บท
ตั้งค่า

ตอนที่14 ดินแดนลับแล(6)

หลังจากการประลองฝีกมือของมังกรฮาคุและฟูเหลาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปกว่า 5 วันแล้วที่ฟูเหลา เทพอัศนีและเทพคันศรติดอยู่ในดินแดนลับแล

ทั้งสามต่างเร่งเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากดินแดนลับแลให้ได้มากที่สุดไม่เว้นในแต่ละวันและทุกวินาทีเพราะมันมีค่าเป็นอย่างมากสำหรับพวกเขา ทั้งเทพอัศนีและเทพคันศรต่างฝึกฝนอย่างหนักกับเหล่าผู้นำต่างเผ่ามากหน้าหลายตา ในส่วนของฟูเหลาเองก็ศึกษาวัตถุดิบต่างๆมากมายจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน

“เหลือเวลาอีกตั้งหลายวันนายจะเอาแต่ซ้อมไม่ได้นะพวก!! เที่ยวดิเที่ยว! ในหมู่บ้านมีของน่าสนใจแล้วก็ของหายากเต็มไปหมด..เห็นนี่ไหม!! แครอทสวรรค์มันไม่ได้มีให้เห็นนอกดินแดนลับแลง่ายๆนะ!!..”

ฟูเหลารบเร้าเพื่อนทั้งสองเพื่อจะให้ไปชื่นชมหมู่บ้านด้วยกัน ตอนนี้ทั้งสามอยู่ในช่วงเวลาพักระหว่างวันเพราะตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงบ่ายทุกคนต่างต้องทำธุระของตัวเองจนไม่มีใครได้เดินเที่ยวหรือชื่นชมดินแดนลับแลกันซักเท่าไหร่

“นั่นอะไรอีกล่ะ..5 วันที่ผ่านมา..แต่ละวันนายเอาวัตถุดิบหรือไอเทมแปลกๆมาให้พวกฉันดูทุกวัน จำไม่ได้แล้วเนี่ยมีอะไรบ้าง..”

เทพอัสนีพูดด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะหยิบดาบของเขามาเหน็บที่เอว ตลอดเวลา 5 วันที่ผ่านมาในดินแดนลับแล เทพอัสนีและเทพคันศรฝีกการต่อสู้กับชาวบ้านไม่ซ้ำหน้ากันทุกวันเพื่อพัฒนาฝีมือของตัวเอง มีอยู่วันหนึ่งถึงกับเข้าไปในป่าต้องห้ามเพื่อไปจัดการสัตว์อสูรแล้วกลับออกมาพร้อมกับสภาพที่ใกล้จะตาย แต่กลับกันฟูเหลาฝึกประลองแทบจะนับครั้งได้ เขาจะไปแค่ตอนที่ถูกบังคับเท่านั้นเวลาที่เหลือ ฟูเหลาจะใช้ไปกับการอ่านตำราที่ได้หรือไม่ก็ไปหาชาวบ้านเพื่อเรียนรู้อะไรใหม่ๆ และนี่คือสิ่งที่เทพอัสนีกับเทพคันศรเข้าใจในช่วงเวลาที่อยู่ในดินแดนลับแล

แต่ในความจริงแล้วฟูเหลาไม่ได้นั่งทำตัวว่างอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว เขาแอบเข้าไปฝึกในป่าต้องห้ามกับหัวหน้าเผ่าคนแคระช่างตีเหล็กที่มังกรฮาคุเคยพูดถึง ตลอดเวลา 4 วันที่ผ่านมา เขาแทบไม่มีเวลานอนเลยก็เพราะต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งการต่อสู้และการค้าขายจากดินแดนลับแลแห่งนี้

“อันนี้คือแครอทสวรรค์ถ้านายกินเข้าไประดับของนายจะเพิ่มขึ้น 1 ระดับแต่กินได้แค่ 3 ผลเท่านั้นถ้ากินเยอะกว่าไอเทมจะไม่ส่งผลใดๆทั้งสิ้น..”

ชายหนุ่มอธิบายโอ้อวด

“มีไอเทมโกงๆแบบนี้ด้วย?”

เทพอัสนีพูดด้วยความสนใจ พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามามองไอเทมในมือของฟูเหลาใกล้ๆ

“อย่าจ้องๆ แครอทหัวนี้ราคาประมาณ 10 ล้านนะจ๊ะ..”

“ห้ะ!!”

เทพอัสนีกับเทพคันศรถึงกับอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ

“ไม่เชื่อไปถามโอเกอร์ได้เลยหมอนั่นน่าจะพอรู้ราคา..”

ฟูเหลามองแครอทสวรรค์ในมือด้วยสายตาเป็นประกาย เพราะถ้าได้เจ้าผลแบนี้ออกไปนอกดินแดนลับแลละก็ รับรองว่ารวยคับฟ้า

“แล้วแกไปได้มันมาได้ไงเนี่ยฟูเหลา.. เงินขนาดนั้นนายคงไม่มีปัญญาจ่ายแน่นอน”

เทพอัสนีพูดหยอก

“ลุงกระต่ายบันนี่ให้มาฟรีๆเพราะไปช่วยงานที่สวน..จริงๆไอเทมตลอด 5 วันที่เอามาโชว์พวกแกสองคนฉันก็ได้มาฟรีทั้งนั้นแหละ ฮ่าๆ”

ฟูเหลาหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจ

“ไม่ต้องทำเป็นมาโชว์..เพราะพวกฉันก็มีอะไรโชว์แกเหมือนกันไอ้เกลอ..”

พูดจบเทพอัสนีก็ถลกแขนเสื้อขึ้นพร้อมกับโชว์รอยสัญลักษณ์รูปมังกรและลอยสัญลักษณ์รูปยักษ์ให้ฟูเหลาดู เทพคันศรเองก็มีสัญลักษณ์ที่คล้ายกับของเทพอัศนี ต่างกันที่เขาไม่มีสัญลักษณ์รูปยักษ์แต่มีสัญลักษณ์เป็นรูปนกแทน..

“แถ่น แทน แท๊นนน!! ”

เทพอัสนีโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ ฟูเหลายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เนื่องจากเทพอัสนีกับเทพคันศรไม่ได้คุยกับเขาเรื่องที่เขาประลองกับมังกรฮาคุเมื่อ 4 วันที่แล้ว ทั้งสองจึงไม่รู้ว่าฟูเหลาเองก็มีสัญลักษณ์แบบนี้เหมือนกัน

“โห!! อะไรเนี่ยโคตรเท่!!”

ฟูเหลาแกล้งเล่นตามน้ำ

พอเห็นฟูเหลาทำท่าทางตกใจ เทพอัสนีก็รีบโม้ถึงสรรพคุณต่างๆของสัญลักษณ์ที่ตัวเองได้มาทันที จนฟูเหลาที่ยืนฟังถึงกับหัวเราะในใจไปหลายครั้ง

“เห็นถึงความแจ่มแจ๋วของเผ่ามนุษย์รึยังไอ้พวกผู้เล่นกระจอกกก!!”

เทพอัสนีพูดพร้อมยกนิ้วกลางชี้ขึ้นไปบนฟ้าด้วยความสะใจ ให้กับผู้เล่นที่ดูถูกเผ่ามนุษย์

“แล้วทักษะที่พวกนายได้มาเป็นยังไงกันบ้างล่ะ?”

ฟูเหลาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้..เพราะในตอนที่ฟูเหลาได้สัญลักษณ์จากมังกรฮาคุ มังกรฮาคุก็อธิบายไว้แล้วว่าทักษะที่ผู้ครอบครองสัญลักษณ์จะได้รับ จะขึ้นอยู่กับตัวผู้มอบด้วย

“ทักษะของเผ่ามังกรทักษะหนึ่ง ชื่อว่า ปลุกกำลัง เป็นทักษะที่ใช้ในวงกว้างผู้ที่เป็นมิตรกับเราจะได้รับผลของทักษะบวกค่าพลังโจมตี+1,000 ส่วนผู้ที่เป็นศัตรูจะได้รับผลของทักษะคือลบค่าสถานะทุกอย่างลง40%..ส่วนอีกทักษะชื่อว่า เพลิงมังกรหยก ทักษะนี้จะเรียกเพลิงสีเขียวขึ้นมาโจมตีได้..ส่วนทักษะของเผ่ายักษ์ ทั้งสองอันเป็นการเสริมกำลังทั้งหมดอันหนึ่งเสริมกำลังทั้งร่างอีกอันเสริมกำลังอาวุธ”

เทพอัสนีกล่าว

“ของฉันก็คล้ายๆกันกับของเทพอัศนี เผ่ามังกรคือทักษะ เพลิงมังกรหยก แต่อีกอันคือ เกล็ดป้องกัน ผลของทักษะคือสามารถสร้างเกล็ดมังกรขึ้นมาป้องกันการโจมตีได้ ส่วนทักษะของเผ่าปักษาทั้งสองเป็นการเสริมการเคลื่อนไหว อันหนึ่งเสริมการมองเห็นให้มีดวงตาเหมือนนกที่มองได้ไกล ส่วนอีกอันทำให้ฉันลอยในอากาศได้”

เทพคันศรพูดขึ้นบ้าง

“ว่าแต่นายเหอะ..อยู่ที่นี่มาเป็นสิบวันนายจะไม่เก็บเกี่ยวระดับเลยหรอ พวกฉันไปเก็บระดับที่ป่าต้องห้ามจนระดับขึ้นมาเป็น 24 กันแล้วเนี่ย..พวกลุงฮาคุกับลุงริวกิวช่วยพวกเราจัดการสัตว์อสูรในป่าต้องห้ามแล้วก็ให้พวกเราสู้ตอนมันมีพลังชีวิตเหลือพอๆกับพวกเรา..อย่างงี้เราก็พอสู้ได้บ้างแถมระดับก็ขึ้นไวมากด้วย..”

เทพอัสนีพูด

“เห็นกลับมาก็เกือบตายตลอด..”

ฟูเหลาแกล้งพูดเหน็บขึ้น

“พลังโจมตีมันสูงนี่หว่าระดับมันไม่ใช่น้อยๆ..”

เทพอัสนีแก้ตัว

“เอาหน่าไม่ซีเรียสๆ ฉันจะเป็นพ่อค้านะ ยังไม่จำเป็นจะต้องมีระดับสูงอะไรนักหนาหรอก ขอแค่ได้ไอเทมราคาสูงออกไปจากที่นี่ได้สัก 3-4 ชิ้น ก็พอใจแล้ว คิคิ”

ชายหนุ่มหัวเราะคิกคัก

“ครบเวลาออกจากที่นี่พวกเราต้องไปจากเกาะเริ่มต้นกันแล้วนะ อีกอย่างตอนนี้โลกภายนอกเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ติดต่อโอเกอร์ก็ไม่ได้..”

เทพคันศรพูดด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ต้องห่วงหรอก..อาจเป็นเพราะที่นี่เป็นพื้นที่ลับจึงติดต่อโลกภายนอกไม่ได้ก็แค่นั้น..”

ฟูเหลาพูดสันนิษฐาน

“ยังมีอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงด้วย..ถ้านายไม่รีบเก็บระดับนายอาจไม่รอดในการโจมตีครั้งต่อไปของเงานะ..”

เทพอัสนีปั้นสีหน้าเคร่งเครียด

“นั่นสินะเราควรช่วยกันสืบรึเปล่า..3 ครั้ง ในเวลา 5 วันที่ผ่านมาที่เงานั่นโจมตี มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ..”

เทพคันศรพูด

“พวกชาวบ้านเจอเรื่องแบบนี้มาตลอดจนชินแต่ฉันว่ามันมีอะไรแปลกๆเหมือนกัน..”

ฟูเหลาพูดขึ้นมาบ้าง เขาคิดว่าตอนนี้ทั้งเทพอัศนีเทพคันศรและตัวของเขาเองต้องกำลังเข้าสู่ภารกิจลับอะไรสักอย่างแน่นอน แต่แค่ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงก็เท่านั้น

“อะไรที่นายคิดว่าแปลก?”

เทพอัสนีถาม

“เงานั่นโจมตีดินแดนแห่งนี้มาในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา ประมาณร้อยถึงสองร้อยปีได้มั้งนะที่ถามลุงๆป้าๆ แต่ทุกครั้งที่มันเริ่มโจมตี มันเหมือนจะพยายามยึดร่างของผู้ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”

“หมายคามว่ายังไง?”

เทพอัสนีและเทพคันศรนั่งพร้อมกับตั้งใจฟังสิ่งที่ฟูเหลากำลังจะพูด

“คนแรกที่ถูกเงานั่นยึดร่างคือเผ่าคนแคระที่ชื่อ ทอร์น ซึ่งก็คือคนเดียวกับที่ลุงฮาคุพูดถึง เขาอาศัยอยู่ในป่าต้องห้ามเพราะกลัวตัวเองจะกลายเป็นแบบในอดีต ในตอนนั้นเขามีระดับแค่ 15 เท่านั้น และเขาทำเรื่องร้ายบางอย่างเข้า ชาวบ้านก็ไม่ยอมพูดเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์เดียวกันก็คือ มีคนถูกเงาปริศนายึดร่างและทุกครั้งผู้ที่เงานั้นยึดร่างจะเป็นคนที่มีระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ..”

ฟูเหลาพูดอธิบายอย่างออกรสชาติ

“และถ้ามันสามารถยึดร่างบอสระดับ 120 ได้สักวัน..”

เทพคันศรหยุดพูดอยู่แค่นั้น

“ใช่!!จะไม่มีใครสามารถหยุดมันได้อีก..”

“ยังไงเรายังตีโพยตีพายอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ต้องรอดูสถานการณ์กันอีกทีแหละนะ..”

เทพอัศนีพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา

“คืนนี้ฉันนัดกับลุงฮาคุไว้ที่ป่าต้องห้ามนายจะไปกับพวกเรารึเปล่าฟูเหลา?”

เทพคันศรเอ่ยถาม และเริ่มเตรียมตัวไปฝึกฝนต่อในช่วงบ่ายกับเทพอัศนี

“ฉันมีนัดกับลุงทอร์น..พวกนายไปกันเหอะถ้าฉันเสร็จธุระไว้อาจจะตามไปหา..”

“โอเคงั้นเดี๋ยวค่อยเจอกัน..พวกฉันไปฝึกกันต่อละกัน ไงเดียวคืนนี้ถ้าเสร็จธุระก็รีบตามมาล่ะ”

เทพอัสนีพูดก่อนจะเดินกอดคอเทพคันศรไปฝึกทักษะต่อที่ทุ่งว่างนอกหมู่บ้าน ฟูเหลาเมื่อเห็นเพื่อนๆเดินจากไปแล้วก็เดินไปหาชาวบ้านเพื่อศึกษาข้อมูลที่ตัวเองต้องการต่อทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel