
บทย่อ
คำโปรย “พยายามพาตัวเองหนีออกไปด้วยความไวแสนมัค...แต่เหมือนวิ่งมาเจอกับดัก เพียงแค่สบตาคู่นั้นครั้งเดียว” เบลล์ บุษบา อารัมภบท หญิงสาวผู้อกหักคนหนึ่ง พยายามทำทุกอย่างให้ตัวเอง move on… move on ภายใต้ปมต่างๆ ในความสัมพันธ์ที่เธอเป็นคนเลือกที่จะจบไป ทุกอย่างกำลังไปได้ดี เธอเกือบจะลืมไปแล้วทั้งหมด ถ้าไม่ติดที่...โลกมันกลมเกินกว่าที่เธอจะเตรียมตัว เตรียมใจ ถ่านไฟ(ไม่)เก่า ที่เหมือนจะยังไม่ดับ เธอรู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่รู้เลยว่าสำหรับเขา มันเก่าเกินไปแล้วหรือยัง... แววตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น มีผลต่อการทรงตัวเสมอ ในคราที่ได้สบด้วย นานเท่าไหร่แล้วนะ? เหมือนจะไม่นานหรอก เพราะไอ้ความรู้สึกที่กรุ่นขึ้นมาอัตโนมัตินี้ ช่างอุ่น...ปนร้อน จนแม้จะผินหน้าหนี มันก็ยังตามติดไปไม่ห่าง ‘เบ๊บ...’ วลีที่เขาเคยเรียก ดังก้องไปทั้งใจ ‘เป็นสาย ฝ. นี่ใจไม่แข็งอยู่ไม่ได้จริงๆ’ วลีของเพื่อนสาวผู้คร่ำหวอดในวงการนี้มากกว่า แล่นเตือนเข้ามาในความรู้สึก เธอยอมรับว่าตัวเองยอมตัดจากเขาเพราะความกลัว บวกกับความไม่ชัดเจนหลายๆ อย่างที่มันเกิดขึ้น... เธอหันหนี วิ่งเข้าสู่วงการทำงานอย่างหนัก พัฒนาตัวเองแหลก เพื่อที่จะหลุดพ้นจากความรู้สึกพวกนั้น แต่ดูสิ...ดูความรู้สึกพวกนั้นสิ อยู่ตรงหน้าแค่นี้เอง!
Chapter 1 (ไม่) แรกพบ สบตา
เสียงดนตรีจังหวะชวนโยกทำนองไทยแดนซ์ นำพาให้ผู้คนพากันวิ่งไปอยู่หน้าเวที ยักย้ายตัว...ร่อนสะโพก วาดลวดลายแบบไม่มีใครยอมใคร
จนคนที่นั่งมองกันอยู่บริเวณโต๊ะ ปรบมือให้ โยกหัวตามกันใหญ่ แทรกด้วยเสียงหัวเราะเป็นระยะ
ยกเว้น...ความสงบนิ่งหนึ่ง ที่ยังคงสงบ อมยิ้มเล็กน้อย ยกโซดาผสมน้ำส้มหวานขึ้นจิบ ด้วยความรู้สึกอยากจะลากลับ แต่ยังไม่ได้จังหวะ
แววตาสีน้ำตาล เรียบเรื่อย ชื่นชอบความสนุกสนานเบื้องหน้า แต่ไม่ค่อยนานนัก คนรักความสงบอย่างเขา...ไม่เคยนั่งร่วมปาร์ตี้ได้นานเหมือนชาวบ้านเขาสักเท่าไหร่
“ยาวไป...ยาวไปๆ วู้ว!” เสียงหนุ่มๆ วัยสามสิบต้นที่นั่งร่วมโต๊ะกันกับเขา ส่งเสียงชื่นชอบไปยังหน้าเวที ทำเอาเขาต้องหันตามไปมองบ้าง
เรือนร่างบางที่กำลังโยกย้ายตามจังหวะเพลงแบบสนุกสนานอยู่นั้น ส่งผลให้แววตาสีน้ำตาลกระตุกเล็กน้อย...
