บทที่ 26 เริ่มแผนการ
“เกลียวคลื่นคลั่ง!!”
ทักษะพิเศษถูกขานเรียกเสียงดังพร้อมกับตรีศูรย์ที่ถูกขว้างออกไปด้านหน้าสุดแรง คลื่นน้ำทะเลหมุนจนเกิดเป็นน้ำวนขนาดย่อมก่อนจะพวยพุ่งขึ้นมาเป็นเสาน้ำที่มีลักษณะคล้ายพายุ มันพุ่งมาผสานกับตรีศูรย์แล้วห่อหุ้มตรีศูรย์ไว้ บึม!!! ตรีศูรย์ของกับตันหนวดปักไปที่ส่วนศีรษะของสัตว์อสูรปลาวาฬหมึก ก่อนที่คลื่นน้ำวนจากทักษะจะกระแทกร่างของสัตว์อสูรตัวนี้กระเด็นออกไปหลายเมตร
ฟึ่ม!!
“อาวุธของเจ้ากัปตันน่าจะระดับประมาณ5-6 หากดูจากพลังโจมตีที่หมอนั่นปล่อยออกมา..”
โอเกอร์พูดวิเคราะห์
“แล้วไอ้กัปตันนั่นมันระดับเท่าไหร่ นายพอรู้รึเปล่าโอเกอร์?” ฟูเหลาพูดด้วยความสงสัย ในตอนนี้เขาจำเป็นจะต้องประเมินสถานการณ์อย่างเร่งด้วน เพราะหากมีอะไรผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียว พวกเขาทั้งหมดก้หนทางรอดอย่างแน่นอน ไม่มีใครในที่นี้อยากจะตกเป็นทาสและเสียเวลาไปหลายเดือนในเกมอย่างแน่นอน
“ลูกน้องของพวกมัน ส่วนใหญ่ระดับ40 กันทั้งนั้น..ส่วนกัปตันฉันไม่รู้ ดูเหมือนหมอน่นจะใส่ไอเทมปิดบังสถานะเอาไว้”
โอเกอร์ตอบเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องการต่อสู้ตาไม่กระพริบ
“ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ออกจากเกาะเริ่มต้นจะมุ่งสู่ทวีปบ้านเกิดของเผ่าพันธุ์ตัวเอง เพื่อไปเก็บระดับ เพราะการเก็บระดับในพื้นที่ของเผ่าพันธุ์ตัวเองมันจะปลอดภัยกว่า แถมผู้เล่นส่วนใหญ่ก็มักจะเดินทางกันเป็นกิลด์หรือเป็นกลุ่มตั้งแต่ออกจากเกาะเริ่มต้นการเก็บระดับจึงง่ายขึ้นในช่วงระดับ 1-20 การเก็บระดับจะสบายๆมากและในช่วง 21-40 ก็ยังถือว่าไม่ยากจนเกินไป แต่หลังจาก41 ไปแล้วนี่แหละโครตยากเลย ต้องทำภารกิจด้วยในบางครั้งระดับถึงจะขึ้น..ผู้เล่นส่วนใหญ่ในโซลเวิร์ดจะติดกันอยู่ที่ระดับ 40-50 ทั้งนั้น..ไม่แปลกหรอกที่พวกโจรสลัดจะมีระดับ 40 กันทุกคแบบนี้”
ยาจกซูหลินพูดอธิบายขึ้นบ้าง ชายวัยกลางคนยิ้มที่มุมปาก เขามองไปยงกลุ่มคนตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งเรียบก่อนจะพูดถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ระดับพลังพวกนั้นมันสำคัญกับพวกเจ้ามากเลยอย่างนั้นหรอ?”
“มันก็สำคัญในระดับหนึงแหละลุง..ยิ่งมีระดับสูง พวกเราก็ยิ่งแกร่งขึ้น ความห่างชั้นของพลังโจมตีก็สูงขึ้น ถ้าให้เทียบแล้วก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาๆที่ใช้มือต่อย กับมนุษย์ธรรมดาๆอีกคนที่ใช้ปืนยิงแหละครับ..”
