บทที่ 25 พูดคุย
เนื่องจากในตอนแรกโอเกอร์คิดว่ากลุ่มโจรสลัดกลุ่มนี้เป็นเพียงผู้เล่นปกติที่ไม่ได้น่ากลัวอะไรมากมาย หากหาแผนดีๆสักแผนก็คงหนีออกไปจากสถานการณ์แบบนี้ได้ แต่ทั้งหมดที่เขาเคยคิดก็ต้องโยนมันทิ้งไปในทันทีที่เขาก้าวลงมาใต้ท้องเรือซึ่งมันถูกสร้างจากมิติพิเศษที่มีค่าใช้จ่ายราคาไม่ต่ำกว่าร้อยล้านยูนิต ภายในโถงใต้ท้องเรือที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมิติพิเศษ ทำให้ขนาดของโถงใหญ่กว่าตัวเรือภายนอกที่เห็นมาก ห้องขังนักโทษที่มีไม่ต่ำกว่า 20 ห้องรวมทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอีกมากมาย ทำให้โอเกอร์รู้ได้ทันทีว่าเจ้าพวกนี้ไม่หมูอย่างที่เขาคิดไว้ซะแล้ว
“เรือนี้ถูกสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ..พื้นที่ตรงนี้เป็นมิติพิเศษเลยมีขนาดกว้างกว่าบนเรือที่เราอยู่เมื่อกี้..”
โอเกอร์พูดอธิบายเบาๆเมื่อเห็นทุกคนกำลังทำท่าทางตกตะลึงกันอยู่
“พวกแกกระซิบอะไรกัน!!”
ตุบ!!
ผู้เล่นที่มีร่างกายเหมือนมนุษย์แต่บนใบหน้า มีดวงตากลมโตเหมือนตาของปลา และฟันที่แหลมคมเสมือนใบเลื่อย ตบโอเกอร์ไปหนึ่งที
“ให้พวกมันไปอยู่ห้องท้ายสุดตรงนั้น..”
ผู้คุมที่นั่งอยู่กลางโถง ชี้ไปยังห้องขังสุดทางเดินที่มีไฟสลัวๆกระพริบอยู่ ในขณะที่เดินฟูเหลาพยายามมองไปยังรอบๆห้องเพื่อหาทางออกแต่ก็ไม่สามารถหาจุดไหนที่เป็นจุดที่สามารถใช้หนีได้เลย ห้องข้างล่างที่เป็นมิติพิเศษถูกสร้างขึ้นด้วยคอนกรีตและอิฐ กรงขังถูกสร้างมาจากเหล็กหนาทึบที่มีช่องพอให้ส่งอาหารเท่านั้น จึงไม่สามารถมองเข้าไปยังตัวห้องขังได้ ห้องขังกว่ายี่สิบห้องเรียงติดกันด้านละสิบห้อง บริเวณกลางทางเดินมีโต๊ะกินข้าวรวมที่มีความยามขนาดนั่งได้ 10 คนและใกล้ๆกันก็มีห้องครัว ส่วนที่นอนของผู้คุมจะเป็นเปลแขวนอยู่บนเพดาน
ผู้คุมเปิดประตูห้องขังห้องสุดท้ายออกมา ก่อนจะถีบฟูเหลาและเพื่อนๆเข้าไปในห้องและล็อคประตู ซึ่งภายในห้องมีชายอายุประมาณ 40 กว่าๆนอนกรนอยู่ ชายหนุ่มทั้งห้าต่างหันมามองหน้ากันก่อนที่ยาจกซูหลินจะพูดขึ้น
“เขาไม่ใช่ผู้เล่น..เขาเป็นหนึ่งใน NPC ที่ถูกจับมาเท่านั้น..”
“นายรู้ได้ยังไง?”
เทพอัศนีพูดถามด้วยความสงสัย
“ผมมีทักษะตรวจสอบ..ชายคนนี้มีข้อมูลว่าเป็น NPC นิรนาม..”
ยาจกซูหลินอธิบาย
“ชั่งเขาไปก่อน..ตอนนี้เราควรจะเอาไงต่อดี..”
เทพคันศรถามขึ้น ตอนนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เรือโจรสลัดนี้ก็ดูผิดปกติยังไงชอบกลจนพวกเขาไม่กล้าที่จะทำอะไร
“ไอ้พวกโจรสลัดกลุ่มนี้ดูท่าจะไม่ใช่เล่นๆซะแล้ว..”
