ตอนที่8 คำตอบที่ถูกต้อง
“ทำไมเจ้าถึงตอบเช่นนี้?” หญิงสาวถามด้วยใบหน้าสงสัย เช่นเดียวกับเทพคันศรและเทพอัศนี ที่แปลกใจในคำตอบของฟูเหลา เนื่องจากตอนนี้ทั้งเทพคันศรและเทพอัศนีได้ผ่านการทดสอบของหญิงสาวปริศนาเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงฟูเหลาเท่านั้นที่ยังไม่ผ่านการทดสอบ ทำให้ทุกคนยังคงอยู่ในอาณาเขตเวทมนตร์เช่นเดิม
“ท่านมองว่าคำตอบของข้าผิดรึเปล่า..”
ฟูเหลาเอ่ยถาม ด้วยรอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“สำหรับข้าคำตอบของพวกเจ้าทุกคน ไม่มีผิดหรือถูก แต่คำถามของข้ามันแฝงอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ข้าเห็นตัวตนของพวกเจ้าผ่านคำตอบของพวกเจ้า”
“แฝงอะไร? คุณธรรม จริยธรรม หรือแฝงว่าเราคิดร้ายหรือคิดบวกอย่างนั้นหรอ?..”
ชายหนุ่มยังคงถามคำถามกลับไปหาหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แววตาของฟูเหลาที่แสดงออกมาเสมือนแววตาของเด็กขี้เล่นคนหนึ่ง
“ก็ตามที่เจ้าพูด..คำถามของข้าแฝงไปด้วยสิ่งเหล่านั้น เพื่อดูว่าพวกเจ้าจะเป็นภัยต่อข้าและสิ่งมีชีวิตในดินแดนลับแลแห่งนี้หรือไม่ แต่เพราะเหตุใดข้าและเวทมนตร์ของข้าถึงไม่สามารถอ่านความคิดของเจ้าได้ว่าเจ้าคิดอย่างไรกันแน่..”
หญิงสาวมองเข้าไปในดวงตาของฟูเหลาด้วยความประหลาดใจ
“เทพอัศนี เทพคันศร พวกเขาทั้งสองก็มีเหตุผลของพวกเขาที่ตอบว่ารักสหายมากที่สุดและรักตัวเองมากที่สุด และท่านก็เห็นว่าสิ่งที่สองคนนั้นตอบพร้อมกับเหตุผลเป็นสิ่งที่ดีพอที่จะให้พวกเขาผ่าน แต่เพราะผมตอบว่าเงินตราทำไมท่านถึงแปลกใจได้ขนาดนี้ละครับ”
ชายหนุ่มยิ้มถาม
“การรักตัวเองเป็นสิ่งพื้นฐานที่ควรจะมีอยู่แล้วเฉกเช่นเดียวกับรักสหายที่อยู่ด้วยกันมานาน ทั้งสองเป็นเสมือนสิ่งที่สามารถเตือนใจพวกเจ้าได้ว่าพวกเจ้ากำลังทำอะไรและทำเพื่อใคร แต่การที่เจ้าตอบว่าเงินตรามันคล้ายคลึงกับเจ้ากำลังละโมบและหลงใหลในวัตถุมากกว่าตัวของเจ้าและสหายหรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงอันซื่อสัตย์ของเจ้าสักตัวหนึ่ง”
หญิงสาวพูดอธิบาย
“เช่นนั้นถ้าเกิดผมตอบว่าอาวุธท่านจะไม่คิดว่าข้าหลงใหลในพลังอำนาจอย่างนั้นหรอ”
“ก็อาจจะจริงตามที่เจ้าพูด..ถ้าเจ้าตอบว่าอาวุธข้าก็คงจะคิดได้เช่นนั้นข้าไม่คิดว่าจะมีอะไรดีมากไปกว่าสามตัวเลือกแรกที่ข้ากล่าวออกมา”
หญิงสาวยังคงพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ
“เช่นนั้นข้าคิดว่าท่านเองก็เป็นคนที่มองอะไรในด้านเดียว..”
ฟูเหลาพูดเสียงเรียบ
“อย่าได้พูดจาดูหมิ่นข้าหนุ่มน้อย”
หญิงสาวพูดเสียงเรียบพร้อมกับส่งสายตาอำมหิตออกมา
“ทำไมเงินตราและอาวุธถึงเป็นสิ่งที่ดูอันตรายสำหรับท่าน ทั้งๆที่มันเป็นเพียงแค่วัตถุ..”
หญิงสาวเงียบ
“ถ้าเหตุผลของเพื่อนทั้งสองคนของผมตอบ คือสิ่งที่ถูกต้อง มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องในคำตอบของพวกเขา.. เงินตราและอาวุธมันก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องสำหรับคนที่จะตอบมันเหมือนกัน”
ฟูเหลานิ่งสักพักก่อนจะพูดต่อ
“ที่ผมตอบท่านว่าผมรักและไว้ใจเงินตรามากที่สุด เพราะผมคิดว่าเงินตราไม่สามารถทรยศตัวผมได้..ในโลกของผมเงินตราเปรียบเสมือนดาบสองคม ถ้ามีมันมากเกินไปมันก็จะนำพาสิ่งไม่ดีมาหาเรา แต่ถ้ามีมันน้อยไปมันก็จะสร้างความลำบากให้แก่เราเช่นเดียวกัน แต่ทั้งหมดไม่ว่าจะเรื่องที่มันสร้างความลำบากให้แก่ผู้ใช้หรืออะไรก็ตามผมไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด สิ่งเดียวที่ทำให้ผมตอบว่าเงินตราก็เพราะเงินมันไม่ทรยศเพราะมันไม่มีชีวิตแต่มนุษย์เราหรือสิ่งมีชีวิตอื่นไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงหรืออะไรก็ตามมันมีความคิดและความคิดพร้อมจะเปลี่ยนได้ตลอดเวลา..”
หญิงสาวนิ่งเงียบและฟังฟูเหลาโดยไม่ได้พูดอะไร เทพคันศรและ เทพอัศนีก็เช่นเดียวกัน
“สำหรับคนที่ตอบคำถามท่านว่าเขาไว้ใจและรักอาวุธมากที่สุด เขาก็อาจจะไม่ได้หลงใหลในอำนาจตามที่ท่านพูด แต่เขาคิดว่าอาวุธเป็นสิ่งข้างกายเพียงสิ่งเดียวของเขา ที่สามารถพาเขาฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นผมจึงคิดว่าคำถามของท่านสามารถตอบได้ทุกตัวเลือกที่ท่านกล่าวออกมาทั้งหมด..”
หญิงสาวนิ่งคิดอีกสักพัก ในใจของเขามีอะไรมากมายที่ต้องแปลกใจในตัวชายตรงหน้า ไม่ใช่ว่าแค่เธอไม่สามารถอ่านความคิดของเขาไม่ได้ แต่ยังเป็นเรื่องของคำตอบของชายหนุ่มที่ตอบออกมาเพราะทุกสิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นคำตอบที่ถูกต้องทั้งสิ้น
“เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจ..แม้อะไรบางอย่างจะบอกข้าก็ตามว่าเจ้าเป็นตัวอันตราย”
หญิงสาวพูด
“แหะๆ”
“พวกเจ้าทั้งสามได้รับอนุญาตให้เข้ามาในดินแดนลับแลได้ โดยไม่ผิดกฎการบุกรุก เพราะจริงๆแล้วทางเข้าที่พวกเจ้าเข้ามาไม่ใช่เส้นทางปกติแต่เป็นเส้นทางลับที่พวกเราใช้เข้าออกไปยังด้านนอก อีกอย่างข้าอนุญาตให้พวกเจ้าทั้งสามสามารถศึกษาและทำภารกิจทุกชนิดรวมถึงซื้อขายสินค้าในดินแดนแห่งนี้ได้..”
สิ้นคำพูดแสงสว่างที่ล้อมรอบฟูเหลา เทพคันศรและเทพอัศนีก็พลันหายไป
“ดินแดนลับแลยินดีต้อนรับพวกเจ้าทุกคน เอาละถ้าพวกเจ้ามีคำถามหรือมีปัญหาอะไรให้ไปหาข้าที่ที่พักของข้า หลังสีขาวที่มีหมายเลข 2 แปะอยู่หน้าประตู”
พูดจบหญิงสาวก็พลันหายไปทันที
“อ้ะ!!เดี๋ยว!!”
ฟูเหลาจะรั้งไว้แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว
“ว่าจะถามทางออกจากที่นี่ซักหน่อย”
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ
“ถ้าพวกเจ้าจะออกจากที่นี่พวกเจ้าจะต้องรออีก 1 เดือน..”
จู่ๆเสียงปริศนาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มทั้งสามหันหน้ามองหาต้นเสียงก่อนจะก้มลงไปที่พื้น
“ตัวตุ่น!!”
ชายหนุ่มทั้งสามพูดพร้อมกัน
“ใช่ข้าเป็นตุ่นและเป็นตุ่นที่เจ๋งพอจะมาเตะก้นคนที่เรียกข้าว่าตัวตุ่นด้วย!!”
มันพูดด้วยความหงุดหงิดก่อนจะกระโดดขึ้นมาจากหลุมแล้วเตะผ่ากลางเป้าของฟูเหลาไปหนึ่งที ปัก!!
“จ๊ากก!!!”
‘นั่นไม่ใช่ก้นแล้ว!!’
เทพอัศนี่และเทพคันศรทำหน้าสยดสยอง และมองดูเพื่อนของตัวเองดิ้นหน้าเขียวอยู่บนพื้น