เทพอัศศนีตอบลูก้า ชายวัยกลางคนยังคงยิ้มเล็กน้อย เด็กเหล่านี้ช่างไร้เดียงสาสำหรับเขาจริงๆ และนั่นคือความคิดแรกของลูก้าที่มีต่อพวกฟูเหลา เพราะหากผ่านโลกนี้มาอย่างยาวนานแบบเขา จะรู้ได้ว่าพลังไม่ใช่ทุกสิ่ง
“ระดับที่พวกเจ้าพูดถึงมันเป็นเสมือนสิ่งสมมุติและสิ่งจำกัดความในพลังของพวกเจ้าเอง..ถ้าเจ้าไม่จำกัดความ ว่าพวกเจ้ามีพลังในระดับอะไร และไม่เกรงกลัวต่อผู้ที่เหนือกว่าแบบไอ้พวกเลวๆข้างนอกนั่น ข้าคิดว่า..พวกเจ้าก็อาจชนะพวกมันได้โดยใช้กลยุทธ์หรือแผนการ..เพียงแค่เจ้ามีปัญญา ข้าเชื่อว่ากล้ามเนื้อหรือพลังไม่อาจทำลายผู้มีปัญญาเลิศได้..”
ทุกคนที่ฟังต่างงงในคำพูดของชายตรงหน้ายกเว้นฟูเหลา เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าระดับของตัวผู้เล่นจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนที่ทุกคนเข้าใจกัน เพียงแต่ในเกมนี้ ระดับมันทำให้บ่งบอกสถานะพลังโจมตีและพลังชีวิตของผู้เล่นก็เท่านั้น และถ้าให้ระดับของฟูเหลาสูงเท่าๆกับผู้เล่นคนอื่นๆเขาไม่คิดว่าเขาจะแพ้ใครได้ง่ายๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะในเกมเก่าๆที่ฟูเหลาเคยเล่นมาก่อนไม่ได้วัดกันที่ทักษะหรือระดับเลยแม้แต่น้อย เพราะล้วนจะวัดกันด้วยฝีมือการต่อสู้ติดตัวของผู้เล่นล้วนๆ เสมือนเกมเป็นตัวฝึกวรยุทธ์อะไรทำนองนั้น ทำให้เขาได้ฝึกฝนและเก่งมากพอจะล้มนักสู้ใต้ดินในโลกแห่งความจริงมาได้แล้วหลายครั้ง..
“ไอ้พวกลูกน้องเฮงซวยมัวรออะไรกันอยู่ว่ะ!! รีบจัดการมันได้แล้ว!!”
กัปตันหนวดตะโกนสั่งการเสียงดัง
ลูกน้องโจรสลัดกว่า 30 คนรีบกระโจนลงน้ำเพื่อเข้าไปโจมตีสัตว์อสูรวาฬหมึก ฟูเหลามองการต่อสู้ตาไม่กระพริบ เพื่อดูวิธีการต่อสู้และแบบแผน เหล่าลูกน้องโจรสลัดที่อยู่ในร่างครึ่งคนครึ่งปลาต่างเคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างคล่องแคล่วจนฟูเหลาเริ่มคิดไม่ตกถึงแผนการที่กำลังจะดำเนินการ
‘นี่ฉันเล่นเกมนี้เพื่อมาเป็นพ่อค้านะเว้ย..ไหงเล่นไปเรื่อยๆรู้สึกว่าตัวเองห่างไกลจากคำว่าพ่อค้าจังว่ะ!!’
ฟูเหลาคิดในใจ
“พวกมันอยู่ในน้ำและสู้ในน้ำได้เพราะเป็นเผ่าเงือก..การหนีลงน้ำคงไม่ใช่ทางที่ดีนัก..”