โอเกอร์วิเคราะห์
“การที่พวกเขาสามารถสร้างมิติพิเศษไว้ในเรือได้ แสดงว่าเขาต้องมีงบกว่าหลายร้อยล้านยูนิต..แถมยังต้องเป็นคนที่หานักประดิษฐ์ระดับสูงมากๆเจอด้วย..พูดได้เต็มปากว่ายังไงก็ต้องมีผู้เล่นหรือใครบางคนหนุนหลังพวกมันอยู่แน่ ไม่งั้นโจรสลัดธรรมดาๆคงไม่มีทางได้ครอบครองเรือแบบนี้”
ยาจกซูหลินพูดขึ้นบ้าง
“ใช่..และเมื่อเจอนักประดิษฐ์ระดับสูงแถมตัวพวกมันเองมีเงินมากขนาดนี้ แสดงว่าอาวุธที่พวกมันใช้ต้องมีระดับสูงพอ
สมควร..ไม่ใช่แค่กลุ่มโจรสลัดกระจอกๆที่ใช้อาวุธระดับ1-2 ฉันฟันธงได้เลย แค่พวกมันมีสัก 20-30 คน ที่ใช้อาวุธระดับ 3 หรือมากกว่านั้น เราในตอนนี้ที่มีระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินมีแต่จะกลายเป็นปลวกให้พวกมันกระทืบเล่นแน่..”
โอเกอร์พูดอธิบายต่อ ฟูเหลาที่กำลังสงสัยอะไรบางอย่างจึงถามขึ้นมาบ้าง
“พวกนั้นมันเล่นเผ่าอะไรโอเกอร์..พวกนี้ดูแปลกๆโดยเฉพาะไอ้คนที่เป็นกัปตันเรือ”
“เผ่าเงือก..”
โอเกอร์ตอบ
“นายเคยเจอเผ่าเงือกมาแล้วเลยคิดว่าทุกคนจะมีท่อนล่างเป็นปลาสินะ..” โอเกอร์พูดให้ฟูเหลาย้อนคิดถึงสิ่งมีชีวิตเผ่าเงือกในดินแดนลับแล
“ใช่..ลุงลูคัสก็ท่อนล่างเป็นปลาตัวเป็นมนุษย์ผิวมีเกล็ดสีฟ้าๆอะไรประมานเนี้ย..”
ฟูเหลาพูดตอบ
“จริงๆแล้วเผ่าต่างๆไม่ได้มีรูปร่างเหมือนกันทั้งหมดหรอกนะ แถมยังมีการพัฒนาร่างจำแลงด้วย..อย่างลูกน้องของมันหรือผู้คุมขังก็คงเป็นเผ่าเงือกที่แบบ..ยังเป็นทักษะจำแลงขั้นแรกๆ ส่วนไอ้ลูกน้องที่แขนก้ามปูนั่นก็คงพัฒนามาบ้างแล้วส่วนไอ้กัปตันหนวดอะไรของมันก็คงเป็นทักษะจำแลงขั้นกลางไม่ก็ขั้นสูง..แถมเผ่าพันธุ์ยังแยกเป็นสายพันธุ์ได้อีกต่างหากและแต่ละสายพันธุ์ก็อาจมีความโดดเด่นไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างมนุษย์สักสองคน คนหนึ่งกล้ามเป็นมัดๆย่อมมีพละกำลังที่แข็งแรง แต่ในขณะที่อีกคนร่างเล็กผอมแห้ง แต่อาจแรกด้วยความคล่องตัวและความเร็ว อะไรทำนองนี้...”
โอเกอร์อธิบายพร้อมยกตัวอย่าง ฟูเหลาเทพอัศนีและเทพคันศรถึงบางอ้อทันทีก่อนจะหันไปสนใจยาจกซูหลินที่กำลังคุ้ยหาอะไรในกระเป๋า..
“มิติพิเศษมันทำลายไม่ได้ง่ายๆหรอกนะแถมจะระเบิดเรือนี้จากท้องเรือก็ทำไม่ได้แล้วด้วย คงต้องใช้ระเบิดเป็นร้อยลูกถ้าจะทำแบบนั้น แถมตอนนี้อยู่กลางทะเลเรือแตกก็มีแต่ตายกับตาย..”
โอเกอร์พูดบอกยาจกซูหลิน
“ผมทราบอยู่แล้วครับ ผมแค่กำลังจะเตรียมตัวอะไรให้พวกคุณก็เท่านั้น..”
ยาจกซูหลินหยิบใบอากาศออกมา 5 ใบก่อนจะมอบให้แต่ละคน
“ผมสามารถออกไปเปิดประตูนั่นได้แต่ผมคงไม่รอดแน่ถ้าออกไป..อย่างน้อยถ้ามีคนช่วยก็ยังพอมีทางรอด..”
ยาจกซูหลินพูดบอกความต้องการของตน
“ไม่..เราจะยังไม่หนีไปตอนนี้..”
ฟูเหลาพูดแทรกขึ้นมา เขามองไปยังช่องลมเล็กๆในห้องขัง สัตว์น้ำขนาดยักษ์รูปร่างคล้ายปลาหมึกกระโจนขึ้นมาบนผิวน้ำพร้อมทั้งใช้หนวดของมันฟาดโจมตีเรือ ตึ่ม!! ลูกเรือทุกคนต่างส่งเสียงโวยวายพร้อมทั้งเตรียมตัวรับมือกับสัตว์อสูรตัวนี้อย่างรวดเร็ว ฟูเหลาหันกลับมามองเพื่อนๆก่อนจะพูดต่อ
“อันตรายเกินไป..ต่อให้หนีแล้วลงทะเลได้ ก็คงโดนสัตว์อสูรนั่นเขมือบจนไม่เหลือซาก..”
“นายบอกว่านายออกจากห้องขังนี้ได้นายจะทำยังไง?”
เทพอัศนีเอ่ยปากถามยาจกซูหลิน
“ผมเป็นเผ่างูครับ..”
ยาจกซูตอบ..
“นายใช้ร่างจำแลงงูได้!!”
โอเกอร์ตกใจเล็กน้อย เพราะโดยปกติแล้วไม่ค่อยมีใครเลือกเล่นเผ่างูสักเท่าไหล่และถึงแม้เผ่างูจะเป็นเผ่าที่หายากพอสมควร แต่ก็ไม่มีใครคิดจะตามหาแม้แต่น้อยเนื่องจากเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีการเสริมพลังโจมตีค่อนข้างน้อยและทักษะส่วนใหญ่จะเน้นไปทางเรื่องสถานะมากกว่า
“ใช่ครับ..ผมแปลงร่างเป็นงูแล้วหนีทางช่องให้อาหารได้ถ้ามันเปิดอยู่..ปกติเผ่าสัตว์จำพวกสัตว์เล็กไม่ค่อยมีใครอยากเลือกหรอกจริงไหมครับตามที่คุณคิด..แต่ผมคิดว่าสัตว์พวกนี้มันมีทักษะในการหนีที่ดีและเหมาะกับสถานการณ์เลวร้าย..”
ยาจกซูหลินอธิบาย
“อย่างน้อยตอนนี้เราก็พอรู้แล้วว่ามีทางหนีได้..แต่จะเอายังไงต่อดีล้ะ..”
เทพคันศรถามขึ้นมาบ้าง
“หุหุ..ทำไมไม่ลองขอความช่วยเหลือจากคนที่ถูกขังอยู่ที่นี่ล่ะ..”
ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บริเวณมุมพื้นห้องพูดก่อนจะค่อยๆใช้มือดันพื้นเพื่อให้ตัวเองอยู่ในท่านั่ง เขาใส่เสื้อผ้าขาดๆพร้อมกับมีหมวกใบหนึ่งปกปิดหน้าตาของตัวเองไว้
“นั่นสิ!!ถ้าเราช่วยกันหลายๆคนอาจจะรอดก็ได้นะ..”
ยาจกซูหลินพูดด้วยความดีใจ เพราะความคิดของชายคนนี้ดูท่าจะนำมาใช้ได้จริง
“ทุกคนที่โดนจับมาล้วนไม่อยากไปที่ฟรานด์อยู่แล้ว..เมืองของเจ้าพวกเน่าเหม็นเผ่าออร์ค..”
ชายวัยกลางคนพูดต่อ..เขาขยับหมวกเก่าๆของเขาขึ้น เพื่อเผยให้เห็นใบหน้าอันคมคาย เขาดูเป็นบุรุษมาดแมนผิวสีเข้มที่อยู่ในชุดขาดๆและมีเคราสีขาวเล็กน้อยซึ่งทำให้ดูเป็นผู้น่านับถือ
“ข้าชือ ลูก้า..ยังไงข้าก็คงขอหนีไปกับพวกเจ้าด้วยละนะ..”
“ได้ครับ..แต่พวกราคงให้คุณช่วยเราด้วย ลำพังพวกเราคงทำอะไรไม่ได้มากแน่ๆ..”
ฟูเหลาพูดอย่างเป็นมิตร
“หึหึ..อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลยหนุ่มน้อย ข้ารู้ว่าเจ้ามีอะไรมากกว่าที่เห็นแค่ภายนอก..”
ลูก้ายิ้มอย่างมีเลศนัย ฟูเหลาทำท่าทางงงๆในคำพูดของชายคนนี้แต่ก็ยังไม่ได้สงสัยอะไรมากนักเพราะคิดว่าเป็นเพียงคำชมธรรมดาๆเท่านั้น โอเกอรที่ยืนคิดแผนหันไปพูดกับยาจกซูหลินทันทีเมื่อมั่นใจว่าคงามคิดของเขาจะพาทุกคนรอดไปจากสถานการณ์ในตอนนี้
“ก่อนอื่นคือนายจะต้องแปลงเป็นงูและพยายามอย่าให้พวกผู้คุมเห็นตัว..เราจะส่งนายไปด้านนอกคนเดียวเท่านั้น..เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรที่มันเสี่ยงมากเกินไป..”
“ข้างๆห้องขังของพวกเราคือห้องขังของคนรู้จักของข้า..พวกเจ้าไปบอกพวกเขาถึงแผนการและบอกว่าข้าเองก็จะไปกับพวกเจ้า..พวกนั้นจะช่วยสนับสนุนพวกเราแน่นอน..”
ลูก้ากล่าวขึ้น
“เราต้องหาภูติที่พวกนั้นจับด้วย..ภูติพวกนั้นบินได้ อย่างน้อยๆน่าจะช่วยอะไรได้บ้างถ้าแผนการเราพลาด..”
เทพคันศรพูดออกความเห็น
“นั่นสินะเราอาจให้ภูติช่วยส่งข่าวเรื่องโจรสลัดได้..จากตรงนี้กับเกาะเริ่มต้นไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่ ต้องมีคนอยากได้ค่าหัวของโจรสลัดแน่..”
โอเกอร์พูดด้วยท่าทางดีใจ เพราะอาชีพโจรสลัดก็ไม่ต่างกับโจรดีๆในโลกแห่งความเป็นจริงนั่นเอง พวกมันล่า ฆ่า ปล้นเป็นชีวิตจิตใจ ย่อมมีผู้เล่นหรือ NPC สักคนที่ตั้งค่าหัวผู้เล่นเหล่านี้อยู่แล้ว
“คุณลูก้าพอรู้ห้องขังของพวกภูติไหมครับ..”
ฟูเหลาถามขึ้น
“ข้าไม่แน่ใจ..แต่อาจเป็นห้องแรกที่อยู่ใกล้กับบันไดตอนที่พวกเจ้าลงมาใต้ท้องเรือ..”
โฮ๊กก!!!
เสียงสัตว์อสูรขนาดยักษ์กู่ร้องขึ้น..ฟูเหลารีบเดินไปที่ช่องลมเพื่อดูสถานการณ์ สัตว์อสูรขนาดยักษณ์ที่มีหัวเป็นเหมือนปลาวาฬแต่มีช่วงล่างเป็นปลาหมึกกำลังโจมตีเรืออยู่ด้วยความบ้าคลั่ง..มันใช้หนวดยักษ์ของมันพันธนาการเรือเอาไว้ ก่อนจะอ้าปากเพื่อพ้นน้ำที่มีแรงดันสูงออกมา ฟู!!!แรงของน้ำที่ถูกพ่นออกมาจากปากของสัตวอสูรตัวนี้ รุนแรงมากจนเสาเรือถึงกับหักในทันที บึ่ม!!
“บัดซบ!! ทำไมต้องมาเจอไอ้ตัวพรรค์นี้ด้วยว่ะ!!”
กัปตันหนวดพูดขึ้นอย่างหัวเสีย เขากลายร่างเป็นครึ่งคนครึ่งปลาหมึกก่อนจะหยิบอาวุธที่มีรูปร่างเหมือนตรีศูรย์ออกมา
“สัตว์อสูรวาฬหมึกระดับ 40 เตรียมโจมตี!!”.
“ทำไมตั้งแต่เข้าเกมส์นี้มาฉันไม่เคยเจอสัตว์อสูรที่ต่ำกว่า 40 ซักเท่าไหร่เลยว่ะ!!”
ฟูเหลาทำหน้าเซ็งๆพร้อมกับถอนหายใจ นับเป็นการเริ่มต้นที่แย่หากเทียบกับผู้เล่นคนอื่นที่ค่อยๆไต่ระดับขึ้นมาจากการสู้กับลิงสักตัวหรือกวางสักตัว ในขณะที่โผล่มาฟูเหลาก็เจอกับสัตว์อสูรราชาลิงขนทองระดับ 50
“นายก็เจอแล้วไงโกเล็ม ฮ่าๆ”
เทพคันศรพูดหยอกขึ้น ก่อนจะหันไปเตรียมตัวยืดร่างกายตัวเอง
“นี่แหละการผจญภัยพวก..เมื่อนายก้าวออกมาจากเกาะเริ่มต้น..ทุกๆที่คืออันตราย..นายจะไม่มีทางได้เจอสัตว์อสูรระดับ 1 ได้อย่างง่ายๆแน่นอน ฮ่าๆๆ”
โอเกอร์หัวเราะเสียงดัง เขาหยิบหอกเงินศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาควงพร้อมกับหันไปมองการปะทะด้านนอกที่กำลังเกิดขึ้น
