บท
ตั้งค่า

Chapter 7 จะเอายังไงกันแน่!!!

ตุ๊กตาหน้ารถที่พอลหอบหิ้วขึ้นมา มีทีท่าฮึดฮัดขัดใจ แต่ก็รีบคาดเข็มขัด ทันทีที่เขาพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง คนคอแห้งกระแอมออกเล็กน้อย

จนเขาต้องมองไปที่ขวดน้ำที่วางเสียบลงช่องเอาไว้ให้ เชิงบอก

คนตาเขียวปัดมองตามแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร มันมีอะไรมากมายที่เธออยากจะพูด...แต่ก็เลือกที่จะยับยั้ง

“ดู่มหนุ่ย”

“ดู่มหนุ่ยอะไร??”

“ดู่ม น้าม หนุ่ย” เขาตั้งใจพูดช้าๆ จนเธอรู้ว่าเขาแกล้งพูดไปอย่างนั้น

‘ดื่มไม่ใช่ดู่ม หน่อย ไม่ใช่หนุ่ย!’ นักแก้คำภาษาไทยในวันวานสะท้านไหวขึ้นอีกรอบ จะมาหวนความทรงจำอะไรกันตอนนี้...

“ทำแบบนี้เพื่ออะไร?” คนที่ตั้งใจว่าจะไม่โวยวาย และมีสติให้มาก เพื่อที่จะให้เขามาว่าเธอไม่ได้อีกนั้น...ตัดสินใจที่จะระเบิดออก

“ก็แค่นี้” คนพูดภาษาไทยคล่อง พูดออกมาอย่างโล่งใจ

“แค่นี้อะไร?”

“ดื่มน้ำก่อนสิ” เสียงที่เริ่มแหบจากการที่พยายามตะเบ็ง ของคนที่กลับไปโวยวายใส่เขาได้เหมือนเดิมนั้น ทำให้เขาเริ่มเป็นห่วง

“ยูต้องการอะไรกันแน่?”

“ต้องการให้ยูดื่มน้ำก่อน” ว่าพร้อมแวะข้างทาง จัดการเปิดขวดน้ำหมายจะกรอกริมฝีปากเข้าให้

“ฉันดื่มเองได้!” รีบคว้าลำแขนแกร่งเอาไว้ แต่ก็ต้องสะดุ้งเพราะเหมือนได้จับถ่านไฟร้อนๆ เข้า

“ดื่มเลย ไอจะจับให้” ทีท่าจริงจังไม่มีเล่นของเขา ทำเอาเธอจำต้องยอมทำตามอย่างว่าง่าย เปิดริมฝีปากรับน้ำดื่มเย็นๆ ที่เขาค่อยๆ เทลงมา

สายตายังจดจ้องกับแววตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น

ฝ่ามือที่ผละออกจากลำแขนแกร่ง วางแนบลงไป ราวกับต้องมนตร์สะกด

ใจดวงน้อยที่พากันเต้นระรัว...เริ่มพลิ้วไหวอย่างไร้จังหวะ

เธอไม่เคยปฏิเสธเขาในคราที่จริงจังได้ เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่ต้องทำตามที่ผู้ปกครองบอก แบบไม่มีข้อกังขา

หรืออยากจะกังขา...ก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ!

“อื้อ...ฉันอิ่มแล้ว” รีบผละริมฝีปากออก จนน้ำจากขวดกระฉอกลงมาที่ปกเสื้อเล็กน้อย

“เดี๋ยวเช็ดให้” เขารีบคว้ามือเธอเอาไว้ และหยิบทิชชูที่พกติดรถเอาไว้ ออกมาซับๆ

“ฉันทำเองได้” พยายามจะคว้าทิชชูแย่งจากมือเขา แต่มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็รวบเธอเอาไว้ แบบไม่ให้ได้มีโอกาสขยับ

เขาตัวใหญ่และกำลังเยอะกว่าขนาดนี้ เธอจะเอาอะไรไปสู้ได้!

แม้ที่ผ่านมา เขาจะไม่เคยใช้กำลังอะไรกับเธอเลยก็ตาม

“ปล่อยได้แล้ว” เธอว่าเสียงอ่อย เพราะเรี่ยวแรงแทบจะหมดไป เพียงแค่ไออุ่นจากมือของเขาแตะต้อง

“ยอมปล่อยมาตั้งนานแล้ว...ยังไม่พอใจอีกรึไง” สำเนียงภาษาอังกฤษนั้น เป็นไปในโทนอบอุ่นและเว้าวอนอยู่ในที

ดวงตารูปอัลมอนด์ช้อนขึ้นเชิงเบิกเล็กน้อย

“ไอหมายถึงปล่อยมือไอ”

“ไอหมายถึงทุกอย่าง...มือนี้ก็ใช่” เขาบีบมือเธอแน่นเข้า ตั้งใจพูดและพยายามที่จะสื่อความหมาย จนเธอต้องเบือนหน้าหนี