เทพคันศรพูดออกความเห็นหลังจากมองการต่อสู้อยู่พักใหญ่
“แม้จะมีคนมาช่วยเพิ่มขึ้น แต่ถ้าจะสู้กับพวกนั้นแบบตายกันไปข้าง ยังไงฝ่ายเราก็เสียเปรียบสินะ..” โอเกอร์พูดเพื่อเรียบเรียงสถานการณ์ก่อนจะตัดสินใจหยิบระเบิดรูปร่างประหลาดออกมาจากกระเป๋าอีก 2 ลูก แล้วโชว์ให้ทุกคนในห้องขังดู
“นี่เป็นอุปกรณ์ประดิษฐ์สองอันสุดท้ายที่ฉันมี..ระเบิดข้างขวาเป็นระเบิดควันแดงเหมือนตอนที่ใช้บนเรือ ส่วนอีกอันเป็นระเบิดเพลิง..แต่มันไม่สมบูรณ์.. ฉันไม่รู้ว่ามันจะมีอานุภาพขนาดไหน..แต่คิดว่าหากจวนตัวจริงๆเราอาจจำเป็นต้องใช้ ฉันเลยบอกให้พวกนายได้รัรู้ก่อน”
โอเกอร์พูดตะกุกตะกัก เทพอัศนี เทพคันศร และฟูเหลาต่างทำสีหน้านิ่งเรียบพร้อมกับยกมือโบกไปมาเป็นเชิงปฏิเสธในทันที เพราะหากเกิดเป็นเหมือนคราวที่แล้ว แทนที่พวกเขาจะสามารหนีได้ จะกลายเป็นไม่รอดกันยกลำแทน
“โนวๆ ไม่เอาๆ อันนี้ฉันคิดว่าพับเก็บไปก่อนเลย ให้ตายยังไงก็อย่าเอามาใช้ล่ะ..เดี๋ยวจะชิพหายกันหมดแบบคราวที่แล้ว..”
เทพอัศนีรีบพูดค้านทันทีเพราะกลัวเพื่อนของตัวเองจะใช้ขึ้นมาจริงๆ
“นายเป็นนักประดิษฐ์หรอ..”
ยาจกซูหลินทำท่าทางสงสัย เพราะเขาไม่คิดว่จะเจอนักประดิษฐ์อยู่ในกลุ่มผู้เล่นใหม่แบบนี้มาก่อ
“ใช่..นายพึ่งรู้หรอเนี่ย..”
โอเกอร์หันมาตอบด้วยคพูดกวนๆ ก่อนจะยัดระเบิดประดิษฐ์สองลูกกลับลงกระเป๋าดวยท่าทางเซ็งๆ
“ไม่อยากจะเชื่อ..พวกนายเล่นเผ่ามนุษย์ด้วยใช่ไหม..”
ยาจากซูหลินถามขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ใช่..นายอย่าปากโป้งหลังออกจากเรือบ้าๆนี่ไปได้ซะล่ะ พวกเรากับนายมีสถานะเป็นผู้ที่กำลังทำการค้ากันเท่านั้น..ถ้านายทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเราๆก็จะทิ้งนายแบบที่นายทิ้งเราเมื่อกี้..”
โอเกอร์พูดขู่
“จริงด้วยนายมีทาสนี่หว่าฟูเหลา..ทำไมไม่เรียกมาช่วยล่ะ!!”
เทพอัศนีพูดด้วยความดีใจเพราะเขาพึ่งจะนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
“ไม่ได้หรอก..การเรียกทาสจากระยะไกลในแต่ละครั้งใช้เงิน 1 ล้านยูนิตต่อคน โดยเฉพาะทาสพิเศษ 1 คนต้องใช้เงินถึง 10 ล้าน..ทางเดียวที่จะใช้ทาสโดยไม่เสียเงินคือแจ้งพวกเขาล่วงหน้าให้มารวมตัวกันและเดินทางไปด้วยกัน..แถมอีกอย่างตอนนี้ฉันเป็นเหมือนเจ้านายของทาสก็จริง แต่ถ้าเรายังไม่เคยเจอทาสทุกคนโดยตรงและทำการประทับตรานายทาส จนกว่าจะถึงตอนนั้นฉันจะไม่สามารถเรียกเขามาได้ และทำได้เพียงแต่ส่งจดหมายให้พวกเขาเดินทางมาหาเท่านั้น คิดว่ากว่าจดหมายจะถึงกว่าทาสจะเดินทาง พวกเราคงกลายเป็นทาสซะเองแล้ว..”
ฟูเหลาพูดอธิบาย เพราะเขาเองก็คิดวิธีนี้ได้แล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ต้องโยนมันทิ้งไปเมื่อเปิดอ่านหน้าต่างจากระบบ
“ก่อนอื่นข้าว่าเราต้องส่งข่าวให้นักโทษทุกคนรู้ก่อนว่าเราสามารถแหกคุกนี่ได้ และให้ทุกคนเฝ้ารอจังหวะจากพวกเรา..ขืนพวกเจ้ามัวรอคิดแผนอยู่แบบนี้ คงได้ถึงฟรานด์และโดนขายให้กับพวกออร์คก่อนแน่..”
ลูก้าพูดขัดขึ้นมา
ฟูเหลาพยักหน้ารับคำ จู่ๆแผนการบางอย่างก็แว๊บขึ้นมาในหัวของเขา ชายหนุ่มรีบหยิบถุงมือประดิษฐ์อสูรแรงผลักดันขึ้นมาสวม..ยาจกซูหลินที่เห็นถุงมือถึงกับตาลุกวาว เขาสัมผัสได้ว่าไอเทมตรงหน้าต้องเป็นไอเทมระดับสูง เพราะดูจากรวดลายรูปทรงความสมดุลย์ของรูปร่างไอเทมและออร่าจางๆที่แผล่ออกมา
“น.น..นั่น..ไอเทมระดับสูงใช่ไหม!!”
ยาจกซูหลินถามด้วยความตื่นเต้น
“ไอเทมระดับ 7 น่ะ..นายถอยไปไกลๆก่อน..”
สิ้นคำพูดฟูเหลาง้างหมัดและชกไปที่ประตูห้องขังทันที ตึ่ง! ตึ่ง!! ตึ่ง!!! ชายหนุ่มรัวหมัดใส่ประตูห้องขังอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังจะให้ผู้คุมด้านนอกได้ยินและเดินมาหา ไม่นานสิ่งที่เขาต้องการก็เกิดขึ้นจริงเมื่อผู้คุมเริ่มรำคาญเสียงที่ฟูเหลาสร้างขึ้นจนต้องเดินมายังหน้าห้องขังของพวกฟูเหลา
“เห้ยหยุดนะเว้ย!!”
ปึ่ง ปึ่ง ปึ่ง!! ผู้คุมตะโกนเสียงดังพร้อมกับใช้มือทุบไปที่ประตูอย่างอารมณ์เสีย
“หยุดทำเสียงดังหน้ารำคาญได้แล้ว!! ไม่งั้นข้าจะจับพวกแกโยนลงทะเลแน่!!”
ผู้เล่นโจรสลัดพูดขู่ขึ้น
ฟูเหลาแสยะยิ้มก่อนจะหันไปใช้นิ้วชี้แตะที่ปากตัวเองเพื่อให้ทุกคนหยุดฟัง ทุกคนในห้องขังต่างพยักหน้าและเงียบเพื่อฟังบทสนทนาของฟูเหลาทันทีเมื่อเห็นสัณญาณมือ
“นี่พี่ชาย..”
“อะไร!!”
ผู้คุมตอบด้วยเสียงเชิงรำคาญ
“พี่ชายไม่รู้สึกเบื่อบ้างหรอที่พี่ชายต้องมาทำหน้าที่คุมห้องขังแบบนี้..”
“มันไม่เกี่ยวกับแก!! ไอ้พวกนักโทษหุบปากแล้วกลับไปนอนซ่ะ..”
พูดจบผู้คุมก็ทำท่าจะเดินจากไปฟูเหลาได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินออกไปจึงรีบตะโกนยั่วยุทันที..
“พี่ชายกระจอกที่สุดในบรรดาลูกน้องของกัปตันหนวดสินะ!!” เหมือนแทงใจดำเข้า ผุ้เล่นโจรสลัดหันหลังกลับมายังหน้าหองขังและใช้กระบองที่เหน็บอยู่ที่เอวฟาดใส่ประตูเต็มแรง
ตึ่ง!!!
“ข้าหน้ะแข็งแกร่ง!! กัปตันไว้ใจข้า!! ให้ข้ามาเฝ้าที่นี่เพราะกัปตันมั่นใจว่าข้าจะสามารถจัดการกับพวกนักโทษสวะอย่างพวกแกได้!!”
ผู้คุมตะคอกเสียงดัง
“เขาไว้ใจพี่ชายหรือเขาคิดว่าพี่ชายไร้ประโยชน์จนไม่สามารถช่วยงานบนเรือได้กันแน่..ดูสิไอ้คนที่มีแขนเป็นกล้ามปูก็ดูเก่งแล้วก็แกร่งกว่าพี่ชายตั้งเยอะ..”
ฟูเหลายิ้มอย่างเลือดเย็น..การชักจูงเป้าหมายก็เป็นทักษะในการค้าอย่างหนึ่งเช่นกัน แต่ทุกคนในห้องขังไม่คิดเช่นนั้น ทุกคนกลับคิดว่าฟูเหลาเหมือนนักต้มตุ๋นมือฉกาจซะมากกว่า
“แกไม่รู้อะไร!! ข้าหน่ะเกือบจะได้เป็นรองหัวหน้าแทนไอ้ก้ามปูนั่นแล้ว..ถ้ามันไม่เลียขากัปตันจนกัปตันยกตำแหน่งรองหัวหน้าให้มัน!!”
ผู้คุมเริ่มโกรธมากขึนเรื่อยๆเมื่อฟูเหลาพูดยุ
“ฉันมีวิธีทำให้พี่ชายเลื่อนขั้นได้ง่ายๆๆพี่ชายสนใจรึเปล่า..”
ฟูเหลาเริ่มชักจูง
“แกจะช่วยอะไรข้าได้?”
“ฉันเป็นพ่อค้า..ฉันมีอาวุธดีๆให้พี่ชายยืมพี่ชายสนใจรึเปล่าล่ะ..”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เพราะเมื่อใดที่เขาตอบรับฟูเหลาจะเท่ากับว่าแผนการของเขาสำเร็จทันที
“ถ้าจะให้แลกกับปล่อยพวกเจ้าข้าไม่ทำหรอกนะ!!ข้าจะไม่มีทางทรยศกัปตันแน่นอน!!”
ผู้คุมยืนกราน
“ไม่ต้องหรอกพี่ชาย..แค่พี่ชายเอาอาวุธของฉันไปจัดการไอ้ก้ามปูจอมเลียขานั่นก็พอ ข้ารู้พี่ชายแค้นมันที่มันมัวแต่เกาะกัปตันและพวกข้าเองก็แค้นมันเช่นกันที่จับพวกข้ามาขังที่นี่..ถือว่าวินๆทั้งคู่..ฉันได้ล้างแค้นเล็กๆน้อยๆก่อนโดนส่งตัวไปฟรานด์ส่วนพี่ชายก็ได้เลื่อนขั้น..”
ผู้คุมเงียบไปสักพักเพื่อคิดทบทวนสิ่งที่ฟูเหลาพูด
“ได้!!ข้าตกลงพวกแกส่งอาวุธออกมาให้ข้าทางช่องอาหารได้เลยรอข้านับถึง 3 ก่อนแล้วส่ง ถ้าพวกแกชักช้าข้าจะถือว่าพวกแกมีเจตนาร้ายและข้าจะแจ้งกัปตันให้โยนพวกเจ้าลงน้ำให้สัตว์อสูรกิน!!”
ผู้คุมพูดขู่
‘เยส!!’
ฟูเหลาทำท่าดีใจก่อนจะรีบส่งสัญญาณให้ยาจกซูหลิน ซึ่งยาจกซูหลินก็เข้าใจทันทีว่าฟูเหลาต้องการอะไรเขาจึงรีบจำแลงร่างกายเป็นงูที่มีขนาดเท่าแขนคนลำตัวยาวกว่า 1 เมตร สีดำ ยาจกซูหลินในร่างงูเลื้อยขึ้นไปรอข้างๆช่องส่งอาหารเพื่อเตรียมการ
“1..2..3..”
ผู้คุมเปิดช่องรับอาหาร ฟูเหลาพยักหน้า ยาจกซูหลินรีบพุ่งผ่านช่องแล้วเข้ารัดผู้คุมแน่นและด้วยทักษะบางอย่างของการแปลงร่างเป็นงู เมื่องูรัดร่างและผู้เล่นพยายามดิ้นให้หลุดแรงของผู้เล่นที่จำแลงร่างงูจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดผู้คุมก็หมดสติไปด้วยสถานะสลบ ยาจกซูหลินคืนร่างกลับมาแล้วรีบหยิบเชือกออกมาจากกระเป๋าแล้วมัดผู้คุมเอาไว้ก่อนที่จะรีบเปิดห้องขังด้วยกุญแจที่ผู้คุมเหน็บไว้ข้างเอว แกร๊ก..
“แหม่เป็นแผนการที่ดีจริงๆ..”
เม้นจ้าเม้นนนนนน ฮี้ววววว
