บทที่ 48 เลื่อนระดับ
ณ ทวีปฮอร์ปหรือที่ทุกคนเรียกว่าเป็นทวีปแห่งขุนเขาและความรุ่งโรจน์ ทวีปแห่งผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่มีเผ่าคนแคระ เผ่าเอลฟ์ และเผ่าปักษาเป็นผู้ปกปักรักษา ทั้งสามเผ่าพันธุ์ล้วนเป็นพันธมิตรกันเพื่อความอยู่รอดและเพื่อป้องกันการล่มสลายของทวีป โดยทวีปฮอร์ปจะแบ่งออกด้วยกำแพงขนาดขนาดใหญ่คล้ายกำแพงเมืองจีน โดยแบ่งทวีปออกเป็นสามส่วนอย่างชัดเจนเพื่อแบ่งพื้นที่ให้ทั้งสามเผ่าพันธุ์อย่างเท่าเทียมกัน และเนื่องจากทวีปฮอร์ปมีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากทวีปอารีน่าทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการแย่งชิงดินแดนกันภายในสามเผ่าพันธุ์ โดยกฎระหว่างเผ่าพันธุ์ที่จะข้ามพรมแดนจะคือทุกเผ่าพันธุ์จำเป็นจะต้องเดินทางด้านบนกำแพงซึ่งเป็นเส้นทางเดินเท่านั้น ซึ่งมีระยะทางไกลมาก และไม่สามารถข้ามกำแพงโดยวิธีการข้ามไปอีกฟากของกำแพงเพื่อเข้ามาอีกเขตแดนหนึ่งได้โดยเด็ดขาด จะต้องเดินมายังทางเชื่อมที่ตัดกันแล้วค่อยข้ามเท่านั้นถ้าเดินทางโดยวิธีนอกเหนือจากนั้นจะถือว่าผิดกฎเผ่าพันธุ์และจะโดนโทษตามแต่ผู้นำเผ่าพันธุ์จะกำหนด
“โอเกอร์…เราจำเป็นจะต้องเดินผ่านตรงนี้จริงๆหรอเพื่อน..?”
เทพอัศนีในชุดเกราะระดับสูงพูดถามขึ้น ตอนนี้พวกเขาทั้ง 4 คนเดินทางมายังทวีปฮอร์ปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่เนื่องจากพวกเขาต้องลงเรือยังฝั่งดินแดนของเอลฟ์ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่ชิงชังมนุษย์เนื่องจากเผ่ามนุษย์ในอดีตกาลเคยกดขี่ข่มเหงบรรพบุรุษต่างๆนานา ทำให้เอลฟ์ที่รักสงบจะยิงธนูปักสมองผู้เล่นเผ่ามนุษย์ทันทีเมื่อเจอพวกโอเกอร์จึงจำเป็นจะต้องเดินทางแบบหลบๆซ่อนๆเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองไว้จนกว่าจะไปถึงเส้นทางของเผ่าคนแคระ
“ถ้านายอยากอยู่ตรงนี้ให้พวกเอลฟ์ฆ่านาย ก็อยู่ไปละกัน..เราอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว แต่ละวันแทบไม่ได้นอนต้องวิ่งหนีลูกธนูกับเวทมนตร์รากไม้ของผู้เล่นเผ่าเอลฟ์กับพวกเอลฟ์ป่า นายยังไม่เข็ดอีกรึไง?”
เทพคันศรยกธนูระดับ 7 ไปด้านหน้าก่อนจะปล่อยลูกธนูออกไปปักศีรษะสัตว์อสูรมนุษย์กิ้งก่าที่ ที่ใช้ทักษะพลางตัวอยู่ด้านหลังจนสลายไป ปัก!!
“แต่ก็ดีอย่างหนึ่งตรงที่ป่านี้มีสัตว์อสูรระดับไม่สูงมาก พวกนายเลยระดับขึ้นมาแตะที่ 35 กันได้สักที..”
โอเกอร์พูดยิ้มๆก่อนจะเดินนำขึ้นไปยังเส้นทางบนกำแพง
“เส้นทางนี้ยาวนับหลายร้อยกิโล..ถ้าไม่โชคดีเจอเผ่าปักษาหรือสัตว์อสูรจำพวกนกช่วยพาบินข้ามไปละก็พวกเราคงต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลยแหละกว่าจะเดินทางไปถึงเผ่าคนแคระ..”
“แต่พวกเขาไม่มีทักษะวิชาตัวเบา..คงใช้เวลาเกือบเดือนเลยมั้ง..”
ยาจกซูหลินพูดขึ้นก่อนที่จะหันหน้าไปมองเทพอัศนีและเทพคันศรทีกำลังวุ่นวายกับสัตว์อสูรมนุษย์กิ้งก่า
“ก็คงงั้น..ยังไงการเพิ่มระดับให้สองคนนี้ก็สำคัญที่สุด..ฉันเคยได้ยินมาว่าเส้นทางบนกำแพงข้ามเขตแดนเป็นเส้นทางนรก..ฉันคิดว่ามันหินพอสมควรเพราะนอกจากมันเป็นเส้นทางตรงไม่มีอะไรเลยนอกจากถนนจึงไม่สามารถหาที่หลบได้ เพราะฉะนั้นหากเจออะไรก็ด้านหน้าเส้นทางนี้ก็ตาม พวกนั้นก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้แม้แต่น้อย”
“สัตว์อสูรบนเส้นทางนี้คงเกลื่อนหน้าดู..เราคงต้องทำงานหนักหน่อยแล้ว ฮ่าๆ”
ยาจกซูหลินหัวเราะก่อนที่ทั้งคู่จะเดินนำไปยังเส้นทางด้านหน้า
บึม !! สัตว์อสูรแรปเตอร์ระดับ 40 จะนวน 3 ตัววิ่งผ่านป่าด้วยความรวดเร็วเพื่อไล่ตามเหยื่อของมัน โฮ๊กกก!!! ฟูเหลาที่กำลังวิ่งหน้าตั้งรีบเร่งฝีเท้าของเขาก่อนจะกระโดดสุดแรงเพื่อโหนกิ่งไม้ด้านบนเพื่อหลบการโจมตีของสัตว์อสูรทั้งสาม งั่ม!!!
“เห้!!!คิระ!!!!”
ฟูเหลาตะโกนเรียกคิระเสียงดัง
ดาบสีม่วงพุ่งทะลุป่าออกมาก่อนจะสะบัดฟันศีรษะของสัตว์อสูรทั้งสามจนสลายไปอย่างง่ายดาย คิระเดินออกมาจากป่าทึบด้านหลังช้าๆก่อนจะเก็กมาดเท่ราวกับพระเอกละคร
“ให้ฉันระดับเท่านายบ้าง ฉันก็ทำได้ว่ะ..”
ฟูเหลาพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ
“ไม่ต้องพูดมากเลย..รีบๆไปล่อสัตว์อสูรมาได้แล้ว..คนในกิลด์เขาช่วยนายกันทุกคนเพื่อให้นายระดับขึ้นมา 40 ไวๆ..”
“นั่นดิ…แต่จริงๆนี่เราก็เก็บระดับมา 4 วันได้แล้วนะ..ทำไมระดับฉันขึ้นมาถึงแค่ระดับ 33 เอง..”
ฟูเหลาเปิดหน้าต่างสถานะออกมาดู คิระเองก็สงสัยเช่นเดียวกันเพราะปกติปาร์ตี้ขนาดใหญ่ที่ช่วยกันเก็บระดับมันต้องเพิ่มระดับได้เยอะกว่านี้มากแล้ว ดีไม่ดีควรจะระดับถึง 40 แล้วด้วยซ้ำเพราะผู้เล่นที่ช่วยฟูเหลาก็มีไม่ต่ำกว่า 6 คนกระจายกันต่อสู้กับสัตว์อสูรในป่า มันไม่มีทางเลยที่ระดับของฟูเหลาจะขึ้นช้าขนาดนี้ในการเก็บระดับระยะแรกๆที่เป็นการเก็บระดับไวที่สุด
“ฉันรู้แล้ว..ทำไมระดับนายขึ้นช้า...”
คิระทำหน้านิ่งๆหลังจากแอบมองหน้าต่างสถานะของฟูเหลา
“ทำไมขึ้นช้า?” ชายหนุ่มทำหน้างงๆพร้อมกับหันไปหาคิระ
“นายเลี้ยงสัตว์อยู่ 46 ตัวแล้วกดหารค่าประสบการณ์กับมันแบบ 70%ต่อ 30% ไง ไอ้ไง่!!”
โป๊ก!!
คิระใช้สันดาบเขกหัวฟูเหลาไปหนึ่งที ฟูเหลาสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยังทำหน้างงๆอยู่..
“ก็สัตว์ฉันตายไปแล้วนี่หว่า..ทั้ง 46 ตัวเลย..”
“สัตว์อสูรมันคืนชีพได้เฟ้ย!! แกรีบกดไปที่ตั้งค่าเลย!! แล้วก็เปลี่ยนเป็นแกรับค่าประสบการณ์ 100% ซ่ะ!!”
คิระรีบพูดก่อนจะหันหลังเดินไปล่าสัตว์อสูรเพื่อช่วยเพิ่มระดับฟูเหลาต่อ ชายหนุ่มที่ได้ยินว่าสัตว์อสูรของเขาสามารถคืนชีพได้ก็ยิ้มกรุ้มกริ่มขึ้นมาทันที ฟูเหลารีบเปลี่ยนการตั้งค่าตามที่คิระบอกก่อนจะผายมือออกทั้งสองข้างแล้วพูดคนเดียวอย่างกับคนบ้า
“ลูกๆของฉัน…พวกแกจะต้องกลับมายังอ้อมกอดของพ่ออีกครั้ง..รอพ่อก่อนนะลูกๆ”
“ระดับของท่านขึ้นเป็น 34..35..36”
เสียงจากระบบแจ้งเตือนขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่ฟูเหลาได้ปรับเปลี่ยนการตั้งคา
“โอ้!!ไวแฮะ..แต่อย่างว่าแหละเราควรระดับ 40 ไปตั้งนานแล้ว..เพราะหลังจากระดับ 40 ไปแล้วการเก็บระดับจะเป็นไปได้อย่างยากลำบากสุดๆ แต่ไงกว่าจถึงตอนนั้นเราก็คงหาวิธีเก็บระดับให้ได้ไวๆได้อยู่ล่ะมั้ง..”
ฟูเหลายิ้ม
แผนการในตอนนี้ของฟูเหลาและกิลด์มนุษย์เทพยุทธ์คือต้องการทำให้ฟูเหลาระดับถึง 40 เพื่อเพิ่มกำลังในการรบ เพราะถึงแม้ฟูเหลาจะระดับไม่ได้สูงมากเท่าระดับของพวกหัวหน้าหน่วย หรือผู้เล่นที่เล่นมานาน แต่ระดับ 40 ก็เป็นระดับพื้นฐานที่ผู้เล่นทุกคนควรรีบพัฒนาตัวเองให้ถึงในขั้นนี้ แต่เพราะฟูเหลามีไอเทมระดับสูงที่เสริมพลังการโจมตีด้วย ซึ่งดีไม่ดีพลังโจมตีของฟูเหลาจะแรงกว่าหัวหน้าหน่วยบางคนด้วยซ้ำ การทำให้ฟูเหลามีระดับ 40 ไวๆจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในภารกิจนี้
ชายหนุ่มรีบเข้าไปสมทบกับกลุ่มผู้เล่น 6 คนที่มีคิระเป็นผู้นำกลุ่ม ผู้เล่นในกลุ่มล้วนอยู่ที่ระดับช่วง 45- 50 ทั้งนั้น การต่อสู้กับแรปเตอร์จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรมาก แต่ฟูเหลาเองไม่อยากเป็นตัวถ่วงทำตัวสบายไม่ต้องทำอะไรระดับก็ขึ้น 40 เขาจึงอาสาเป็นเด็กส่งของให้กับคนในกิลด์เพื่อทำตัวให้เป็นประโยชน์แทน
“เห้ย!! น้ำมายัง!! หิวๆๆๆๆ!!”
ตี๋อ้วนแกล้งตะโกนเสียงดังเรียกฟูเหลาซึ่งอยู่ในสถานะเบ๊ของกิลด์มนุษย์เทพยุทธ์ให้เอาน้ำมาให้
“นั่นดิเหนื่อยจะตายขอน้ำยาเพิ่มพลังหน่อยดิ๊เด็กใหม่!!”
ผู้เล่นอีกคนตะโกนขึ้นบ้าง
“ครับพี่ๆ ใจเย็นๆครับ..น้ำและยาเพิ่มพลังกำลังเดินทางไปหาครับ..”
ชายหนุ่มรีบหยิบน้ำและยาเพิ่มพลังชีวิตที่อยู่ในกระเป๋าเดินก้มตัวเพื่อเตรียมจะส่งให้ตี๋อ้วนและผู้เล่นอีกคนดื่มตาที่ได้เรียกร้องมา
“ดีมาก!!ทำตัวให้มีประโยชน์..ระดับจะได้ขึ้นไวๆ”
ตี๋อ้วนยิ้มด้วยความสะใจ
‘ไอ้ฟูเหลา!!เอ็งเสร็จแน่!!! บังอาจทำให้ฉันเสียหน้า จะแกล้งให้เข็ด!!’
ตี๋อ้วนหันไปมองผู้เล่นข้างๆก่อนจะยิ้มให้กัน ฟูเหลาที่แอบสังเกตเห็นว่าตี๋อ้วนและผู้เล่นข้างๆกำลังส่งซิกให้กันอยู่ก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองกำลังโดนแกล้ง ชายหนุ่มรีบหยิบสมุนไพรชื่อหม่าล่าที่เก็บได้ในป่าก่อนหน้าขึ้นมา..สมุนไพรชนิดนี้มีฤทธิ์ทำให้ผู้ที่กินเข้าไปเกิดอาการชาลิ้นชาปากทำให้ไม่สามารถรับรู้รสชาติรวมถึงทำให้ลิ้นแข็งพูดจนไม่รู้เรื่อง ฟูเหลายิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมกับค่อยๆใช้มือขยำสมุนไพรจนเป็นผงแล้วใส่ลงไปในน้ำและยาเพิ่มพลังชีวิต
'หึหึ..จะแกล้งท่านฟูเหลาผู้เป็นพ่อค้าอันดับ 1 เอ็งโดนแน่นอนไอ้อ้วน..'
“เอ้า!!เร็วดิ!!หิวน้ำเว้ย!!”
ตี๋อ้วนตะโกนเสียงดัง
“ครับๆๆ ได้แล้วครับ!!”
ฟูเหลายื่นขวดน้ำให้ตี๋อ้วนก่อนจะส่งยาเพิ่มพลังชีวิตให้กับผู้เล่นข้างๆ คิระที่เห็นการกระทำทั้งหมดของฟูเหลาก็แอบหัวเราะขึ้นเบาๆให้กับความแสบของเพื่อนใหม่
“ทำไมน้ำข้ามันสีแปลกว่ะ..”
ตี๋อ้วนพูดขึ้นขณะที่ยกขวดน้ำที่มีน้ำสีออกแดงอ่อนๆอยู่ในขวดขึ้นมาดู
“ฉันใส่สมุนไพรลงไปน่ะ..มันมีฤทธิ์ทำให้นายเต่งตึง..”
“แล้วใส่ให้ฉันด้วยรึเปล่า?”
ผู้เล่นที่ได้ยาเพิ่มพลังชีวิตถามขึ้น
“ใส่ดิพวกนายจะได้เต่งตึงกระปรี้กระเปร่าหน่อย เพราะพวกนายต้องใช้แรงเยอะ..”
ทั้งคู่กินน้ำที่ฟูเหลาให้โดยไม่คิดอะไรและภายใน 3 วิเท่านั้น ทั้งคู่ก็ได้รับรู้พลังของหม่าล่าในทันที ฟูเหลาและคิระต่างหัวเราะเสียงดังลั่นเม่อเห็นทั้งคู่หุบปากไม่ได้เพราะชาลิ้น
“ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ!!!”
“อ้า..ยบั..ดซ..บฟู.เหล…า”
ตี๋อ้วนพยายามพูดด่าทอฟูเหลาด้วยความโมโหแต่ก็ไม่สามารถพูดสิ่งที่ตัวเองคิดได้อย่างใจนึกเนื่องจากไม่สามารถขยับปากได้ตามที่ต้องการ
“อ๊…าก”
ผู้เล่นข้างๆใช้มือดึงลิ้นตัวเองเพื่อบรรเทาอาการชา
“อย่..าให้..ห..ายนะ!!!”
ตี๋อ้วนส่งสายตาอำมหิตให้ฟูเหลา ซึ่งฟูเหลาไม่ได้สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น เขายังคงทำท่ากวนเบื้องล่างต่อพร้อมกับชูนิ้วกางให้ตี๋อ้วน
“บั..ดซบ…บ้..าจริ..ง”
ตี๋อ้วนพูดด้วยความเจ็บใจฟูเหลาไม่ใช่น้อย คิระอดหัวเราะให้กับการกระทำของทั้งสามคนไม่ได้ก็ยิ่งระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา
"ฮ่าๆๆๆ!!!"
ฟูเหลายิ้มขึ้น ตอนนี้เขาพึ่งรู้สึกสนุกกับการเล่นเกมอีกครั้งหลังจากเลิกเล่นไปนาน เขามองไปยังเพื่อนใหม่รอบๆก่อนที่เสียงระบบจะดังขึ้นอีกครั้ง
“ระดับของท่านขึ้นเป็น 37..38”
ฟูเหลาหักนิ้วตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหาคิระ
“เอาล่ะคิระ..มาว่าเรื่องภารกิจของนายกันดีกว่า..”
คิระมองฟูเหลาก่อนจะพูดขึ้น
“ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ..ตี๋อ้วน!! กาเหว่า!! กลับฐานไปแจ้งให้ทุกคนเตรียมพร้อม! อีก 3 ชั่วโมงเราจะออกเดินทาง!!…”
