ตอนที่ 4
“ไม่ได้นะ! มิ้งค์รอวันนี้มาตั้งนานแล้ว จะให้รออีกนานแค่ไหนกันคะ นี่มิ้งค์ต้องยอมให้คนทั้งเมืองหัวเราะเยาะนินทาว่ามิ้งค์เป็นเมียน้อยคุณกับผู้หญิงคนนี้ถึงเมื่อไหร่ ในเมื่อเราสองคนรักกันมาก่อนที่คุณจะถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้คนนี้ด้วยซ้ำ”
เสียงแปดหลอดนั่นทำให้คนแถวนั้นหันมามองกันอย่างสนใจ แถมยังทำให้หัวหลักหัวตอที่ถูกพาดพิงอย่างศรุชาเริ่มจะหน้าชาเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุ๊บๆ จนแทบจะหัวระเบิด
“แต่ถ้าหย่าตอนนี้ สมบัติพ่อแม่ผมก็ต้องถูกแบ่งครึ่งน่ะสิ” กฤตภาคย์เอ่ยหน้าเครียด
แม้รู้ดีว่าเขาไม่อยากเสียผลประโยชน์อะไรทั้งนั้นให้ภรรยาแสนชังที่กำลังจะกลายเป็นอดีตแม้แต่สตางค์แดงเดียว ซึ่งถ้าหากเขายอมขอร้องดีๆ ด้วยคำพูดที่ไม่ต้องหวานเท่าที่เขาพูดกับคนที่เขารักก็ได้ บางทีศรุชาก็คงยอมไม่รับสินสมรสที่ว่าเลยสักแดงเดียวก็ได้ เพื่อเห็นแก่พ่อกับแม่สามีที่ท่านใจดีมีเมตตามาตลอด แต่นี่เขากลับทำราวกับไม่ยอมเห็นหัวใครทั้งนั้น แม้กระทั่งบิดามารดาที่นอนในโลงยังไม่ทันได้เผาทั้งคู่ หลังพวกท่านเสียเพียงไม่นานก็ลากเธอมาหย่าที่เขตพร้อมกับยอมให้ผู้หญิงอีกคนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีกันจนย่อยยับต่อหน้าคนอื่นแบบนี้
“เอายังไงดีคะ ตกลงจะให้ฉันเซ็นต์ชื่อได้หรือยัง” หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉื่อยไม่ยินดียินร้าย ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า ความอ่อนแอไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นนอกจากจะทำให้คนอื่นไม่เกรงใจเราก็เท่านั้น ความสุภาพอ่อนน้อมควรใช้กับคนที่เห็นค่าของมัน หาใช่คนที่นอกจากไม่เคยเห็นค่า แล้วยังคอยแต่เหยียบย่ำหัวใจกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เห็นเขานิ่งคิดหน้าเครียดจัดไปพักใหญ่ ตาดุๆ คู่นั้นมองมาเหมือนถ้าหักคอกันได้คงทำไปแล้ว แต่ในที่สุดเขาก็ตัดใจเอ่ยออกมาอย่างขอไปที
“อืม! ก็รีบเซ็นต์สิ” แอบเห็นสายตาพิฆาตของผู้หญิงคนนั้นตวัดมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน ก็แอบยิ้มเย็นก่อนจับด้ามปากกาไว้มั่น แล้วจรดมันลงไปบนกระดาษตรงหน้าอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป ปิดฉากการเป็นเมียที่มีค่าเพียงเศษสวะในหัวใจของผู้ชายตรงหน้าตลอดกาล
รอชั่วครู่กระดาษสองใบก็ถูกยื่นคืนมาให้ ศรุชาเอื้อมไปหยิบใบหนึ่งขึ้นมาอ่านดูความถูกต้องก่อนส่งให้ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมาย
สามีที่เพิ่งกลายเป็นอดีตหมาดๆ !
“นี่ค่ะ อิสรภาพของคุณ ฉันขอคืนให้”
เขาตวัดสายตามองนิดๆ ก่อนที่กระดาษแผ่นนั้นจะถูกมือของหญิงสาวข้างกายคว้าหมับไปดูอย่างเสียมารยาท แต่ก็เข้าใจได้ว่าคงดีใจมากจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“จบเรื่องแล้ว ฉันขอตัวไปเก็บข้าวของที่บ้านก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน!” ร่างบางระหงชะงักกึก “แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่หยิบสมบัติของผัวฉันติดมือไปด้วย”
“ข้อนั้นอย่าห่วงเลยค่ะ เพราะเท่าที่ได้ไปฉันก็คิดว่ามันมากพอที่ฉันจะไม่ต้องลักขโมยสมบัติใครแล้ว”
“แก!”
“ใจเย็นๆ สิครับมิ้งค์ โมโหมากไปจะไม่ดีกับลูกของเรานะ แถมยังเสียฤกษ์ดีๆ ด้วย” น้ำเสียงเชือดเฉือนนั่นไม่เท่าดวงตาร้ายกาจที่ตวัดไปทางคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเสียฤกษ์
“อุ้ย...นั่นสิคะ มิ้งค์ก็ลืมไป เอ้า...หมดเรื่องก็รีบๆ ลุกเสียทีสิ ฉันกับกฤตจะได้จดทะเบียนสมรสต่อเลย” เจ้าหล่อนน้ำเสียงเยาะเย้ยโดยไม่ปิดบัง
ศรุชาแอบสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสกัดกลั้นละอองน้ำที่กำลังจะหยาดรินให้ย้อนกลับเข้าไป ก่อนตีหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่แยแสก่อนที่จะประคองร่างที่จวนเจียนจะเป็นลมของตนจากชายหญิงทั้งสองไปพร้อมกับใบหย่าในมือ อิสรภาพที่ได้รับกลับคืนมาอีกครั้ง
ปิดฉากบทบาทภรรยาที่เหมือนเศษสวะในหัวใจของกฤตภาคย์ตลอดกาล พร้อมกับเปิดฉากบทบาทใหม่ของชีวิต...
แม่ม่ายผัวทิ้ง!