“หันมาคุยกันดีๆ มีอะไรจะพูดจะถามก็พูดมา”

“เอ๊ะ ยูไม่มีสิทธิ์มาบังคับอะไรไอนะ” พยายามจะหันใบหน้าที่ถูกล็อกด้วยมือของเขาออกไป แต่ก็นั่นแหละ...เธอต้านทานเขาไม่ได้

“ไอให้อิสระยูมามากพอแล้ว เบ๊บ”

“เดี๋ยวนะ! เดี๋ยวก่อน...ยูจะมาพูดอะไรแบบนี้ กับคนที่ตัดขาดจากยูไปตั้ง 6 เดือนแล้วไม่ได้หรอกนะพอล”

“หืม?...ไอเหรอ ที่เป็นคนตัดขาดจากยู?” แววตาสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนความเจ็บปวดออกมา จนคนตั้งท่าจะต่อว่า ค่อยๆ หุบริมฝีปากลง

“ใช่..เพราะว่ายูคือต้นเหตุ การตัดขาดนั้น” แม้จะตอบไม่เต็มเสียง แต่ก็พยายามที่จะตอบ

หนุ่มใหญ่ผมสีทองอมเงินหรี่สายตาลงเล็กน้อย

“ต้นเหตุอะไร ไอยังไม่รู้เลย ว่าไอทำอะไรผิด เบ๊บ...”

“ไม่ต้องมาเรียกไอว่าเบ๊บ ไอไม่ได้เป็นเบ๊บของยูตั้งนานแล้ว”

“ยูยังเป็นเสมอ”

“ไม่ได้เป็น!” คนช่างเถียงคอเป็นเอ็นโก่งลำคอขึ้น จนเขาต้องเผยรอยยิ้มออกมา

“เดี๋ยวก็โดนจับกรอกน้ำอีกรอบ”

“ยูเป็นคนชอบบังคับตั้งแต่เมื่อไหร่” บ่นอุบอิบพร้อมเบี่ยงใบหน้าออกจากมือใหญ่ที่คลายออกได้สำเร็จเสียที เพราะเขายอมปล่อยให้

“เพราะยูไงเบ๊บ ยูมันจอมดื้อ”

“ใครดื้อ ไอไม่เคยดื้อซะหน่อย” หันขวับสวนกลับเขาในทันที และพบว่าเขากำลังยิ้มให้เธออยู่ แถมยังส่ายหัวไปมาเชิงเอ็นดู จนเธอต้องรีบหุบริมฝีปาก

“และไอก็ไม่ใช่เบ๊บของยูด้วย เลิกเรียกได้แล้ว แล้วก็ออกรถสักที”

“นี่แหละ ที่เขาเรียกว่าดู้” เขาพูดเป็นสำเนียงไทย ที่ทำเอาเธอต้องหันไปมองจนเต็มตา

“อะไรนะ?”

“ยูน่ะดู้”

“ดื้อไม่ใช่ดู้” แก้ให้แบบอดไม่ไหว ซึ่งเขาก็พึงพอใจ...

“ยอมรับได้สักทีแล้วสิ ว่าดู้”

“ไม่ใช่ดู้ ดื้อ!” เขาหัวเราะร่วนออกมา เพราะออกเสียงคำนี้ไม่ได้จริงๆ

พอลเลือกที่จะไม่เถียงกับเธอต่อ กดเปิดเพลงและขับรถออกไป แต่มืออีกข้างที่ว่างก็คว้ามือเธอมากุมเอาไว้...แบบที่เคยทำ

“อย่ามาจับมือไอนะ”

“จะให้จับอะไรดีล่ะ” ว่าพร้อมมองไปยังต้นขาเรียวสวย ที่ซ่อนอยู่ในกระโปรงทรงเอสีดำ

“ไม่ต้องจับอะไรทั้งนั้น เราเลิกกันแล้ว”

“เหรอ”

“ใช่สิ! เลิกมา 6 เดือนแล้ว 6 เดือนที่เราสองคนไม่มีแม้แต่บทสนทนาหรือพูดคุยใดๆ!” คนใจร้อนและวู่วามเสมอตะเบ็งเสียงขึ้น แต่คนสงบและมีน้ำเย็นไหลวนในตัวเองเสมอ ก็ยังคงนิ่ง ยิ้มในหน้าเล็กน้อยตามแบบฉบับ

“ยูไม่มี แต่ไอมีไง...” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่เลือกเงียบไปสักพัก

เสี้ยวหน้ามน ค่อยๆ หันไปมองเขาเชื่องช้า

“หมายความว่ายังไง”

“ไม่มีวันไหน ที่ไอไม่ส่งข้อความถึงยู” บุษบากลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ใจดวงน้อยก็สั่นพร่า...แววตาก็เหมือนจะพร่าเลือน

รู้สึกเหมือนหูอื้อไปสักพัก...