รอยยิ้มอันสดใสของเจ้าหล่อน โปรยปรายทั่วไปทั้งงาน เรือนร่างเย้ายวนนั้นยักย้าย อยู่ภายใต้เสื้อแขนยาวสีกรมอันสุภาพกับกางเกงสแล็คสีดำ ตามแบบฉบับที่เธอเคยชอบใส่
“แต่งตัวเรียบร้อย ก็คิดว่าจะเต้นไม่เป็น...เด็ดใช่ได้เลยนะวุ้ย” คนที่เรียนภาษาไทยจนสามารถพูดสื่อสารและฟังได้บ้าง เหลือบไปมองคนพูดประโยคนั้นด้วยทีท่าที่ขรึมลง
“เฮ้ยๆ คนนี้ของกู มึงอย่างยุ่ง” หนึ่งในหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ออกตัวชัดว่ากำลังสนใจ เจ้าหล่อนออกหน้า
พอล จอร์แดน เบรย์ ถูกจัดให้นั่งร่วมวงกับบรรดาเพื่อนๆ ของบุตรชายหนุ่มใหญ่รุ่นพี่เจ้าของงาน ที่มัวแต่ไปเดินพูดคุยกับแขก ที่แม้จะเป็นการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ แต่ก็มีบุคคลสำคัญทางธุรกิจมาไม่น้อย
เขาเองก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของ แกรี่ เมอร์ ลันซ์ ฟอร์ด แต่เลือกที่จะไม่เข้าไปมีบทบาทสำคัญ
“จะของมึงได้ยังไง มึงจีบเขายังไม่ติดเลย”
“ติดไม่ติดไม่รู้ แต่กูจีบอยู่...พวกมึงอย่ามายุ่ง” ใบหน้าขรึมของคนที่ไม่ได้ปริปากอะไร ยกโซดาผสมน้ำส้มคั้นขึ้นจิบอีกครั้ง จนวงสนทนาต้องหันมาให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ
“คุณพอลครับ..ไม่ดื่มกับพวกเราหน่อยเหรอครับ?” ดินแดน ฤกษ์ดี ชายหนุ่มร่างผอมบางกว่าใครเพื่อน เอ่ยถามเขาเป็นภาษาอังกฤษ จนหนุ่มใหญ่ต้องส่ายหน้า
“ตามสบายเลยครับ” เขาตอบกลับด้วยภาษาไทยเสียงแปร่ง
“เอาหน่อยสิครับ นิดเดียวเอง...นานๆ ที” คนที่บอกว่าตัวเองจีบหญิงสาวที่มัวแต่สนุกสนานอยู่หน้าเวที หันมาคะยั้นคะยอเขา ด้วยความมึนเมาเล็กน้อย
“เฮ้ย พอลเขาบอกว่าไม่ก็ไม่สิวะ มึงอย่าเสียมารยาท” พอล จอร์แดน ยิ้มให้เล็กน้อยเชิงไม่ได้ถือสา จนวิทยา พิสุทธิกุลวงศ์ ต้องยอมล่าถอยไป
“ตอนแต่งตัวธรรมดา กูก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร แต่ดูๆ ไป หุ่นก็เซี๊ยะใช้ได้นะเว้ย ดูตอนโยกสิ...กูใจแทบขาด” ปราบ ปราการชัย ลูกชายนักการเมืองของจังหวัดผู้เจ้าสำราญเอ่ยขึ้น หลังจากที่นั่งมองอย่างสงบมาตั้งนาน
“เฮ้ยๆ กูบอกแล้วไงว่ากูจีบอยู่ มึงอย่ายุ่งดิวะ” คนที่มีแต้มต่อน้อยกว่าอย่างวิทยารีบว่าเหมือนจะร้องไห้ เพราะรู้ดีว่าถ้าเพื่อนคนนั้นอยากจะได้อะไร ก็ต้องได้เพราะมีทั้งเงินตราและอำนาจมากกว่า!
“เฮ้ยๆ พอกันได้แล้ว สนุกปากกันใหญ่เลยนะพวกยู พูดจาอะไรให้เกียรติเพื่อนน้องสาวไอด้วย น้องเบลล์เขาเป็นคนดี ไม่เอาตัวมาเกลือกกลั้วกับคนอย่างพวกยูหรอก” ซันนี่ ลันซ์ฟอร์ด หนุ่มลูกครึ่งบุตรชายเจ้าของงานผู้กลับมายังโต๊ะพอดี รีบนั่งลงข้างพอล จอร์แดน ตามประสาคนคุ้นเคยกัน
แต่ก็รีบพูดปกป้องเพื่อนของน้องสาว ผู้ที่เวลาสนุก ก็สนุกแบบไม่ได้สนใจใครไปด้วย
“พูดแบบนี้แสดงว่ามึงหวงก้างเหรอวะไอ้หรั่ง!” วิทยาทำท่าโวยวาย
“เปล่าเว้ย ไอแค่เป็นห่วงน้องเขา เขาเป็นคนดี ไม่คุยกับใครไปมั่ว ตั้งใจทำงาน ไม่ดื่มแต่แค่รักสนุกกับเสียงเพลงก็แค่นั้น...” แววตาชื่นชมแบบไม่ปิดบังของซันนี่ ทำเอาเกิดเสียงโห่แซวขึ้นมากมาย
แต่เสียงในใจหนุ่มใหญ่ที่นั่งนิ่งอยู่...
ใครจะรู้ ว่ามันกำลังดังไปในจังหวะใด
“เฮ้อ เหนื่อย! แต่สนุก วู้ว!” สองสาวที่เต้นเข้าจังหวะกัน เดินกลับมายังโต๊ะประจำของตัวเอง แซมมี่ ลันซ์ฟอร์ด ส่งเสียงออกไปแบบไม่ได้เกรงใจใคร ตามประสาคนรักสนุกและเปิดเผย
ชุดที่เธอสวมใส่มีความเซ็กซี่ตามฉบับของสาวลูกครึ่งผู้มีรูปร่างอันเย้ายวน แต่หนุ่มๆ แก๊งเพื่อนของพี่ชายกลับไม่ได้พากันตื่นเต้น เพราะเห็นกันมาจนชินตา
“ยูจะไม่ดื่มหน่อยเหรอเบลล์ ปกติยูก็ดื่มได้บ้างนี่”
“ยูก็รู้ ว่าไอจะดื่มก็ต่อเมื่ออยู่คนเดียวหรืออยู่กับยูแค่สองคนอ่ะ ไม่ชอบดื่มในที่ที่มีคนเยอะๆ กลัวรั่ว” บุษบา สุทธินันท์ ว่าเชิงขันเล็กน้อย ก่อนยกน้ำเปล่าเย็นๆ ขึ้นจิบ
สายตาที่ไม่เคยกวาดมองไปไหนไกลๆ ตามนิสัย มองไม่เห็นเลยว่า ตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่มๆ ผู้หื่นกามเป็นชีวิตจิตใจพวกนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกน่า นี่บ้านไอนะ...มีแต่คนกันเองทั้งนั้น” ว่าแล้วก็หันไปพยักพเยิดให้เพื่อนสนิทหันไปมองรอบๆ
บุษบาเคยมาที่นี่ได้สองสามครั้ง ตั้งแต่คบกับเพื่อนสาวมา แต่เป็นเวลาที่มีการจัดปาร์ตี้เล็กๆ ภายในครอบครัว
เธอเจอกับแซมมี่ตอนที่ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม และรับเป็นล่ามแปลภาษา เพราะเธอเพิ่งจะเรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มมาอีกหนึ่ง
เธอใช้เวลาทั้งหมด 6 เดือนในการทุ่มเทกับภาษาและพัฒนาตัวเองทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นงานแปลหนังสือ แปลบทความ เป็นล่ามทางโทรศัพท์...และล่ามแบบตัวต่อตัว
เธอไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมาตั้งแต่แรก พอพูดสื่อสารได้ มันเริ่มได้แบบจริงจังก็ตอนที่...
คิดมาถึงตอนนี้ ก็อดที่จะหยุดคิดไม่ได้
ใช่...สาเหตุที่ทำให้เธอพูดภาษาอังกฤษเก่งขึ้น ก็เป็นสาเหตุเดียวกับที่เธอตัดสินใจไปเรียนภาษาเพิ่มเติมนั่นแหละ
“ยูเป็นอะไรไปรึเปล่า เวียนหัวเหรอ ยาดมมั้ย?” คนที่เห็นหน้าเพื่อนเฝื่อนไป รีบว่าอย่างห่วงใยทันที
เธอรู้ว่าเพื่อนสาวคนนี้ติดยาดมแค่ไหน...ใช่ มันทำให้เธอติดแบบขาดไม่ได้ตามไปด้วย!
“เปล่า ขอบใจยูมากนะ...ไอแค่เหนื่อยจากการแดนซ์น่ะ”
“โอเคแล้วไป ดูนั่นสิ...หนุ่มๆ มองยูใหญ่เลย หันไปยกมือบริหารเสน่ห์ หน่อย เร็ว” คนที่พยายามจะฝึกเพื่อนให้เป็นสาวเมกาผู้กล้าหาญ รีบสะกิดยิกๆ
“โหยไม่เอาอ่ะ ยูก็รู้ว่าไอไม่ได้อยากจะมีใคร”
“ก็แค่ขำๆ ไง เอาหน่อย เร็ว” เมื่อทนการคะยั้นคะยอไม่ไหว เธอก็ทำเป็นหันไป แต่ไม่คิดที่จะโบกมือตามที่เพื่อนยุแต่อย่างใด
กลุ่มหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ที่พากันส่งเสียงแซวมานั้น พากันส่งเสียงโห่ดังขึ้น เมื่อเธอยอมหันไป...
แต่สิ่งเดียวที่สะดุดในใจของหญิงสาวก็คือ
แววตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น ที่เหมือนมองมายังเธอนิ่ง...นิ่งตามแบบฉบับที่เคยเป็น ผมสีน้ำตาลอมทองผสานกับร่างกายที่สูงใหญ่ ส่งผลให้เขาโดดเด่นกว่าใคร ณ โต๊ะนั้น
ใบหน้าคมยาวล่ำสัน มีจมูกโด่งพุ่งทะยานรับกับริมฝีปากอิ่มกว้าง ความอมยิ้มนิดๆ เหมือนผู้ใหญ่ใจดีทั่วไป นำพาให้คนที่ไม่เคยลืมมันไป ใจสั่นพร่า...
แววตาคู่นั้น จุดประกายความรู้สึกทักทาย แต่ในแบบฉบับซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ แต่เธอมั่นใจว่าเขาจำตัวเองได้แน่...บุษบารีบหันขวับกลับมาและพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติ
“ทำไมยูไม่โบกมือ เผื่อฟลุ๊ค...ไม่ชอบไอ้พวกนั้นก็ไม่เป็นไร แต่เห็นหนุ่มใหญ่ในแบบที่ยูชอบรึเปล่า คนนี้แหละที่ไอพยายามเล่าให้ยูฟังอ่ะ คุณพอลเพื่อนรุ่นน้องของคุณพ่อ คนนี้รับรองเลยนะ ว่าไม่มีเจ้าชู้เหมือนที่ยูกลัวแน่นอน!”
คำว่า ‘เจ้าชู้’ นั้น...ทำเอาคนที่อคติกับผู้ชายทั้งโลกอย่างเธอ แม้จะเคยได้ยินมาว่าผู้ชายฝรั่งส่วนมากจะคบใครทีละคน แต่เธอก็ไม่เชื่อใครง่ายๆ หรอก
น้อยไปสิ...หึ!
