ตอนที่ 7
น่าเสียดาย...หากนายท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ คุณน้ำชาของทุกคนคงไม่ต้องระเห็ดออกจากบ้านแบบผู้แพ้ที่ไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ และแน่นอนว่าคนอย่างมธุรสาคงไม่มีวันได้เหยียบเข้ามาบ้านนี้ ไม่ได้มาเชิดหน้าชูคอในฐานะลูกสะใภ้ของธำรงสถิตย์แน่นอน
ของที่มีมากเพียงแค่หยิบมือใช้เวลาไม่นานก็เก็บเสร็จ กระเป๋าใบเดิมกับวันแรกที่มาถูกส่งคืนให้เจ้าของ
“เดี๋ยว!” เสียงวางอำนาจของคุณผู้หญิงคนใหม่เอ่ยขึ้น “มีอีกเรื่องที่เธอต้องจำไว้ให้ขึ้นใจ ต่อไปนี้ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธออีกแล้ว เมื่อเธอก้าวออกไปจากบ้านนี้ ก็อย่าได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกเป็นอันขาด”
คำนั้นทำให้หลายคนในห้องถึงกับหน้าเสีย โดยเฉพาะคนรับใช้เก่าแก่ของบ้านที่เห็นศรุชามาตั้งแต่แรกเริ่มที่เข้ามาอยู่ใหม่ๆ มีน้ำตาคลอ สงสารหญิงสาวผู้อาภัพถ้วนหน้า
ศรุชายืนนิ่งไม่ได้เสียใจอะไรกับประกาศิตของหญิงสาวตรงหน้า แม้ลึกๆ อดใจหายคิดถึงผู้มีพระคุณทั้งสองที่ล่วงลับ กับผู้คนในบ้านที่ดีกับเธอเสมอมา ในใจเธอคงหลงเหลือแค่นั้นจริงๆ
“ตกลงค่ะฉันจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัวลาก่อนนะคะ” คำพูดลอยๆ นั้นไม่เจาะจงว่าพูดกับใคร แต่ชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่มุมหนึ่งของห้องก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ เขาแทบไม่อยากปรายตามองอดีตภรรยาที่กำลังจะเดินออกจากห้องรับแขกแห่งนั้นเสียด้วยซ้ำ
นี่มิใช่หรือคือสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเขาพาเธอเข้ามายัดเยียดให้ในฐานะภรรยาที่ไม่พึงปรารถนา แล้วภาพในวันวานตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรกค่อยๆ ไหลย้อนกลับมาในสมองของเขาอีกครั้ง
ในวันนั้นมันคงเป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออกเลยสักนิดสำหรับคนอย่าง กฤตภาคย์ ธำรงสถิตย์ ทายาทหนึ่งเดียวของตระกูลธำรงสถิตย์ที่แสนมั่งคั่งและเก่าแก่อีกตระกูลหนึ่งของเมืองไทย ที่จู่ๆ ก็ต้องถูกมัดมือชกกลายมาเป็นเจ้าบ่าวสายฟ้าแลบให้กับผู้หญิงที่เขาเพิ่งพบหน้าเพียงไม่ถึงสามวันโดยไม่เต็มใจเลยซักนิด แถมชื่อแซ่ของเจ้าหล่อนเขายังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ชื่ออะไร...ชาๆ ที่แม่เขาแนะนำตั้งแต่วันแรกที่เจ้าหล่อนมาโผล่ที่บ้านเขาพร้อมกับมารดา และสมบัติคือกระเป๋าเสื้อผ้าสีน้ำตาลเข้มใบกระทัดรัดติดตัวมาแค่ใบเดียว
ดวงตาเข้มแลมองเจ้าสาวแปลกหน้าที่นั่งนิ่งสงบเสงี่ยมงามเหมือนตุ๊กตาชาววัง หากไม่เห็นว่าฝ่ายนั้นยังหายใจอยู่เขาคงคิดว่าตัวเองแต่งกับตอไม้แน่ๆ
พิธีการผ่านไปทีละขั้นแม้จะรวบรัดแต่ก็กินเวลาอยู่ไม่น้อย ทำให้คนนั่งหมอบนานเริ่มจะเหน็บกินจนต้องขยุกขยิก อยากลุกใจจะขาดแต่ก็เกรงใจพ่อแม่ตัวเองอยู่บ้าง
‘ได้ฤกษ์รดน้ำแล้วค่ะ ดิฉันขอกราบเรียนเชิญทุกท่านกรุณาให้เกียรติรดน้ำอวยพรบ่าวสาวได้เลยนะคะ’
