร์เหลือบหางตามองเพียงนิดเมื่อถูกแผ่นเอกสารจำนวนมากฟาดเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง
ตอนนี้เขากำลังเป็นที่จับตามองจากสังคมหลังจากถูกตำรวจบุกค้นโกดังสินค้าจนไปเจอหลักฐานสำคัญ
“ของเฮียใช่ไหม”
“…..”
“ทำไมถึงยังไม่เลิกทำงานพวกนี้”
“…..” ไม่มีคำตอบจากปากของชายหนุ่ม ‘บุรินทร์’ ในวัยยี่สิบเก้าปี เขาเป็นถึงอดีตแพทย์ฝีมือดีที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจสืบทอดกิจการต่อจากผู้เป็นพ่อ
“ตอบคำถามป๊าด้วย”
“…..” บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่
บุรินทร์มองหน้าคนทั้งสองสลับกันเพียงนิด บุรินทร์ภัทร(แฟรงก์-แฝดพี่)คือพ่อผู้ให้กำเนิด ส่วนบุรินทร์วัชร์(ฟริน-แฝดน้อง) คือคนที่เลี้ยงมา ให้ความเคาคนับถือเสมือนพ่อแท้ๆ
“ต้องรอให้ป๊าตายก่อนใช่ไหมถึงจะคิดได้”
“เอาน่าไอ้แว่น แค่เรื่องเล็กน้อยมึงจะทำให้มีปัญหาทำไม” ผู้เป็นพ่อใบหน้าซีดเผือด หันซ้ายมองขวาอย่างร้อนรน นานมากแค่ไหนแล้วที่ไม่เห็นได้น้องชายโมโหจนฟิวส์ขาดเลือดขึ้นหน้าขนาดนี้
“เล็กน้อยอะไรไอ้แฟรงก์ ลูกเราทำเกินไปนะ”
“เดี๋ยวกูจัดการเรื่องนี้เอง มึงจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม”
“เพราะเฟยมีพ่อแบบมึงไง ให้ท้ายลูกจนไม่รู้อะไรถูกผิด”
“ถ้ามึงจะด่าก็ด่ากูคนเดียว แต่อย่าว่าเฮีย” แฟรงก์เดินเข้าไปขวางหน้าระหว่างคนทั้งสอง รีบออกหน้ารับแทนลูกชาย
“มึงจำคำกูไว้นะ ถ้ายังคุมลูกไม่ได้แบบนี้ อีกไม่นานมึงคงได้ฉิบหายทั้งหมดนี้แน่!” ฟรินถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า มองหน้าคนทั้งสองอย่างเอือมระอา มันเลี้ยงลูกตามใจให้ท้ายจนเสียผู้เสียคน บุรินทร์ถึงมีนิสัยก้าวร้าว หัวรุนแรงไม่ฟังใคร
ปึง! บานประตูห้องทำงานถูกปิดดังลั่นพร้อมกับบุรินทร์วัชร์ที่เดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์เดือดดาล ขืนทนอยู่ต่อไป คงอดไม่ไหวหยิบปืนขึ้นมาเป่าสมองสองพ่อลูกตรงนี้แน่
“หมดธุระหรือยัง ถ้าเสร็จจะได้กลับ” บุรินทร์ถามผ่านน้ำเสียงเรียบนิ่ง ล้วงหยิบมวนบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุดสูบต่อหน้าผู้เป็นพ่อ
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้ป๊าฟรินจะโกรธจริง เฮียรีบไปขอโทษเลยนะ” แฟรงก์รีบเดินเข้าไปหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่นั่งอยู่
บนตักของบุรินทร์มีตุ๊กตากระต่ายเก่าๆ ที่คอยถือไปไหนมาไหน เขาหวงมันมากคนรอบตัวต่างรู้ดี
“ขอโทษทำไม ผมทำอะไรผิด ที่พวกมันตายก็สมควรแล้ว”
“แต่ป๊าว่าครั้งนี้เฮียทำเกินไป” ผู้เป็นพ่อหันซ้ายมองขวา กระซิบบอกลูกชายข้างใบหู
“เป็นคนสอนเองไม่ใช่เหรอ ไม่ให้หายใจอยู่ร่วมโลกกับศัตรู” ฝ่ามือหนาลูบไล้ตุ๊กตาตัวโปรดราวกับหวงแหนมันนักหนา ก่อนจะคลี่ยิ้มบางเย็นยะเยือกจนทำให้ผู้เป็นพ่อรีบขยับตัวถอยห่าง “ใครที่มันทำให้เราผิดหวัง อย่าคิดจะเก็บมันไว้!”
“…..”
…
-SBD Casino-
ตึกตัก…
เสียงฝีเท้านับสิบดังขึ้นอย่างรีบร้อน ลูกน้องชายฉกรรจ์ชุดดำที่อยู่บริเวณนั้น ต่างรีบพากันวิ่งวุ่นเข้ามาต้อนรับผู้เป็นนายที่เพิ่งมาถึง
ชายหนุ่มวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบ ก่อนจะก้าวขาลงจากรถตู้คันหรูราคาแพงที่กระจกรอบคันปิดทึบด้วยฟิล์มดำมืด ตัวรถถูกห่อหุ้มด้วยเกาะกันกระสุนชนิดพิเศษ
ความสูงของเขาราวๆ หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ริมฝีปากคาบมวนบุหรี่ สีหน้าเรียบนิ่งดูไร้อารมณ์กับสิ่งรอบข้าง ตัดผมทรงสกินเฮดจนเกือบจะติดหนังหัว ใบหน้าเข้มดุรับกับดวงตาเฉี่ยวคม ทำให้ดูน่าเกรงขามจนลูกน้องพากันก้มหน้าหลบสายตา
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง พ่นควันบุหรี่จนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ตามหลังมีลูกน้องคนสนิทคอยเดินประกบทั้งซ้ายและขวา
ใบหน้าคมคายเคลือบไปด้วยหยาดเหงื่อจนเงาวับ เหมือนคนที่เพิ่งผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนักหน่วง หุ่นหนาอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
‘บุรินทร์’ คือทายาทเพียงคนเดียวของบุรินทร์ภัทร เจ้าของกาสิโนแห่งนี้ อีกไม่นานเขาจะเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้บริหารเต็มตัวแทนผู้เป็นพ่อ
เขาถูกขนานนามกลายเป็นที่รู้จักและยกย่องมีอิทธิพลบารมีกว้างขวางอยู่แถวหน้าในแวดวงธุรกิจสีเทา
บุรินทร์ประสบความสำเร็จสร้างเม็ดเงินได้มหาศาลจนถูกขนานนามตั้งแต่อายุยังน้อยจากเส้นทางที่ผู้เป็นพ่อเตรียมไว้ให้ จนกลายเป็นที่ยอมรับทำให้มีผู้คนมากมายคอยก้มหัวให้ความเคารพนับหน้าถือตา
แต่ในเมื่อมีคนรักมากก็ย่อมมีคนเกลียดมากด้วยเช่นกัน นิสัยเด็ดขาดไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครหน้าไหน ทำให้บุรินทร์เป็นที่จับตามองของฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะทำอะไรจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นไปอีก
“กว่าจะเจอตัวเป็นๆ ได้ ยากเย็นเหลือเกินนะเสี่ย”
เสียงทักทายของเพื่อนสนิทช่วยดึงความสนใจจากชายหนุ่มอีกครั้ง
“พวกมึงพากันเสนอหน้าเข้ามาทำไม” บุรินทร์หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง มองคนทั้งสองด้วยความรำคาญใจ
เดรกซ์และน็อกซ์ คือเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกัน รู้จักมาตั้งแต่สมัยหัวเกรียนเรียนมัธยมชายล้วน
“คิดถึงเสี่ยน่ะสิ ไม่เจอเกือบครึ่งปี เป็นยังไงบ้าง” กว่าจะเจอเพื่อนรักอย่างตัวเป็นๆ แบบนี้ได้ลำบากลำบนยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร บุรินทร์เข้าถึงยากแถมยังต้องนัดล่วงหน้าเป็นเดือนๆ
“ไม่ต้องบ้าน้ำลาย มีอะไรก็พูดมา”
“เดือนหน้าผมมีธุรกิจที่กำลังจะเปิดใหม่ เลยอยากมาอาศัยบารมีของเสี่ยคุ้มกะลาหัวสักหน่อย” เดรกซ์มองหน้าเพื่อนสนิทก่อนจะยิ้มให้อย่างรู้ใจกัน หยิบเช็คเงินสดจำนวนถึงแปดหลักวางลงบนโต๊ะ “จำนวนตัวเลขเล็กๆ น้อยๆ พอจะเป็นค่าเสียเวลาให้เสี่ยได้ไหม”
“ก็ตามนั้น”
“ขอบคุณมากครับที่กรุณา”
“…..” บุรินทร์ไม่ได้ตอบคำถาม ชำเลืองมองไปยังคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ทางด้านหลังของเพื่อนสนิท
“พวกผมกลัวเสี่ยจะเหงา ผมเลยหาคนมาเล่นเป็นเพื่อน”
นายแบบหุ่นแน่นผิวขาวหน้าตาจัดเข้าขั้นว่าหล่อเหลาไม่ใช่เล่น ส่วนอีกคนเป็นถึงนักแสดงสาวสวยดาวรุ่งสัดส่วนอวบอั๋น
“เด็กใหม่ผมเอง อยากพามาฝากเนื้อฝากตัวกับเสี่ย” เพราะรู้ว่าบุรินทร์มีรสนิยมเป็นไบเซ็กชวลที่ชอบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ถ้าพบเจอใครที่ถูกชะตาต้องใจ มันจัดได้หมดไม่มีติด “วันนี้เสี่ยอยากได้แบบไหนเลือกเอาสิ หรือถ้าถูกใจ…เสี่ยจะเอาทั้งหมดก็ย่อมได้”
“บอกคนของมึงไปรอในห้อง เดี๋ยวกูตามไป”
“แต่ช่วยเบามือกับน้องมันหน่อยนะ พอดีคนของผมมีงานต่อ”
“คนของมึงมันกระจอกเอง จะมาโทษกูฝ่ายเดียวไม่ได้”
“เชิญตามสบายเลยเสี่ย เดี๋ยวพวกผมกินเหล้านั่งเฝ้าน้องไข่เน่าให้เอง” เดรกซ์ได้แต่มองตามแผ่นหลังของเพื่อนสนิทที่เดินหายเข้าไปในห้องพักส่วนตัว
“…..”
“ว่าไงไอ้เน่า ไม่เจอกันนานแกดูเก่าขึ้นเยอะเลยนะ” เดรกซ์หยิบตุ๊กตาตัวโปรดของบุรินทร์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาจับ ก่อนจะขยี้มันเบาๆ แล้วโยนเล่นไปมา “ตุ๊กตาเก่าราคาถูก ทำไมพ่อแกถึงหวงนักหนา”
ตุบ! กำปั้นหนักๆ ของไอ้น็อกซ์ทุบลงบนหลังของเขาอย่างแรงแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
“ไอ้น็อกซ์ ไอ้เวร! หลังกูแทบหัก”
“ไปจับของมันทำไม อยากตายหรือไง รีบวางลง!”