“ยูส่งมาว่าอะไร Good morning Good night อย่างนั้นเหรอ” เสียงแค่นของหญิงสาวทำเอาแววตาหนุ่มใหญ่กระตุกเล็กน้อย

ใช่...ที่ผ่านมาเขาอาจจะไม่ค่อยชอบสื่อสาร สนใจที่จะทำกิจกรรมอย่างอื่น มากกว่านั่งส่งข้อความหาเธอหรือตอบกลับ

มีเพียงทักทายและโทรหาบ้าง เวลาที่ว่างตรงกันเท่านั้น

แต่เวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาก็ทำเต็มที่มาตลอดและเขาก็คิดว่า นี่คือสิ่งที่สำคัญมากกว่า...แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของเธอ

“ช่างมันเถอะ ยูอยากจะส่งอะไรก็เรื่องของยู ไอไม่ได้อยากรับรู้ เพราะไอบล็อกยูไปหมดทุกช่องทางแล้ว”

ประโยคนี้มันอาจจะดูใจร้าย แต่สำหรับคนที่เคยเจ็บมากมาย...เลือกที่จะใช้เพื่อจบมัน

เธอเคยเจ็บจากความนิ่งเฉยของเขา

เจ็บกับการต้องมานั่งวิเคราะห์และก็คาดเดา ในสิ่งที่เขาไม่ยอมพูด

อดทนกับความสัมพันธ์ที่ต้องเป็นฝ่ายรอ เธอพยายามจะเข้าใจเขานะ...แต่ก็เหมือนเข้าไม่ถึง เวลาที่อยู่ด้วยกันเขาก็แสนดี แต่เวลาที่ไกลกันเขาก็เฉยชา

‘ฝ. ทำแบบนี้คือไม่ชัดเจนค่ะ มูฟออนค่ะสาว...’ คำบอกเล่าของเหล่าสายฝ.ทั้งหลาย ทำเอาเธอไหวหวั่น พยายามจะเชื่อใจ แต่ก็ไม่สนิท

แต่พอมาอยู่ด้วยกัน เขากลับทำอะไรหลายอย่างให้ เปลี่ยนแปลงนั่นนี่ วางแผนอนาคตหลายอย่าง เธอก็เกือบจะหวั่นไหว

‘เขาพูดแบบนั้น เพราะเขากำลังขายฝันให้เราค่ะ ตื่นค่ะหญิง! ตื่นก่อน!’

“ยูขับรถตามไอมาทำไม ยูทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร อยากจะแกล้งไอเหรอ?” ตัดสินใจถามออกไปให้ชัด เพราะเธอจะได้ตัดเขาในทุกคำตอบ เธอไม่เชื่อด้วยว่าเขาจะส่งข้อความหาเธอทุกวัน

“ไอทำ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ไอทำได้...”

“เป็นโอกาสเดียวที่ไอมี ในตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา”

แต่คำตอบของเขา ก็ทำเอาเธอไปไม่เป็นขึ้นมา..พยายามเบือนใบหน้าหนีน้ำตา กะพริบไล่ให้มันกลับเข้าที่

“ไอขอล่ะพอล ยูอย่าทำแบบนี้เลย” แต่มันกลับไหลลงอาบสองแก้ม พร้อมทำให้เสียงของเธอสะอื้น

พอดีกับที่เขาพาเธอมาถึงอพาร์ทเมนท์เข้าพอดี...และจอดเทียบ พอรถจอดได้นิ่งสนิท วงแขนกว้างก็รีบคว้าเธอเข้ามากอด

“ไม่เอาไม่ร้องเบ๊บ...ถ้ายูไม่สบายใจ ไอจะเคารพการตัดสินใจของยู” จมูกโด่งคมซุกลงไปกับกลุ่มผมหอมนุ่ม ที่เขาคิดถึงมาตลอด

กิริยาและคำพูดนั้นของเขา ทำเอาเธอยิ่งสะอื้นหนัก ซุกตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเขาแน่น

กลิ่นจากเรือนกายที่เคยคุ้น ทำเอาเธออยากจะตักตวงทุกช่วงเวลานี้ให้อยู่กับตัวเองเอาไว้ให้นานที่สุด

ใครว่าเธอไม่คิดถึง

ใครว่าเธอไม่เสียใจ...

เธอแค่อยากจะให้มันจบลงไปจริงๆ ก็แค่นั้น เพราะเธอรู้ดีว่า ความสัมพันธ์นี้มันไม่มีทางไปต่อได้

“ขอบใจนะ...พอล” เธอพยายามขืนตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา ไม่ได้หักห้ามใครมากไปกว่าการหักห้ามตัวเอง

แววตาสีดำขลับที่เปียกชุ่ม จดจำภาพของเขาชั่วสามวินาที ก่อนเปิดประตูวิ่งลงรถไป ปล่อยให้คนมองตามด้วยสายตาปวดร้าว มองนิ่งอยู่อย่างนั้นจนเธอลับตา

นานเหมือนกัน...กว่าที่เขาจะขยับรถเคลื่อนออกไปจากบริเวณนั้นได้ “ไอไม่ชอบน้ำตายูเลยเบ๊บ...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel