ตอนที่7 เส้นทางลับ
บ
“แว๊กกก!!”
เสียงตะโกนร้องโหยหวนของฟูเหลาดังลากยาวหลายนาทีเช่นเดียวกับเพื่อนทั้งสองของเขา
“ช่วยด้วยยยยย!!!”
เทพอัศนีและเทพคันศรตะโกนร้องเสียงหลงพร้อมน้ำตาที่ไหลริน
บัดนี้ชายหนุ่มทั้งสามกำลังล่วงหล่นลงมาจากเส้นทางที่ไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามา และมันก็เป็นเวลากว่า 5 นาทีแล้วที่พวกเขาล่วงลงมาแล้วยังไม่ตกถึงพื้นเบื้องล่าง
ย้อนกลับไป 10 นาทีก่อนหน้านี้
ในขณะที่ฟูเหลา เทพอัศนีและเทพคันศร กำลังวิ่งหนีตายจากการโจมตีของสัตว์อสูรราชากอริล่าขนทอง เบื้องหน้าของพวกเขาคือฝูงงูสีรุ้ง ระดับ 15 กว่า 30 ตัว สัตว์อสูรตัวนี้อันตรายมากโดยเฉพาะผิวหนังสีรุ้งของมัน ถ้าสัมผัสโดน ผู้เล่นจะติดสถานะพิษกัดกร่อนจนผิวหนังทะลุได้เลยทีเดียว
“พวกมันคงตกใจแรงระเบิดของเจ้าลิงยักษ์นั่น!!”
เทพอัศนีพูดด้วยความร้อนรน เขาหยิบคันธนูขึ้นมาถือเพื่อเตรียมป้องกันตัวเองจากสัตว์อสูรตรงหน้า
“ฉันมีระเบิด!!”
ฟูเหลารีบตะโกนบอก
“โยนระเบิดแล้วฝ่าพวกมันไปเลย!!” เทพคันศรตะโกนเสียงดัง
สิ้นคำพูดฟูเหลารีบหยิบระเบิดจากกระเป๋ามิติที่เหลือลูกสุดท้ายออกมา แล้วขว้างไปกลางวงของสัตว์อสูรงูสีรุ้ง
บึ้ม!!
แรงระเบิดทำให้งูกระจัดกระจายไปรอบทิศ ฟูเหลาและเพื่อนทั้งสอง รีบเคลื่อนตัวหลบหลังต้นไม้ก่อนจะรีบวิ่งฝ่าไปหลังจากแรงระเบิดหายไปแล้ว โดยที่ไม่ได้ระวังพื้นดินที่พวกเขาวิ่งอยู่ จุดที่ระเบิดทำให้พื้นดินแตกเป็นหลุมขนาดประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เมตรพริบตาที่พวกเขาเข้าไปในกลุ่มควัน พริบตานั้นภาพป่าหินหยกก็หายไป เหลือเพียงแต่ความมืดมิดทันที
“เราร่วงลงมาเกือบ 10 นาทีได้แล้วนะมันเป็นบัคของเกมรึเปล่า?”
ฟูเหลาที่กำลังทำท่าว่ายน้ำกลางอากาศตะโกนถามขึ้น
“ไม่น่าใช่หรอกเพราะถ้าบัค GM ที่ดูแลระบบจากภายนอกเกมจะต้องบังคับล็อคเอ้าท์พวกเราแล้ว..”
“แต่ถึงยังไงความสูงระดับนี้ตกลงไปก็ตายอยู่ดี!!”
เทพคันศรพูดเสียงดัง
“ก็ไม่จำเป็นที่พวกเจ้าจะต้องตกลงไปตายสักหน่อย..”
จู่ๆเสียงผู้หญิงปริศนาก็ดังขึ้น ร่างกายของชายหนุ่มทั้งสามค่อยๆชะลอความเร็วลงจนกลายเป็นหยุดลอยอยู่กลางอากาศ รอบๆตัวเริ่มเกิดแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็มองเห็นสิ่งรอบตัว เท้าของชายหนุ่มทั้งสามสัมผัสกับพื้นหญ้านุ่มๆ
“นี่มัน..”
ฟูเหลามองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น
บัดนี้พวกเขากำลังยืนอยู่กลางวงล้อมสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งมังกรที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า เอลผ์ที่ยืนเป็นกลุ่มมุงดูพวกเขา เหล่าภูติที่กำลังหัวเราะคิกคัก โกเล็มหินที่ยืนเกาหัวอยู่หรือแม้กระทั้งลิงหลากหลายสายพันธุ์ที่กำลังมองเขาตาเป็นประกาย
“สัตว์อสูรมากมายขนาดนี้เราคงตายไปแล้วจริงๆสินะเพื่อน...”
เทพอัศนีกล่าวด้วยสีหน้าเหม่อลอย
“อย่าเอาพวกเราไปเหมารวมเป็นสัตว์อสูร..เจ้าพวกมนุษย์..”
เสียงก้องกังวานดังขึ้น มังกรแบบจีนที่มีลำตัวยาวลอยโฉบลงมายืนเบื้องหน้าฟูเหลา ซึ่งมังกรตัวนี้ดูน่าเกรงขามและดูอาวุโสมากด้วยเช่นเดียวกัน
“ใช่!!อย่าเอาเราไปรวมกับสัตว์อสูรสิ!! สัตว์อสูรคือพวกที่ไร้ความคิดที่เป็นแบบแผน พวกมันจะอยู่รวมกันเหมือนเป็นสังคมของสัตว์จู่โจมแบบสัตว์และไล่ล่าเหมือนสัตว์”
กระต่ายในชุดชาวนาพูดขึ้น
“ใช่แล้ว!!พวกเราคือเผ่าพันธุ์!! เผ่าพันธุ์คือสิ่งมีชีวิตที่คิดเรื่องอื่นได้นอกจากการไล่ล่าหาอาหารและอยากจะครอบครองอาณาเขต!!”
กระต่ายอีกตัวในชุดชาวบ้านธรรมดาๆพูดขึ้นมาบ้าง
“ข้าว่าพวกเจ้าคงจะต้องทำความรู้จักโซลเวิลด์ใหม่ซะแล้ว..”
หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังของกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่พิเศษเหล่านี้ เธอใส่ชุดคล้ายชุดของแม่มด ในมือของเธอถือคทาสีขาวสวยงามที่ปลายคทามีอัญมณีสีเหลืองทองประดับไว้
“ขอต้อนรับสู่ดินแดนลับแล”
หญิงสาวเอ่ยต้อนรับพร้อมทำท่าผายมือ
“พวกท่านแยกย้ายกันไปได้แล้ว เราจะเป็นคนดูและบุรุษทั้งสามคนนี้เอง..”
เมื่อหญิงสาวพูดจบสัตว์เล็ก สัตว์น้อยหรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ต่างๆก็พากันแยกย้ายออกไป ฟูเหลามองไปยังหมู่บ้านเบื้องหน้า ที่มีสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่รวมกัน แม้กระทั้งมังกรที่เป็นสัตว์ที่ขึ้นชื่อว่าหยิ่งและหลงในอำนาจที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตบนโลกแห่งโซลเวิลด์ แต่ในดินแดนแห่งนี้ มังกรที่บินบนท้องฟ้ากลับกลายเป็นอะไรก็ตาม ที่ตรงข้ามกับสิ่งที่อ่านจากข้อมูลของเกมมา
“พวกท่านคงกำลังสับสนสินะ”
“ที่นี่คือที่ไหนกัน?”
ฟูเหลาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก่อนอื่นข้ามีคำถามจะถามพวกเจ้าก่อน..”
หญิงสาวพูดเสียงเรียบพร้อมกับทำใบหน้าแน่นิ่ง
“ได้ครับถามมาได้เลย..”
ฟูเหลาพูด
“ตัวของท่านเอง สหาย สัตว์เลี้ยง อาวุธ หรือเงินตรา พวกท่านไว้ใจอะไรและรักอะไรมากที่สุด?”
เมื่อสิ้นคำถามหญิงสาวก็เคาะคทาเวทมนตร์ลงกับพื้นหนึ่งที วิ้ง!! แสงจากปลายคทาสว่างขึ้นจนคลุมพื้นที่ที่ฟูเหลา เทพอัศนีและเทพคันศรยืนอยู่
“พวกท่านต้องตอบด้วยความจริงใจเท่านั้น และแน่นอนว่าคำโกหกหรือแม้กระทั่งความลังเลในคำตอบ เราจะรับรู้ได้ทันที เมื่อใดที่คำตอบของพวกท่านออกมาจากปากของท่านแล้ว เราจะเป็นคนตัดสินว่าท่านจะอยู่ที่นี่หรือสลายหายไปจากตรงนี้เอง..”
