ตอนที่10 ดินแดนลับแล(2)
“พวกนั้นทำอะไรกันอยู่ฟ้ะเนี่ย!! ทำไมติดต่อไม่ได้สักคน!!”
โอเกอร์พูดอย่างหัวเสีย ตอนนี้เขากำลังหลบดงระเบิดจากการใช้ทักษะพิเศษของผู้เล่นนับร้อยที่แห่กันมาจัดการสัตว์อสูรราชากอลิล่าขนทอง ระดับ 50 บึม บึม บึม!! เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องด้านหลังของโอเกอร์ ต้นไม้ในป่าหินหยกถูกโค่นลงเพื่อเปิดพื้นที่การต่อสู้
“ทำไมมันโหดขนาดนี้ว่ะ!!”
“นั่นหน่ะสิลูกพี่!! มันจัดการคนจากกิลด์ราชาตัวเขียวของเราไป 50 กว่าคนแล้วนะ!!”
ผู้เล่นเผ่าออร์คสองคนพูดด้วยสีหน้าตื่นกลัว
“ถ้ามีโอกาสเราก็อยากเข้าไปแจมเหมือนกันแฮะ..สัตว์อสูรระดับนี้ไอเทมที่ได้ยังไงก็ต้องเป็นไอเทมระดับสูงแน่นอนอยู่แล้ว”
โอเกอร์พูดเบาๆ แต่ชายหนุ่มไม่โง่ขนาดเข้าไปสู้ในดงผู้เล่นจำนวนมากขนาดนี้แน่นอนแม้จะอยากได้ไอเทมดีๆมากแค่ไหนก็ตาม เขาเคลื่อนร่างออกจากจุดที่เกิดการปะทะเพื่อตามหาเพื่อนของเขาต่อ
สายลมอ่อนๆพัดในยามค่ำคืน ดวงดาวบนท้องฟ้าที่ดูสวยสดงดงาม ดินแดนแห่งนี้ช่างเป็นดินแดนแห่งฝันจริงๆ ผู้อาศัยต่างเผ่าพันธุ์ที่ดูขัดแย้งแต่อยู่ด้วยกันในดินแดนลับแลแห่งนี้ได้อย่างมีความสุข ภาพกองไฟและอาหารนานาชนิด ภาพการแสดงเต้นรำของเหล่าภูติสาวและกระต่ายสีชมพูตัวน้อยช่างเพลิดเพลินและงดงาม
“ขอบคุณมากนะครับท่านฮาคุที่เลี้ยงต้อนรับพวกเรา..”
เทพอัศนีกล่าวขอบคุณมังกรอาวุโสที่มีร่างกายใหญ่โตแบบมังกรแถบยุโรปที่ยืนอยู่ข้างๆ มังกรฮาคุเป็นมังกรที่มีเกร็ดเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม ดวงตาสีทองมองไปยังเหล่าชาวบ้านต่างสายพันธุ์ที่เขาเฝ้าปกป้องอย่างทะนุทะนอม ด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น
“พวกเราไม่มีแขกมานานมากแล้ว ทุกคนจึงตื่นเต้นแล้วก็หวังว่าพวกเจ้าจะสนุกสนานกับช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่กัน..”
มังกรฮาคุพูดช้าๆ
เทพอัศนีและเทพคันศรต่างเพลิดเพลินกับอาหารในงานเป็นอย่างมาก เพราะวัตถุดิบต่างๆที่นำมาใช้ประกอบอาหาร ล้วนเป็นวัตถุดิบพิเศษหายากในโลกภายนอกดินแดนลับแล ทำให้เพื่อกินจะเพิ่มพละกำลลังและไล่ความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี
“ท่านฮาคุครับ..ที่นี่มีช่างตีเหล็กบ้างรึเปล่าครับ?”
ฟูเหลาเอ่ยถามด้วยความสนใจ เพราะไหนๆก็ไหนๆแล้ว การได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากที่นี้คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย แถมที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมของหลายเผ่าพันธุ์ ทำให้ความชำนาญในด้านต่างๆต้องถูกรวมไว้ที่นี่อย่างแน่นอน
“จะว่ามีมันก็มีอยู่หรอก แต่ถ้าเจ้าจะให้เขาทำอาวุธละก็ เขาคงไม่ทำให้เจ้าง่ายๆแน่นอน..” มังกรฮาคุรีบพูดดักคอ
“ทำไมล่ะครับ?”
ชายหนุ่มถามต่อ
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากรู้เจ้าควรไปถามเขาเองที่ชายป่านอกหมู่บ้าน ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดกลางป่า..เขาอยู่ที่นั่น..”
มังกรอาวุโสตอบเสียงเรียบ
“จริงๆผมยังไม่ได้อยากทำอาวุธหรอกครับแค่อยากเรียนรู้เรื่องวัตถุดิบต่างๆเท่านั้น”
“โอ้..งั้นเจ้าควรให้ลูคัสช่วยนะ เขาเป็นเผ่าเงือกที่มีอายุยืนนานและได้เห็นอะไรหลายๆอย่างในคาบสมุทรและผืนแผ่นดินมาแล้วเขาขายพวกพืชผักอยู่ตรงนู้นแหละ..รอช่วงเวลาฟ้าสว่าง เจ้าค่อยไปหาเขาละกัน”
มังกรฮาคุพูดบอกก่อนจะใช้ศีรษะหันหน้าชี้ทางให้ฟูเหลา
“ทำไมนายอยากเรียนรู้เรื่องวัตถุดิบล่ะฟูเหลา.. นายอยากเป็นนักประดิษฐ์หรอ?”
เทพคันศรเอ่ยถามขึ้น
“ป่าว..ฉันอยากเป็นพ่อค้า..”
“ห้ะ!!”
เทพคันศรและเทพอัศนีอุทานพร้อมกัน
“ไหงนายอยากเป็นพ่อค้าล่ะเพื่อน..นายมีฝีมือที่โดดเด่นขนาดนี้ ไปเป็นนักสู้ในอารีน่าไม่ดีกว่าหรอ?”
เทพอัศนีถามด้วยความสงสัย
“เป็นพ่อค้าฉันก็สู้ในอารีน่าได้ไม่ใช่รึไง ฮ่าๆ”
ฟูเหลาหัวเราะ
“เอาเหอะก็จริงตามที่นายบอก..การเลือกอาชีพในโซลเวิลด์มีผลไม่เยอะมากเท่าไหร่ แต่เป็นพ่อค้านี่เหนือความคาดหมายไปหน่อยจริงๆว่ะเพื่อน..”
เทพอัศนีพูด
“พวกนายจะไปไหนกันต่อช่วงเช้ารึเปล่า? สนใจไปดูวัตถุดิบกับฉันไหม?”
“ไม่ล่ะขอผ่าน..พวกเราว่าจะไปหาลุงอาร์เทอร์ เขาเป็นถึงอดีตตำนานกษัตริย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโซลเวิลด์ พวกเราเลยกะจะไปขอให้เขาช่วยสอนพวกเราหน่อย”
เทพคันศรตอบก่อนจะกำชับธนูขึ้นมาอย่างมาดมั่น
“แย่แล้ว!! ท่านฮาคุ!!”
กระต่ายนามลูซี่วิ่งมาด้วยความตื่นกลัว เขาดูกังวลใจและร้อนใจเป็นอย่างมาก ลูซี่ทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างเหนื่อยหอบก่อนจะรีบเค้นเสียงตัวเองเพื่อพูดออกมา
“เงาครับ!!เงามันควบคุมร่างท่านไจโทส!!”
“ว่าไงนะ!!”
มังกรฮาคุทำสีหน้าตกใจก่อนจะรีบบินขึ้นไปในอากาศแล้วพุ่งไปยังทิศทางหลังหมู่บ้านโดยไม่หยุดพูดอธิบายฟูเหลา เทพคันศร และเทพอัศนีแม้แต่น้อย ไม่นานหลังจากที่มังกรฮาคุบินไปก็เกิดเสียงสิ่งก่อสร้างถูกทำลายดังขึ้น
ตูม!!
ประกายไฟลุกโชนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เหล่าสิ่งมีชีวิตต่างๆแตกตื่นด้วยความกลัว เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งอาทิ เผ่าเงือก เผ่ายักษ์ รวมถึงมนุษย์บางส่วนและ ภูติรีบไปรวมตัวกันยังทิศทางที่เกิดการระเบิด ฟูเหลาและเพื่อนทั้งสองเองต่างก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเตรียมพร้อมต่อสู้เช่นเดียวกัน
“เงาคืออะไรครับคุณลูซี่!!”
ฟูเหลาถามด้วยความร้อนรน
“พวกเรายังไม่แน่ใจนัก ในดินแดนลับแลแห่งนี้มีสิ่งอันตรายอยู่ไม่กี่อย่าง แต่ส่วนมากมันจะไม่สามารถออกมาจากป่าต้องห้ามได้.. แต่เงาพวกนี้จู่ๆมันก็ปรากฏขึ้นมาและยึดร่างของชาวบ้านบางตน พวกเราหาวิธีแก้ไขนี้เป็นเวลานานมากแล้ว จนไม่นานนี้เราพึ่งรู้แค่ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ที่เรายังไม่เคยเจอในยุคของเรา!!”
กระต่ายนามลูซี่อธิบายด้วยสีหน้าเป็นกังวล พูดจบเขาก็รีบวิ่งกลับไปที่บ้านเพื่อปกป้องครอบครัวของตนทันที ฟูเหลา เทพอัศนีและเทพคันศรมองหน้ากันก่อนจะรีบวิ่งตามทุกคนไปยังจุดเกิดเหตุ
“ไจโทสเจ้าต้องตั้งสมาธิอย่าให้มันยึดร่างเจ้าได้!!”
อดีตหัวหน้าเผ่ามนุษย์หมาป่านามเอ็กซ์ตะโกนพร้อมกับหลบหมดของไจโทสซึ่งเป็นหนึ่งในเผ่าคนยักษ์ ที่บัดนี้โดนเงาประหลาดควบคุมร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ออร่าสีดำแผ่ซ่านออกมาจากผิวหนัง ดวงตาที่แปลเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเหมือนดวงตาสัตว์ป่า บึม!!
หมัดขวาพุ่งโจมตีกลางวงล้อมจนพื้นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ
“พวกมันต้องการอะไรกันแน่!!”
เอ็กซ์พูดด้วยความโกรธแค้นพร้อมกับจ้องไปยังเงาประหลาดที่กำลังควบคุมไจโทสอยู่ด้านหลัง
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เอาเป็นว่าข้าจะตรึงร่างเขาไว้ก่อนละกัน!!..”
ภูติตนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะใช้ทักษะทำให้เถาวัลย์งอกขึ้นมาจากพื้นและตรึงร่างไจโทสเอาไว้ เอลฟ์นามจูร่าเองเมื่อเห็นเหล่าภูติช่วยกันใช้เวทมนตร์แห่งป่า จึงรีบเข้าไปช่วยเสริมทักษะจนเถาวัลย์พันธนาการร่างของไจโทสไว้แน่น
“รีบทำให้เขาสลบ!! เราตรึงเขาไว้ได้ไม่นาน พลังของไจโทสเยอะขึ้นมากเพราะไอ้เงาประหลาดนั่น!!”
